ตอนที่ 191 ตระกูลเมิ่ง
หลังจากองค์ชายทั้ง 2 ขึ้นเป็นราชา ดินแดนทุ่งหญ้าก็สงบสุข
การประชุมหยวนอู่จบลงแล้ว หรือบางที มันอาจจะเปลี่ยนเป็นการประชุมเซี่ยโยว ทุกประเทศนําทหารกลับสู่ประเทศของตน
แม้ว่าที่ผ่านมาจะอันตรายเพราะมีการปรากฏตัวของผู้ที่มีอํานาจเหนือกว่าเขา อู่เฉียนคุน ก็โชคดีที่ได้เห็นการแบ่งแยกอํานาจของประเทศหยวน โดยไม่ต้องหวาดกลัวการรุกล้ําเข้ามาทางใต้ เขากลับจากการประชุมด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป
เขาสูญเสียมากที่สุดแล้ว ไม่เพียงสูญเสียทั้งอู่เต๋าและแม่ทัพเฟยหลง และยังต้องยอมเสียดินแดนบางส่วนด้วย มันน่าสนใจที่จะคอยดูว่าเขาจะยังสามารถปกครองคนของเขาได้หรือไม่
แต่ทั้งนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ธุระของฟางหยวน
หลังการประชุม เขาก็บอกลาราชาแห่งประเทศเชียและเซี่ยหลิงอวิ๋น และออกจากดินแดนทุ่งหญ้ามาบนหลังม้าสีน้ําตาลตัวหนึ่ง
สายลมแรงพัดผ่านดินแดนทุ่งหญ้า ต้นหญ้าล้วนลู่ไปกับพื้น แห้งตายและแข็ง ให้ความรู้สึกราวกับโลกเดินทางมาถึงจุดจบที่บนดินแดนทุ่งหญ้าอันหนาวเย็น
“ฤดูหนาวมาถึงแล้ว!”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึก “คนของประเทศหยวนที่อาศัยในดินแดนทุ่งหญ้าล้วนต้องทนกับฤดูหนาวนี้แล้วย”
ขณะที่ราชาทั้งแปดสู้กันเอง ไม่มีโอกาสรุกคืบสู่ประเทศทางใต้ ฤดูหนาวนี้ย่อมหนาวเย็น จนอาจทําให้คนแข็งตาย หนทางเดียวคือให้พวกเขาออกปล้นคนทางเหนือ แต่นี่ก็จะนํามาซึ่งผลกระทบอันเลวร้าย
แต่ก็อีก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องของเขา
“มีทะเลสาบใหญ่อยู่ห่างไปอีก 20 ลี้ และเผ่าตะวันดับที่เคยอยู่ที่นั่น แต่ว่าตอนนี้พวกเขาถูกกําจัดไปภายใต้การสั่งการของป้าถู
ขณะที่เขาเดินหน้า เขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง และกลิ่นเลือด
นกแร้งและอีกามากมายในวนอยู่บนฟ้า ดูยินดีกับอาหารมื้อใหญ่
“ข้าได้ยินมาว่าเผ่าตะวันดับนั้นเป็นเผ่าที่เป็นที่รู้จักกันมากในทางเหนือของประเทศหยวน มีชายเต็มวัยมากกว่าพันคน ถ้าต้องการกําจัดพวกเขาจริงๆ ก็น่าจะต้องเตรียมหลุมสําหรับฝังศพ กว่าหมื่นหลุม!”
ฟางหยวนควบม้าไปข้างหน้า และไปถึงบริเวณสนามรบ แม้ว่ามันจะได้รับการทําความสะอาดไปแล้ว แต่สิ่งที่เหลือจากการรบทั้งเศษเลือดเนื้อและกระดูกก็ยังกระจายไปทั่ว ดึงดูดทั้งฝูงสุนัขป่า และหมาป่า
หลังจากการสู้รบ ส่วนที่เหลืออยู่ที่นั่นก็มีแค่โครงกระดูก พื้นดินไหม้เกรียม เพราะว่าบริเวณนี้ถูกเผาจนราบ
ที่นี้ที่ดูราวกับนรกทําให้ฟางหยวนต้องถอนหายใจ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็หลับตาลงและเรียกใช้วิชา หมอกสีม่วงปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง
หมอกสีม่วงเปลี่ยนรูปเป็นงูและเสื้อยไปรอบๆ ในที่สุดมันก็กลายเป็นหัวลูกศรและดูจะชี้ไปในทิศทางหนึ่ง
โดยไม่ลังเล ฟางหยวนตามหมอกสีม่วงนั้นไป
ถัดจากทะเลสาบ ที่เป็นพื้นดินนูนๆ ต่ําๆ เป็นคลื่น และฟางหยวนก็ไปถึงทางแยกเข้าหุบเขาหนึ่ง
ฟางหยวนลงจากหลังม้าและยามหมอกสีม่วงเข้าไปข้างใน เขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขาและ
หลังจากเดินทางอยู่หนึ่งวัน ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง พระอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกขณะที่พระจันทร์ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นทางตะวันออก แสงจันทร์ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ
มีทะเลสาบเล็กๆ อยู่ในหุบเขา และมันก็สะท้อนพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างชัดเจน และดูเป็น มายาราวกับอยู่ในความฝัน
ข้างทะเลสาบ มีก้อนหินสีเขียว และบนก้อนหินสีเขียวก็มีหญิงงามนางหนึ่งนอนอยู่ราวกับออกมาจากภาพฝัน- เป็นจื่อเมิ่ง
“ท่านมาแล้ว?”
