ฟางหยวน ที่สามารถขึ้นถึงระดับเปิดชีพจรย่อมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนแถบนี้
ด้วยชื่อเสียงของเขา และยังความเย้ายวนของเคล็ดวิชาของเขา รวมกับการที่สํานักของเขานั้นมีเงื่อนไขการเข้าสํานักต่ํามาก ย่อมเป็นธรรมดาที่สํานักหยวนจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น
อันที่จริง ฟางหยวนเชื่อว่าทั้งหมดที่สํานักหยวนมีอยู่นั้นทรงอิทธิพลมากกว่าประเทศโยวเสียอีก
หรือควรจะพูดว่านี่เป็นการรวมตัวกันของผู้ฝึกยุทธ์ทําหน้าที่คล้ายเป็นสํานักยุทธ์ดี?
ไม่มีใครสามารถเป็นราชาของประเทศไปได้ตลอดกาล แต่ว่าการรวมตัวกันเช่นนี้ หากจัดการอย่างเหมาะสม สามารถอยู่ได้เป็นพันปี!
“พวกเราตอนนี้มีระบบแลกเปลี่ยน และยังได้รับการตอบรับอย่างดีจากหลายประเทศ!”
“ส่วนเรื่องการสืบค้นในแหล่งโบราณสถาน ตอนนี้ก็มีความก้าวหน้า ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนรายงานตําแหน่งขุมทรัพย์ที่เก็บซ่อนเอาไว้หลายจุดมาแล้ว รวมทั้งพวกมรดกที่มีรายละเอียดการขึ้นสู่ระดับรวมธาตุด้วย!”
“ประเทศอู่และประเทศนั้นรู้เรื่องการล่าสมบัติของพวกเราแล้ว ข้าคิดว่าพวกเขาคงจะใช้เวลาอีกไม่นานแล้วก็คงจะขอเข้าร่วมกับพวกเรา!”
ตรงหน้าฟางหยวน กระทั่งอู่จงก็ยังกระตือรือร้นรายงานสิ่งที่พบให้แก่เขา
“ดีมาก!”
หลังจากฟังรายงานแล้ว เขาก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ข้าต้องการแต่งตั้งสภาผู้อาวุโส ประกอบด้วยผู้อาวุโส 9 คนเป็นผู้นําสํานักหยวน เมื่อข้าไม่อยู่ พวกเจ้าทั้ง 9 คนจะต้องลงความเห็นเพื่อตัดสินใจ และการตัดสินจะขึ้นกับความเห็นส่วนใหญ่!”
“ขอรับท่าน!”
อู่จงทั้ง 9 คนนี้ต่างโค้งกายลงคารวะ
อันที่จริง มันก็เป็นเรื่องปกติมากสําหรับฟางหยวนที่ส่วนมากแล้วจะหายตัวไป ผู้อาวุโสบางคนนั้นคุ้นเคยกับการจัดการกับปัญหาด้วยตัวเองไปแล้ว
นี่ก็เป็นแค่การประกาศออกไปอย่างเป็นทางการถึงสิ่งที่พวกเขาทําอยู่เป็นปกติเท่านั้น
“ยังมีรายงานใหม่ ๆ เกี่ยวกับขุมสมบัติลับอีกหรือไม่? ข้าไม่ต้องการข่าวทั่วไป ข้า อยากได้พวกที่กระทั่งอู่จงยังพบว่ายากที่จะเข้าถึงมันได้!”
นี่คือแผนการของฟางหยวน
หลังจากรวบรวมทรัพยากรของดินแดนนี้เข้าด้วยกัน เขาก็ต้องการขุดเอามรดกทั้งหลายออกมา
ในเมื่ออาจารย์เป็นซินและหยางฟานสามารถหนีมาที่ดินแดนนี้ได้ ก็ย่อมต้องมีบุคคลที่สาม!หรือบุคคลที่สี่
คนพวกนั้นที่สามารถเดินทางจากอาณาจักรต้าเฉียนมาที่ดินแดนนี้ได้ย่อมต้องมีความสามารถสูงและอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับแยกธาตุ
หากเขาสามารถค้นพบมรดกของคนพวกนั้นได้ มันย่อมเป็นแรงสนับสนุนอันยิ่งใหญ่ให้ฟางหยวน
“มีที่หนึ่งที่กลางประเทศเอี้ยน!”
