กลับมาที่ในห้องน้อย
ฟางหยวนนอนลงและดูเหมือนกำลังงีบหลับไป
อันที่จริงแล้ว เส้นสายพลังเวทย์อันกระตือรือร้นกำลังรวมตัวกันอยู่หว่างคิ้วของเขาและเขาก็กำลังดูดซับพลังจากรอบตัวมากขึ้น พลังเวทย์นี้ราวกับมังกรซ่อนในหุบเหวลึกพร้อมที่จะกระโจนขึ้นสู่ท้องฟ้า
“แม้ว่ากำลังภายในจะสามารถเคลื่อนย้ายได้ แต่ก็เพียงชั่วคราว หัวใจหลักนั้นอยู่ที่นี่! ตราบใดที่ข้าต้องการ มันก็จะเป็นตลอดไป!”
ฟางหยวนลุกขึ้นและรู้สึกสดชื่นขึ้น
เขามีแนวทางการฝึกตนเป็นจ้าวแห่งฝันอยู่แล้ว และดังนั้นมันจึงไม่ยากที่เขาจะผ่านก้าวใหญ่นี้ได้อีกครั้ง
อย่างไรเสีย สภาพร่างกายของเขาก็เหนือธรรมดาไปมาก หยางฟานนั้นมีความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นมาตั้งแต่ยังเล็ก เขาสามารถรู้ว่าผู้อื่นคิดอะไรอยู่เพราะพลังเวทย์ของเขานั้นเหนือธรรมดาจนถึงระดับที่เรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว!
หรือบางที อาจเพราะผู้อื่นรู้เรื่องความสามารถของเขา พวกเขาจึงเริ่มจับตามองและปฏิบัติกับเขาอย่างเลวร้ายเพราะความกลัว
“ตราบใดที่ข้าสามารถดูดซับพลังธาตุจากฟ้าและดินเข้ามาในร่างกายและเปิด ศูนย์รวมจิต ที่หว่างคิ้วของข้าได้ ทะเลเหนือสำนึกก็จะรวมพลังธาตุได้ ข้าก็จะสามารถทะลวงผ่านขึ้นเป็นศิษย์แห่งฝัน… แต่ข้าไม่ได้รีบร้อน แม้ว่าศิษย์แห่งฝันจะเก่งกาจเรื่องการผนึก แต่ก็อาจจะมีผู้รู้อยู่ข้างกายฮูหยินหวัง.. ข้าควรจะไปทีละขั้นในตอนนี้”
เขาค่อย ๆ ฝึกฝนทะเลเหนือสำนึกและจิตใจของเขาก็กระจ่างขึ้น เขายังหวนคิดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาและตีความได้มากขึ้น โดยไม่รู้ตัว เขาก็ได้เข้าสู่ภาวะสงบเหมือนที่บอกเอาไว้ในพิธีชงชาสมาธิโดยอาจารย์เวิ่นซิน
จิตวิญญาณที่สงบสุขนั้นหมายถึงว่าเขาจะแก้ไขทุกปัญหาให้ผ่านไปได้
นี่คือระดับปัจจุบันของเขา
เขารู้กระบวนการฝึกเป็นจ้าวแห่งฝันอยู่แล้วและอยู่ห่างจากการบรรลุถึงเพียงแค่นิดเดียว
“นี่คือสิ่งที่จ้าวแห่งฝันทำได้… อย่างไรเสีย เมื่อจ้าวแห่งฝันเข้าแฝงฝัน มันก็คือความเสี่ยงครั้งหนึ่ง ไม่มีใครสามารถรับรองได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ดังนั้นมันจึงดีกว่าถ้าจะทำตามที่สัญชาตญาณลึก ๆ บอก!”
ด้วยข้อมูลชิ้นนี้ ความคิดของเขาก็สั่นไหวชั่ววูบ เขาชักนำพลังธาตุจากฟ้าและดินตรงไปที่แผ่นหลัง เร่งการรักษาแผลของตัวเอง
“การสอบของราชสำนักน่าจะมีประกาศออกมาแล้ว ดูเหมือนว่าฮูหยินหวังจะต้องการขังข้าเอาไว้ตลอดไป ไม่ ไม่ใช่ข้าสิ! เป็นหยางฟาน!… นางเกลียดเขาถึงเพียงใดกัน?”
แม้ว่าการสอบราชการจะไม่สำคัญกับฟางหยวน แต่นี่ก็เป็นเพียงข้ออ้างเดียวที่เขาจะออกไปจากที่นี่ได้
อย่างไรเสีย จากเท่าที่เห็น ฮูหยินหวังต้องการขังเขาเอาไว้ไปตลอดกาล นางต้องการให้เขาอยู่อย่างคนธรรมดาไร้โอกาสที่จะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงได้!