นางมองมาและใช้สายตาอันบริสุทธ์มองฟางหยวน ราวกับนางทํานายเอาไว้แล้วว่าเขาจะมา
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์!”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึกก่อนจะตอบด้วยน้ําเสียงต่ําๆ
“เหตุใดข้าจึงไม่ใช่มนุษย์ไปได้?”
จื่อเมิ่งยิ้มและยกมือขึ้น ภายใต้แสงจันทร์ ฝ่ามือของนางนั้นงดงามราวกับหยกขาวชิ้นหนึ่ง “ข้ามีเลือดและเนื้อ ข้ามีความรู้สึก มีทุกอย่างที่ผู้หญิงสักคนควรมี เหตุใดข้าจึงไม่ใช่มนุษย์? จ้าวแห่งฝันแช่ฟาง?”
“เจ้ารู้แล้ว…”
ฟางหยวนถอนหายใจอีกครั้ง
จากครั้งแรกที่เขาได้ประมือกับผู้หญิงคนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังเวทย์อันคุ้นเคยจากนาง และการพบนั้นก็ยืนยันข้อสงสัยของเขา
ผู้หญิงคนนี้ จื่อเมิ่ง ไม่ใช่มนุษย์บนโลกต้าเฉียน แต่เป็นผลงานการสร้างของจ้าวแห่งฝันสักคน!
เจ้าแห่งฝันที่มีความสามารถที่จะสร้างโลกทั้งใบขึ้นมาได้! แน่นอนว่า พวกเขาย่อมสร้างสัตว์และสิ่งมีชีวิตใต้!
แต่ว่า จากสิ่งของสู่ของวิเศษ จนถึงสิ่งมีชีวิต สัตว์ที่มีสติปัญญา และสุดท้ายก็มนุษย์ ทุกๆระดับขั้นนั้นเต็มไปด้วยความยากเย็นเหลือแสน
ถ้าจ้าวแห่งฝันที่สร้างจื่อเมิ่งขึ้นมายังมีชีวิตอยู่ ระดับการฝึกตนของเขาน่าจะสูงกว่าอาจารย์เป็นขั้น!
“ข้าได้ยินมาว่าในอาณาจักรต้าเฉียนมี “ตระกูลเมื่ง” ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะได้พบเข้าที่นี่!”
ฟางหยวนถอนหายใจ “เจ้าของของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“เจ้าของ?”
จื่อเมิ่งยิ้มไร้เดียงสา “ข้าขอบใช้คําว่า บิดาผู้สร้าง” มากกว่า!”
ฟางหยวนเห็นด้วยอย่างเงียบๆ จ้าวแห่งฝันที่มีความสามารถในการสร้างโลกและมนุษย์นั้น สมควรกับฉายานั้นแล้ว
“น่าเสียดาย เขาไม่รู้
มีสีหน้าเสียใจบนใบหน้างดงามของนาง “บิดาผู้สร้างนั้นไม่อยู่ปีที่แล้ว แล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่า ทําไมข้าถึงอยู่ที่นี่ ข้าจําได้เพียงว่า มีรอยแยกบนฟ้าและดินก่อนที่ข้าจะมาที่โลกใบนี้ ข้าถูกทิ้งไว้ที่นี่และร่อนเร่ไปทั่วดินแดนทุ่งหญ้า หลังจากนั้น เผ่าตะวันดับก็พบข้าเข้า และพวกเขาก็กราบไหว้บูชาข้า”
“ ก่อนหน้านี้ ป้าถูมาที่นี่และสังหารทุกคนจากเผ่าตะวันติบอย่างไร้หัวใจ ข้าต้องการแก้แค้นให้พวกเขา ราชาองค์ก่อนตายไปแล้ว และป้าถูก็จะเป็นคนถัดไป!”
นางยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย แม้ในตอนที่บรรยายการสังหาร นางดูสงบ “ท่านมาที่นี่เพื่อหยุดข้าใช่หรือไม่?
“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ที่วางแผนเอาไว้ และการสังหารเขาก็อาจจะได้ผลในช่วงสั้นๆ แต่ลูกชายของเขาก็ขึ้นสู่บัลลังก์ มันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมนักเลย!”