สือออื้องเงยหน้าขึ้นมา ก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วรายงาน
“ประเทศเอี้ยน?”
ฟางหยวนลูบคาง และสังเกตเห็นรูปลักษณ์งดงามของนางโดยไม่ตั้งใจ
คนฉลาดย่อมรู้ว่าควรเลือกอะไรในเวลาลําบาก หลังจากถูกฟางหยวนขังเอาไว้หลายปีในที่สุดสืออกงก็เผยขุมสมบัติลับของสํานักกุยหลิงออกมา และภักดีต่อฟางหยวนอย่างยินยอมพร้อมใจ
แน่นอนว่า ฟางหยวนไม่พูดออกไปหรอกว่าเคล็ดแฝงฝันของเขานั้นมีบทบาทอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงสืออื้อง อย่างน้อยที่สุด มันก็ลดความคิดมุ่งร้ายของนางลง ไม่อย่างนั้นการโน้มน้าวนางย่อมเป็นงานยาก
“ประเทศเอี้ยน?”
ฟางหยวนถอนหายใจและถาม “มันพิเศษอย่างไร?”
“สําหรับมรดกทั่วไป เหมือนที่อู่จงสักคนทิ้งเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับประตูทองที่ 12 ย่อมไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่อย่างน้อยก็ต้องกลับออกมาได้โดยไม่เสียชีวิต…”
เสียงของสืออองใสกระจ่างราวน้ําพุ “แต่ที่ประเทศเอี้ยน พวกเราส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 12 ห้าคนไป แต่ไม่มีใครสามารถกลับออกมาอย่างมีชีวิตได้ มันอันตรายเป็นที่สุด!”
“โอ้?”
ได้ยินนางพูด ฟางหยวนก็เริ่มสนใจ
มรดกที่อู่จงทิ้งเอาไว้นั้นไร้ประโยชน์สําหรับเขา เขาต้องการสิ่งที่พิเศษที่กระทั่งอู่จงยังยากที่จะได้มา! มีเพียงแต่ที่แบบนั้นที่เขาจะมีโอกาสได้สิ่งที่ต้องการ
“ข้าจะตามเจ้าไปวันพรุ่งนี้”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฟางหยวนก็ตัดสินใจ ไม่ช้าเขาก็ให้คนจากสํานักหยวนและเดินไปที่ห้องโถงของราชวัง
ห้องโถงใหญ่ของราชวังนั้นหรูหรา เสาตกแต่งด้วยลายมังกรและเพิ่งหวง ที่บนบัลลังก์ยังตกแต่งด้วยมังกรเก้าตัว
พอฟางหยวนไปถึง ก็มีคนรออยู่ในห้องโถงใหญ่แล้วหลายคน
“องค์ราชา!”
เขาสวมเสื้อผ้าธรรมดาเดินขึ้นบัลลังก์มังกรไปอย่างง่าย ๆ ทุกคนก็ยังคงคารวะเขาอย่างเคารพและกระตือรือร้น
“อืม ข้าราชสํานักที่รักของข้า ไม่ต้องมากพิธี!”