เจ็ดวันมาแล้วที่เขาถูกขังเอาไว้
เขาดูดซับพลังธาตุจากฟ้าและดิน และอาการบาดเจ็บของเขาก็เกือบจะหายแล้ว
“ข้าบรรลุเงื่อนไขการเป็นจ้าวแห่งฝันแล้ว ขั้นต่อไปข้าจะต้องสร้างพลังธาตุฝันของข้าและพลังธาตุฝันก่อกำเนิด!”
ฟางหยวนแตะศูนย์รวมจิตของตน
พื้นที่ตรงระหว่างคิ้วเปิดออก หมายความถึงการเตรียมการพร้อมแล้วและตอนนี้ ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือโอกาสที่จะลงมือ
“ถ้าฮูหยินหวังต้องการทำร้ายข้าอีกครั้งหน้า ข้าจะสังหารนางและหายตัวไปเสีย นี่ดูจะเป็นความคิดที่ดี! แต่ว่า ข้าจะผ่านโลกแห่งความฝันนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
มองชีวิตของหยางฟาน เงื่อนไขการผ่านน่าจะอยู่ที่ตระกูลหยาง!
“นอกจากนี้… ยังมีวิทยายุทธ์!”
ขณะที่เขาพูด ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ประเทศเซี่ยและประเทศจูนั้นแยกออกจากโลกส่วนที่เหลือ ความรู้ของพวกเขานั้นตื้นเขิน และอู่จงก็คือระดับสูงสุดในโลกวิทยายุทธ์ของพวกเขา แต่ว่า มันต่างออกไปในอาณาจักรต้าเฉียน!
หลังจากอู่จง คนผู้หนึ่งยังสามารถพบขอบเขตอื่นและขึ้นสู่ระดับเดียวกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุได้!
เคล็ดวิชาลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุณน่าจะเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาที่ทำเช่นนั้นได้!
“บางที… มรดกของหยางฟานอาจจะอยู่ในโลกแห่งฝันนี้!”
ด้วยแนวความคิดใหม่นี้ ฟางหยวนก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
นี่อาจจะเพราะเขาเป็นจ้าวแห่งฝันและดังนั้นประโยชน์ที่เขาได้รับจากโลกแห่งความฝันนี้ยังเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้
“มรดกสุดท้ายสำหรับจ้าวแห่งฝันน่าจะเป็นโลกแห่งความฝันแท้จริงที่รวบรวมเอาทุกความทรงจำของเขาเอาไว้… ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชา สมบัติ ประสบการณ์ หรือเส้นสายที่มี ทั้งหมดนี้ถูกส่งผ่านมาในรูปของมรดก!”
ทันใดนั้น ฟางหยวนก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา “บางที… มรดกที่อาจารย์เวิ่นซินทิ้งเอาไว้ให้ข้าก็อาจจะเป็นโลกแห่งความฝันที่เขาประสบมา? เดี๋ยวนะ…”
เขามองโลกที่เหมือนจริงเหลือเกินนี้แล้วก็พบว่ามีบางอย่างผิดไป
“ไม่มีความแตกต่างระว่างโลกจริงและโลกแห่งความฝัน… ราวกับโลกแห่งความฝันอันแท้จริงที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันซับซ้อน ถ้าทั้งหมดนี้มาพร้อม ๆ กัน มันจะผสมเข้าหากัน? นี่คือหนึ่งในความเสี่ยงในโลกแห่งความฝัน”
การยอมรับความทรงจำอื่นอาจจะมีผลกระทบต่อเขาและกระทั่งสร้างเป็นบุคลิกและนิสัยใหม่
ในโลกก่อนหน้าที่เขาอาศัยอยู่ เขาอาจจะเรียกได้มันว่าเป็นความผิดปกติทางจิตใจ แต่เจ้าแห่งฝันนั้นได้เปรียบตรงที่ได้สัมผัสชีวิตใหม่ทั้งชีวิต!
“จ้าวแห่งฝันผู้ชั่วร้ายอาจจะมีวิธีทำให้มันเกิดขึ้นได้!”
ฟางหยวนจดจำเรื่องนี้เอาไว้และเริ่มหาความรู้ใหม่ที่เขามีเกี่ยวกับวิทยายุทธ์
“แม้ในตระกูลที่ฝึกวิทยายุทธ์ ครูฝึกก็เพียงแค่สอนเนื้อหาเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนสำหรับ 12 ประตูทอง ส่วนวิธีการทะลวงสู่อู่จงและเส้นทางการฝึกฝนหลังอู่จง นี่ล้วนเป็นความลับที่เด็กไร้ประโยชน์อย่างหยางฟานก็ไม่ล่วงรู้ หยางหู่นั้นตรงกันข้าม น่าจะรู้…”
“ข้าได้ยินจากผู้ฝึกยุทธ์อาวุโสว่ามีอู่จงที่อยู่ในระดับเดียวกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุ… ขอบเขตนั้นเรียกว่า… เปิดชีพจร!”