ฟางหยวนยักไหล่ “เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ในเมื่อเจ้าติดหนี้ข้า ข้าที่ต้องการใช้เข้าใช้หนี้
“ใช้หนี้?”
จื่อเมิ่งยิ้ม “จ้าวแห่งฝัน ท่านรู้ใช่ไหมว่า สําหรับพวกเราตระกูลเมิ่ง พวกท่านจ้าวแห่งฝันนั้น เป็นเจ้าของพวกเรา? ไม่ใช่ว่าท่าน ต้องการประทับตราแก่ข้าและให้ข้าไปเป็นทาสของท่านหรือ?”
ฟางหยวนผ่อนลมหายใจออกยาว
เขายอมรับว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงาม
แต่ว่า เขาสามารถมองเห็นความเศร้าสร้อยในดวงตางดงามของนางคู่นั้น
ความฉลาดของมนุษย์นั้นมาจากความสามารถในการคิดของมนุษย์ แต่ว่า นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีไปทั้งหมด ตัวอย่างเช่น บางครั้งมนุษย์ก็สงสัยในตัวเอง
นี่เป็นความจริงยิ่งนักสําหรับตระกูลเพิ่ง
หากจ้าวแห่งฝันนั้นควบคุมพวกเขาใต้เบ็ดเสร็จ การมีอยู่ของพวกเขาบนโลกใบนี้จะเป็นความจริงหรือเป็นแค่มายาเล่า?
ถ้าหากพวกเขาไม่มีกระทั่ง “ตัวตน” จะน่าสงสารเพียงใดกัน?
โดยไม่มีเหตุผล วิญญาณของฟางหยวนก็พลันเข้าใจ “การอยู่รอดและสืบเชื้อสายนั้นเป็นความปรารถนาหลักสองอย่างของสิ่งมีชีวิต แต่ว่า ความปรารถนาสองอย่างนี้นั้นสรุปได้ด้วยซ้ํา การคงอยู่! ยืนยันกับโลกและตัวเองว่าเรามีตัวตนอยู่!
ใจความสําคัญของอมตะและชั่วนิรันดร์ก็เพียงแค่ “คงอยู่” ต่อไปเรื่อย ๆ
“สําหรับโลกนี้ ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้นแล้ว! ในเมื่อตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่และหายใจได้ เจ้าก็ยันยันการคงอยู่ได้แล้ว เหตุใดจึงยังต้องกังวลในสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับตัว จ้า?”
จื่อเมิ่งตัวสั่นอย่างตระหนกเมื่อได้ยินฟางหยวน
หลังจากนั้นเป็นนาน นางจึงยิ้มและตอบ “ท่านช่างขัดแย้งยิ่งนัก ในตอนแรกท่านบอกกับข้าว่าข้าไม่ใช่มนุษย์ แต่ตอนนี้ ท่านกลับปลอบโยนข้า ข้าต้องยอมรับว่าที่ท่านพูดนั้นก็มีเหตุผล มันเหมือนว่าข้าไม่ได้อาศัยอยู่ในดินแดนทุ่งหญ้า แต่ว่าเดินทางสู่ภาคใต้ อ่านหนังสือของพวกท่าน และซึมซับประเพณีของพวกท่าน มีการตีความแบบใหม่ มีความคิดแบบใหม่ให้เรียนรู้…”
“ท่านอยู่ฝ่ายเดียวกับป้าถู และหากข้าฆ่าเขา ข้าย่อมติดหนี้ท่าน ท่านต้องการอะไร?”
หลังจากตรองดูแล้ว นางก็ถาม
ฟางหยวนเริ่มรู้สึกได้ว่าตระกูลเมิ่ง คนพวกนี้มีจิตใจบริสุทธ์กว่ามนุษย์ส่วนมาก
“นี่เป็นจ้าวแห่งฝันผู้สร้างนางเลือกให้นางเป็นแบบนี้หรือว่านี่เป็นข้อบกพร่องตามธรรมชาติ?”
ฟางหยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง “ข้าไม่ได้ต้องการอะไรมาก ข้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางผ่านดินแดนทุ่งหญ้ามุ่งหน้าสู่อาณาจักรต้าเฉียน!”
“ท่านตั้งใจจะไปอาณาจักรต้าเฉียน?”
จื่อเมิ่งมองฟางหยวนอย่างสงสัย นางเริ่มพยักหน้าและทันใดนั้นก็ส่ายหน้า “ดินแดนทุ่งหญ้านั้นเป็นดินแดนที่อันตราย และไม่มีสิ่งใดเหมือนกับสิ่งที่ท่านคิดว่ามันจะเป็น ข้าเกือบจะตายอยู่ที่นั่น แต่โชคดี เผ่าตะวันดับข่ายข้าเอาไว้ สําหรับท่าน ท่านอาจจะสามารถเดินทางผ่านไปได้
“โอ้? อันตรายของดินแดนทุ่งหญ้าคืออะไรเล่า ?”