ฟางหยวนยกมือขวาขึ้นรอบตัวมีบรรยากาศของผู้เป็นราชา
“ข้ามักจะเก็บตัวฝึกวิชาและไม่ค่อยได้เข้ามาดูแลเรื่องงานเมืองเท่าไหร่ ดังนั้น ข้าจึงจะสร้างระบบหนึ่งขึ้นเป็นเบื้องต้น คัดเลือก 7 เสนาบดีขึ้นมาจัดการเรื่องงานแทนข้า ทั้งเจ็ดคนต้องลงความเห็นในการจัดการเรื่องต่าง ๆ…”
อันที่จริงมันก็เหมือนกันที่เขาทํากับสํานักหยวน
แบ่งอํานาจให้พวกเขาจัดการสํานักและประเทศ หลีกเลี่ยงปัญหาที่มีผู้หนึ่งผู้ใดมีอํานาจมากเกินไป
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เขาสามารถแน่ใจได้ว่าอํานาจจะถูกแบ่งสรรไปในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ดังนั้น ฟางหยวนจึงสามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้โดยง่ายเมื่อเขากลับมาในวันหนึ่ง
แน่นอนว่า นี่คือทั้งหมดที่เขาทําได้ และที่เหลือล้วนขึ้นกับโชคชะตา หากจะมีวันหนึ่งที่ ประเทศโยวล่มสลายไป มันก็แค่น่าเสียดายสําหรับฟางหยวน
เขากวาดตามองเสนาบดีทุกคนของเขา
โจวเนโหลว จางชิงฟง หนิวติ้งเทียน… แน่นอนว่า ยังมีศิษย์อีกสองคนของเขา 26Hhl
เขาสามารถฝากประเทศนี้เอาไว้กับคนพวกนี้ได้ชั่วคราว
“อาจารย์…”
เฉินจื้ออิงและหลานรั่วทั้งคู่รู้สึกเหมือนพลาดอะไรไป หลังจากการพบปะ ทั้งคู่ก็รออยู่พบฟางหยวน ดวงตาของหลานรั่วนั้นมีน้ําตาเอ่ออยู่แล้ว เหมือนทั้งคู่จะรู้ว่ามีอะไรสักอย่างที่ไม่ปกติ
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลไป ข้าแค่เตรียมตัวเข้าเก็บตัวฝึกวิชาเป็นระยะเวลานานมาก ๆ เท่านั้น…”
ฟางหยวนลูบหัวหลานรั่ว เขาไม่ได้คิดจะพูดความจริง
“อาจารย์ ท่านทิ้งข้าไปไม่ได้นะ!”
แม้ว่าหลานรั่วจะอายุมากขึ้นหลายขวบปีแล้ว แต่นางก็ยังทําตัวเป็นเด็ก นางยื่นมือ ชูนิ้วก้อยขึ้นมา “สัญญากับข้า!”
“ได้!”
ฟางหยวนสัญญากับนาง เกี่ยวนิ้วเข้าด้วยกัน
วันต่อมา ตอนเช้าตรู่ ท่ามกลางสายตาของคนมากมาย ราชานกหงเอี่ยนป้ายลอยสูงขึ้นบนท้องฟ้าแล้วหายลับไปในหมู่เมฆ
“ซู่! ซู่!”
สายลมแรงพัดเข้าหูฟางหยวน
จากด้านบน ทั้งเมืองและคนดูราวกับของเล่นเด็กจิ๋ว
“ไปประเทศเอี้ยน!”
ฟางหยวนแตะหัวเจ้านกและใช้เจตจํานงเวทย์สื่อสารกับมันโดยตรง หลังจากนั้น เขาก็มองแม่นางงดงามผู้หนึ่งที่ข้างตัวเร็ว ๆ
“เจ้าสํานัก!”
สืออวองมีใบหน้าเพื่อดซีด อย่างไรเสีย ในฐานะอู่จง นางก็ยังสามารถรับมือกับการบินเร็ว ๆ ได้ เมื่อนางเห็นฟางหยวนมองมาที่นาง นางก็หน้าแดงขึ้นและพยักหน้า
“การเดินทางไปประเทศเอี้ยนครั้งนี้ ข้าเตรียมจะอ้อมไปประเทศอู่ก่อนเพื่อจัดการกับเรื่องบางอย่าง!”
ฟางหยวนตรงเข้าเรื่อง
“ประเทศอู่?”
สืออองถาม
“ท่านเป็นคนฉลาด!”
ฟางหยวนพูดด้วยน้ําเสียงเรื่อย ๆ “ข้าแน่ใจว่าท่านเดาได้แล้วว่าข้ากําลังจะทําอะไร ข้าพูดถูกหรือไม่?”
สืออองใบหน้าซีดลงและตอบ “ท่านเป็นบุคคลที่ยากหยั่งถึง เจ้าสํานัก ข้าจะกล้าเดาความตั้งใจของท่านได้อย่างไร?”