ดวงตาของเขาสว่างขึ้น
โลกแห่งความฝันของจ้าวแห่งฝันนั้นเป็นสมบัติล้ำค่า
ขณะที่ฟางหยวนพยายามทำตามความต้องการของโลกแห่งความฝันเพื่อจะหลุดออกไป ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ขุดเอาสมบัติเหล่านี้ออกมา
“พูดถึงการทำตามความต้องการแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าหยางฟานไปที่ประเทศเซี่ยหลังจากจัดการกับตระกูลหยาง? ถ้านั่นเป็นเรื่องจริง ระดับความยากก็ยิ่งเกินจินตนาการได้แล้ว…”
ฟางหยวนส่ายหน้า ต่อให้เขาอยู่ที่ระดับสูงสุดของเขา เขาก็ยังไม่ใช่คู่มือของนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุและผู้ฝึกยุทธ์ระดับเปิดชีพจร
“หยางฟาน!!”
ถึงตอนนี้ มีเสียงดังนั่นระคายหูฟางหยวนราวกับเสือคำรามอยู่ข้างหู
“โครม!”
ประตูไม้บอบบางพังลงและเด็กหนุ่มท่าทางแข็งแรงผู้หนึ่งพุ่งเข้ามา
เขามีคิ้วหนาดวงตาคมกริบ สองแก้มซีดเหลืองและหน้าผากมีรอยตราวิญญาณที่เกิดเป็นตัวอักษร ‘王’ การเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยพลังอันน่าอัศจรรย์ราวกับเสือกลับมาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์
“พี่รอง!”
ฟางหยวนสวมกริยาของหยางฟาน ทักทายเขาด้วยการประสานหมัด “ท่านมาที่นี่มีสิ่งใดจะชี้แนะข้า?”
ฮูหยินหวังมีลูกสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง ฟางหยวนไม่มีธุระใดกับพวกเขาและไม่มากพิธี
แต่ว่าพลังของหยางหู่ทำให้ฟางหยวนประหลาดใจ
‘เขาร่างใหญ่และมีกระดูกพยัคฆ์ ข่าวลือว่าเขายังเปิดชีพจรพยัคฆ์อีกด้วย อันที่จริง เขาก็น่าเกรงขามมาก!’
ในตอนนี้ ฟางหยวนสามารถสัมผัสความแข็งแกร่งภายในหยางหู่ได้ว่าเหนือธรรมดา ร่างกายของเขาราวกับมีเตาไฟลุกโพลง ที่ข้างหัวใจยังมีเม็ดยาวิญญาณที่ยังคงแผ่พลังออกมาอย่างสม่ำเสมอและมอบพลังให้กับร่างกายของเขา
“เม็ดยาที่ดี เทียบกันแล้วยาของลู่เหรินเจียนับว่าเป็นขยะไปเลย…”
ฟางหยวนคิด “ด้วยความช่วยเหลือของยาวิญญาณ ถ้าคนผู้นี้ฝึกเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุณที่ต้องมีพื้นฐานอันแข็งแกร่ง ก็จะสามารถเอาชัยเหนือจอมยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ได้ตอนที่ยังอยู่ประตูทองที่ 8!”
“ฮึ่ม?”
เมื่อเขามองฟางหยวน หยางหู่ก็ขมวดคิ้วและพบว่าน้องสี่นั้นเปลี่ยนไป
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มโมโหและพูด “ข้าได้รับรายงานจากคนของข้าว่าเจ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่านพ่อและยังกล้าเถียงท่านแม่? ปากของเจ้ามันอยู่ไม่สุขใช่หรือไม่? เจ้าอยากจะนอนอยู่แต่บนเตียงอีกสักเดือนใช่หรือไม่?”
“เรื่องนี้… ผ่านมา 7 วันแล้ว…”
ฟางหยวนถึงกับพูดไม่ออก
เด็กหนุ่มผู้นี้รอจนถึงตอนนี้ถึงค่อยมาตำหนิเขาเรื่องนี้? เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจ และเป็นไปได้ว่ามีบางคนพยายามกระพือกองไฟระหว่างพวกเขาขึ้นมาใหม่
ฟางหยวนหรี่ตา เขานึกถึงความทรงจำของหยางฟานที่เคยถูกหยางหู่ทุบตีจนกระอักเลือด ทำให้เขาต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเดือน
“นี่เจ้ายังกล้าเถียงข้า?”