ฟางหยวนเริ่มสนใจมากขึ้น
“ข้ารู้เพียงไม่มากๆ
เสียงของจื่อเมิ่งพร่าขึ้นเล็กน้อย “ที่ทางเหนือสุดของดินแดนประเทศหยวน มีสายลมเย็นเฉียบพัดรุนแรงเกือบตลอดเวลา เป็นเหมือนนรกที่มีชีวิต และข้าก็ถูกทิ้งไว้ที่นั่นตอนที่ข้ามาถึงโลกใบนี้ แม้ว่ามันจะเป็นแค่สายลม แต่มันก็มากพอที่จะทําร้ายข้าอย่างสาหัส นอกจากนี้ ท่านก็ไม่ได้โดดเดี่ยวที่นั่น มีสัตว์ตุร้ายมากมายแฝงตัวอยู่ที่นั่น
“ ว่ากันว่า เส้นทางสู่อาณาจักรต้าเฉียนต้องผ่านสถานที่นั้น ถ้าท่านต้องการเดินทางไปที่นั่น อย่างแรกท่านก็ต้องผ่านดินแดนเหนือสุดของประเทศหยวนก่อน นอกจากภัยธรรมชาติ ก็ยังมีมนุษย์และเผ่าพันธุ์ที่ไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง และยังมีหมอผี นักรบ กระทั่งประเทศหยวนเองก็รับมือกับพวกเขาไม่ได้”
หลังจากได้ข้อมูลนี้ ฟางหยวนก็จําเอาไว้และพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “เจ้าไม่ต้องห่วง! ก่อนที่จะแน่ใจว่าสามารถไปที่นั่นได้ ข้าจะไม่วู่วามบุกฝ่าไปแน่นอน”
เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเดินทางจากดินแดนแถบนี้ไปสู่อาณาจักรต้าเฉียน
นี่ยังเป็นเหตุผลให้จ้าวแห่งฝันที่ชั่วร้าย หยางฟ่าน และอาจารย์ของเขา อาจารย์เวิ่นซิน ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในดินแดนนี้
“ขอบคุณสําหรับคําแนะนํา แม่นาง ตอนนี้พวกเราไม่มีใครติดค้างอะไรกันแล้ว!”
หลังจากได้รับสิ่งที่ต้องการ ฟางหยวนก็ประสานหมัด ขอบคุณนาง ก่อนที่จะจากมาอย่างไม่ลังเล ที่ทําให้จื่อเมิ่งสงสัยเป็นที่สุด
“สิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกแห่งความฝันช่างประหลาด และเบื้องหลังการมีตัวตนของนางยังมีข้าว แห่งฝันผู้เก่งกาจอยู่ แม้ว่ามันจะดูเหมือนว่าเขาอาจจะประสบเหตุใด แต่ข้าก็ไม่แน่ใจว่าเขาเสียชี วิตไปแล้วจริงหรือไม่ มันย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดีสําหรับข้าที่จะเข้าไปเกี่ยวพันในเรื่องนี้
ที่ด้านนอกหุบเขา ฟางหยวนพลิกตัวขึ้นหลังม้า ดวงตาเป็นประกายอย่างตื่นเต้น
เขาเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ จากการเดินทางมาตินแตนทุ่งหญ้า ตั้งแต่การทะลวงผ่านสู่ขอบเขตเปิดชีพจร เอาชนะทั้งประเทศหยวนและประเทศอู่ได้สําเร็จ และสุดท้ายยังได้ข้อมูลและรายละเอียดจากจื่อเมิ่ง ทั้งหมดนี้ทําให้เขายินดียิ่งนัก
“ต่อไปก็กลับไปที่ยอดเขาชอุ่มและฝึกฝนต่อ…”
หลังจากผ่อนลมหายใจยาว ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ความเสียใจของอาจารย์เวิ่นซิน และคําสั่งเสียที่เขาต้องการทําให้สุส่วงนั้นย่อมไม่สําเร็จลงได้ หากเขายังอยู่ในดินแดนนี้
อาณาจักรต้าเฉียน คือจุดมุ่งหมายต่อไปของเขา!
แน่นอนว่า เขาจะไม่พยายามเดินทางไปอย่างตาบอดไร้ซึ่งการเตรียมการ อันดับแรก เขาต้องทําความคุ้นเคยกับดินแดนนี้เสียก่อนและใช้ทุกข้อได้เปรียบของทรัพยากรที่สามารถมีได้ มีเพียงแค่ตอนที่เขาถึงระดับสูงสุดของการฝึกตนเขาจึงจะต้องเดินทางไปต้าเฉียน!