“ข้าจะไม่ปิดบังท่าน คนของประเทศอู่นั้นมีปัญหา และข้าก็เตรียมจะสังหารเขาเสีย!”
ฟางหยวนพูดต่อ “ทุกอย่างที่ข้ามีเดิมทีนั้นก็มาจากวิทยายุทธ์ของข้า และข้าก็แน่ใจว่าท่านรู้เรื่องนั้น ดังนั้น ข้าต้องการให้ท่านดูแลสํานักหยวนและประเทศโยวให้ดีตอนที่ข้าไม่อยู่…”
“เจ้าค่ะ ท่านเจ้าสํานัก!”
สืออองตอบอย่างนอบน้อม
หลังจากเขาพูดอ้อม ๆ อยู่หลายครั้ง นางก็มีความรู้สึกผสมปนเป ทั้งรักทั้งเกลียด ต่อฟางหยวน แต่ไม่สามารถทําอะไรได้ในเมื่อนางอ่อนแอกว่าเขา
ก่อนที่จะมั่นใจว่าจัดการกับฟางหยวนได้ นางย่อมไม่กล้าทําอะไร
“แกอีก! แกวก!”
ตอนนี้ ราชานกหงเอียนป่ายก็กรีดร้องเสียงยาว
เมื่อฟางหยวนมองลงไป เขาก็พบว่า พวกเขาบินเข้ามาในน่านฟ้าประเทศอู่แล้ว ภูเขาสามลูกตรงหน้านั้นล้อมเมืองกลางหุบเขาเอาไว้
“ตอนนี้พวกเรามาถึงเมืองหลวงของประเทศอู่แล้ว”
เห็นดังนี้ ฟางหยวนก็ยิ้ม
ในราชวังประเทศอู่
อู่เฉียนคุนกําลังอ่านตํารา จู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจราวกับกําลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น เขาเดินกลับไปกลับมาในวังของเขาและโยนตําราโบราณของตนไว้บนโต๊ะไม้จันทน์แดง
“ตุบ!”
พอหนังสือตกลงบนโต๊ะ ผู้รับใช้ที่ด้านข้างก็ตัวสั่นด้วยความกลัวและแทบไม่กล้าหายใจ พวกเขากลัวว่าจะถูกอู่เฉียนคุนลากออกมาเป็นที่ระบายความโกรธ สถานการณ์เป็นเหมือนตอนที่ประเทศโยวเริ่มตั้งต้นขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว
“ทําไมวันนี้ข้าถึงรู้สึกไม่สบายเลย? ข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า?”
อู่เฉียนคุนเคยเป็นนักรบผู้กล้าหาญ อยู่ในวัยกลางคน แต่ไม่ได้ชรา แต่ว่าตอนนี้ เขาเริ่มมีผมขาวแซมที่สองข้างหู
“พวกเจ้าทั้งหมด ออกไป! ถ้าไม่ได้เรียกหา ไม่ต้องเข้ามา!”
เขาขมวดคิ้วและไล่พวกเขาออกไปอย่างง่าย ๆ
“ขอรับ!”
ได้ยินอย่างนี้ ผู้รับใช้หลายคนนั้นก็ถอนหายใจอย่าโล่งอก และรีบออกไปทันที
อู่เฉียนคนเดินวนไปมาอีกหลายรอบ ทันใดนั้น เขาก็พุ่งไปที่ชั้นหนังสือและกดกลไก
“ครก!”