หยางหู่จ้องฟางหยวน คำรามและพุ่งเข้ามา
“หยางหู่!!!”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึกและตะโกน “ข้าได้รับคำสั่งจากแม่ใหญ่ให้เก็บตัวผู้เดียวที่นี่ เจ้าทำลายกฏนี้เมื่อพังประตูเข้ามา!”
“นอกจากนี้ เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ และเจ้ายังกล้ารังแกคนธรรมดาเช่นข้า ทั้งที่พวกเราเป็นพี่น้องกัน เจ้าไม่กลัวเสียชื่อเสียงใช่หรือไม่?”
แม้ว่าฟางหยวนจะพูดเร็วมาก แต่มันก็ฟังชัดเจนและได้ผล
หยางหู่อึ้งไปและหยุดการเคลื่อนไหว เขาลังเลที่จะลงมือกับฟางหยวน
เขาไม่กลัวสิ่งใดบนโลกนี้แต่ก็ยังต้องคิดถึงคำสั่งเข้มงวดของมารดา
“เจ้า…”
หยางหู่ถอยไปที่ทางเข้าก่อนที่จะทันทำอะไร ใบหน้าของเขาขึ้นสีขณะดึงข้อนิ้วตัวเอง
“คุณชายรอง!”
ตอนนี้เอง มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นและยืนอยู่หน้าหยางหู่ “คุณชายสี่พูดถูก นอกจากนี้ ท่านควรจะไปทักทายมารดาของท่านก่อน!”
‘หยางฉิง!’
ฟางหยวนจำครูฝึกที่พูดยืดยาวบนลานฝึกได้ จากนั้นเขาก็หรี่ตา
“ฮึ่ม ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ข้าจะกลับมาจับการเรื่องนี้หลังจากพบท่านแม่แล้ว!”
หยางหู่พูดอย่างโมโหแล้วหันกลับไป
“ขออภัยด้วย คุณชายสี่!”
หยางฉิงยิ้มและกล่าวขออภัย เขาดูจะเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง ถ้าฟางหยวนไม่รู้ธาตุแท้ของเขามาก่อน เขาก็คงถูกท่าทางซื่อสัตย์ของเขาหลอกไปแล้ว
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่ว่าประตูห้องของข้า…”
ฟางหยวนชี้ไปที่ประตูพัง ๆ ด้วยท่าทางซื่อ ๆ
“ข้าจะส่งคนมาซ่อม!”
หยางฉิงหน้าซีดและรู้สึกไม่สบายใจขณะรีบร้อนกลับออกไป
…
ในห้อง ธูปถูกจุดเอาไว้และแผ่พลังออกมา
ฮูหยินหวังจิบน้ำแกงวิเศษ เล็บสีทองสะท้อนแสงวาววับ นางมองหยางหู่ที่เดินเข้าไป แล้วย่นคิ้ว “เจ้าไปหาน้องสี่ของเจ้ามา?”
“ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่ทำตามกฎบ้านก็เลยจะไปจัดการกับเขา…”
หยางหู่นั้นเป็นอันธพาล แต่กลับกลายเป็นแมวเชื่อง ๆ ต่อหน้ามารดาของตน
“เจ้าโตแล้วนะ เหตุใดยังไม่รู้จักคิด? เจ้าอยากเสียชื่อเสียงนักรึ?”
ฮูหยินหวังเลิกคิ้วสูงและเริ่มสั่งสอนหยางหู่
“ข้าแค่ร้อนใจแทนท่าน หยางฟานกำลังเตรียมเข้าสอบราชการ ให้ข้าไปหักแขนเขาสักข้าง…”
“ไร้สาระ!”
คราวนี้ฮูหยินหวังโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร? ในเมื่อน้องสี่ของเจ้าต้องการเข้าสอบ ข้าจะไปขวางทางเขาเพื่อเหตุใด? ชุนหลาน ไปแจ้งหยางฟานให้ตั้งใจเล่าเรียนและเตรียมตัวสำหรับการสอบของเขา แล้วก็นำเงินสิบตำลึงทองไปมอบให้เขาเป็นค่าสมัครสอบด้วย!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”
สาวใช้คนหนึ่งเดินออกไป หยางหู่เกาหัวและรู้สึกสับสน
“เสี่ยวหู่ เจ้าออกไปก่อน เรียกหยางฉิงมาพบข้า!”
ฮูหยินหวังลูบขนแมวสีทอง ดวงตาของนางส่องประกายวาว