ชั้นเล็ก ๆ โผล่ยื่นออกมา ที่ด้านในเป็นเอกสารลับหลายฉบับ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความลับที่เฮยปิงหามาได้ และยังเป็นข่าวล่าสุดของประเทศโยว
“ก็ดูไม่มีปัญหาอะไรนี่ ข้าปฏิบัติกับประเทศโยวอย่างนอบน้อม และครั้งนี้ยังส่งขอล้ําค่าไป ให้เป็นของขวัญ เขาน่าจะต้องพอใจ…”
ขณะที่เขาพึมพํากับตัวเอง หมอกก็เริ่มปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
สําหรับเขา ตัวตนของคนผู้นี้นั้นน่าปวดหัว
เรื่องดีก็คือ เรื่องพวกนี้จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ไปในไม่ช้า
“ตามรายงานของเฮยปิง จากที่ท่าของเขา เขาไม่ได้หลงระเริงไปกับความร่ํารวยของประเทศเขาหรือกับสนมสามพันนางในราชวังของเขา เขาก็เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์โง่ ๆ ไร้สมอง! ไม่ช้าพวกเรา ย่อมไม่สามารถทําให้เขาพึงใจได้ และเขาย่อมต้องหาวิธีเดินทางไปอาณาจักรต้าเฉียน. เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นโอกาสของข้า!”
เขากําหมัดแน่น ใบหน้าเป็นสีแดงอย่างตื่นเต้น
“เฮ่อ…”
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหายใจของคนอื่นในห้องของตัวเอง
“นั่นใคร?”
อู่เฉียนคนตกใจและขว้างถ้วยชาของตัวเองลงกับพื้น เขาคว้าหยกชิ้นหนึ่งที่แขวนไว้ที่ หน้าอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หยกชิ้นนั้นเปล่งประกายสีแดง
“ไม่ต้องเสียเวลาแล้ว! ในเมื่อข้ามาถึงที่นี่ ข้าย่อมมีวิธีผนึกสถานที่นี้แยกจากโลกภายนอกเอาไว้คนธรรมดาย่อมไม่สามารถสังเกตเห็นอะไรได้!”
เงาร่างสองเงาผุดขึ้นจากความมืด เป็นฟางหยวนและสืออกง
“โอ้ ราชาแห่งประเทศโยว เหตุใดจึงล้อเล่นกับข้าเยี่ยงนี้กัน?”
แม้ว่าอู่เฉียนคุนจะถามอย่างใจเย็น น้ําเสียงของเขากลับแหบแห้งราวกับคนใกล้ตาย
“เจ้าก็รู้นี่นา…”
ฟางหยวนส่ายหน้า “เป็นศัตรูของเจ้าที่รู้จักเจ้าดีที่สุด มีเสนาบดีและผู้ใต้บัญชาของข้าเพียงไม่กี่คนที่เดาได้ว่าข้ากําลังจะจากไป แต่เจ้ากลับเดาได้อย่างถูกต้อง! ทําได้ดีมาก!แต่ว่า… ข้าไม่ต้องการเก็บชีวิตเจ้าไว้แล้ว เจ้าทําได้เพียงสร้างปัญหาเท่านั้น!”
“นี่ไม่ดีแล้ว!”
ก่อนการปรากฏตัวของฟางหยวน อู่เฉียนคุนก็ค่อย ๆ ถอยไปอย่างช้า ๆ อยู่ก่อนแล้ว ได้ยินคําพูดนี้เขาก็รีบพุ่งไปที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะของเขา
ตรงนั้นมีกลไกลับที่สามารถพาเขาลอดผ่านอุโมงค์ลับและยังทําให้เขาปลอดภัยด้วยก้อนหินขนางพันชั่งที่จะขวางทางเอาไว้
หากหินก้อนนั้นตกลงมากระทั่งอู่จงก็หนีไม่พ้น
แต่เขาโชคร้ายเพราะว่านี่คือฟางหยวน!
ก่อนที่อู่เฉียนคุนจะทันลงมือ เขาของฟางหยวนก็กระพริบวูบและเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บที่หน้าอกคาถาเวทย์ทั้งหมดของเขานั้นไร้ประโยชน์ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ค่อยๆล้มลงบนพื้นใบหน้ามีสีม่วงแฝงอยู่
หลังจากเห็นฟางหยวนหายตัวไปช้า ๆ ไม่นานจากนั้น ผู้รับใช้หลายคนก็เข้ามาและทุกคนก็ต้องตกใจ
“องค์ราชาพระหทัยล้มเหลว!”
“เรียกหมอหลวง!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นแต่ค่อย ๆ เงียบลงไป หลังจากหายใจครั้งสุดท้าย เขาก็เข้าสู่ความมืดมิดชั่วนิรันดร์