ในห้องสว่างราวกับกลางวัน แสงไฟส่องไปทั่วทุกมุมห้อง
นี่เป็นประสิทธิภาพสูงสุดของไข่มุกจันทร์กระจ่าง แต่ว่า เมื่อเทียบมุกจันทร์กระจ่างกับของที่อยู่ในมือของฟางหยวน มันก็เปรียบกันไม่ได้ มันเหมือนเอาตาปลามาเทียบกับมุกงาม
“มุกมังกรเอยมุกมังกร ในโลกนี้ มีมังกรอยู่จริง ๆ ด้วย… หากมีของเช่นนี้อยู่ เช่นนั้นมังกรน้ำและอื่น ๆ ก็ย่อมต้องมีอยู่เช่นกัน!”
โลกกว้างใหญ่ ดินแดนที่ฟางหยวนอาศัยอยู่ตอนนี้นั้นทั้งเล็ก ทั้งห่างไกลและแร้นแค้นอยู่ที่มุมหนึ่งของโลก
เพราะตําแหน่งแห่งที่นี้ พลังธาตุของฟ้าและดินก็ต่ำ เป็นผลให้เป็นสถานที่ที่ถูกลืมและไร้ค่าในสายตาของผู้มีพลังอื่น ๆ
แต่ว่า เรื่องย่อมต่างออกไปเมื่อเป็นใจกลางของโลก อย่างเช่น ตําแหน่งแห่งที่ที่อาณาจักรต้าเฉียนตั้งอยู่
ฟางหยวนจ้องไข่มุกในมือ
แสงสีน้ำเงินหมุนวนอย่างสม่ำเสมอและเปล่งประกายล้อมไข่มุกไว้เป็นที่น่าจับตามองแก่ผู้พบเห็น
“นี่ไม่เพียงมีพลังของมังกรน้ำ มันยังเหมือนแผ่นหยก มีการใส่เจตจํานงค์เวทย์เอาไว้เช่นกัน!”
ฟางหยวนหลับตาลง ส่งเจตจํานงเวทย์อันรุนแรงเข้าไปในไข่มุก
“ครืน!”
ภายในไข่มุกนั้นวุ่นวาย ทันใดนั้น ก็มีเงาของมังกรตัวหนึ่งปรากฏขึ้น มันมีร่างกายแบบงูและมีหางแบบปลา และยังมีเขาเดี่ยวบนหัวของมัน มังกรมี 4 ขา ขาแต่ละข้างมี 3 นิ้วพร้อมกรงเล็บคมกริบ มันเหมือนมังกรน้ำตามตํานาน!
มันจับตามองเจตจํานงของฟางหยวนและทันใดนั้นก็โกรธเกรี้ยว มันร้องคําราม แล้วพุ่งเข้าใส่ฟางหยวน
“ฮึ่ม! มีพลังของมังกรน้ำกระจ้อยร่อยแค่นั้นยังกล้าโจมตีข้ารี?”
เจตจํานงเวทย์ของฟางหยวนลั่นครืนราวกับพายผ่านเข้ามา
“ตูม!”
สายฟ้าขนาดใหญ่หลายเส้นปรากฏขึ้นและพุ่งเข้าใส่มังกรน้ำ
มังกรน้ำสีเขียวกรีดร้องโหยหวนก่อนจะสลายไปเป็นพลังสีม่วงกลุ่มหนึ่งซึ่งค่อย ๆ จางไป
“แสดงตัวออกมา!”
เจตจํานงเวทย์ของฟางหยวนยังคงค้นหาไปทั่วท่ามกลางความวุ่นวาย ถ้อยคําสีทองสายหนึ่งปรากฏขึ้น
“นามของข้าคือเนี่ยควง จากเมืองหลวงของต้าเฉียน ข้าใช้ร่างทองคําร้อยพิษสร้างความวุ่นวายในโลกใบนี้ คนรุ่นหลังจงเผยแพร่นามของข้าต่อไปและให้โลกได้รับรู้ว่าวิถีของข้านั้นไม่มีทางสิ้นสุด…”
ถ้อยคํานั้นเข้ามารวมกันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของชีวประวัติคนผู้หนึ่ง
“เนี่ยควง?”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฟางหยวนก็ลืมตาขึ้นและเก็บไข่มุกลงไป “ร่างทองคําร้อยพิษนั้นร้ายกาจเพียงนั้นจริงหรือ?”
มรดกที่ในไข่มุกนั้นเป็นตํารายุทธ์
ฟางหยวนผิดหวังที่ตํารานั่นไม่เหมือนเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคนที่พูดถึงการเปิดชีพจรและสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์
ที่จุดสูงสุดของเขา เนี่ยควงก็เป็นเพียงอู่จงธรรมดาผู้หนึ่งที่ไม่สามารถเปิดชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่ว่า เขากลับมีมือที่เปื้อนเลือดของนักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุ
เพราะอย่างนั้น เนี่ยควงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินทางมาถึงสถานที่ใกลโพ้นเพื่อหลบหนีจากปัญหา
“อู่จงธรรมดาที่สามารถสังหารนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุได้?”
สําหรับฟางหยวน มันเหมือนมดหนึ่งตัวกัดช้างตาย!
“หากร่างทองคําร้อยพิษนั้นเป็นอย่างที่เขาบรรยายไว้ ข้าก็คิดว่ามันยังพอเป็นไปได้อยู่!”
ตามที่เนี่ยควงอธิบายไว้ เขามาจากสํานักยุทธ์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และครอบครองมรดกสืบทอดของตนเองอยู่แล้ว เขามีบรรพบุรุษผู้ซึ่งสามารถบรรลุระดับอู่จงได้ แต่เนื่องจากเคล็ดวิชาของเขานั้นไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถเข้าถึงระดับเปิดชีพจรได้ บรรพบุรุษผู้นั้นไม่ยินยอม และภายหลัง ก็ได้สาบานว่าจะสร้างเคล็ดวิชาที่ทัดเทียมกับเคล็ดวิชาที่ฝึกถึงระดับเปิดชีพจรได้ให้ได้
ความสําเร็จในเชิงยุทธ์ของบรรพบุรุษผู้นี้นั้นไม่นับว่าโดดเด่น แต่ว่า ทักษะของเขานั้นก็พึ่งพาวิชาแพทย์และพิษ หลังจากตรากตรํามาทั้งชีวิต ในที่สุดเขาก็คิดค้นวิชาซึ่งภายหลังกลายมาเป็นร่างทองคําร้อยพิษนั่นเอง
วิชานี้ใช้ทุกอย่างที่มีพิษอาบร่างกายทั้งเนื้อและกระดูกของผู้ฝึก ดึงความสามารถซ่อนเร้นออกมาและเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะไม่สามารถบรรลุถึงขอบเขตถัดไปได้ ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังสามารถเทียบได้กับอู่จงที่บรรลุถึงขอบเขตเปิดชีพจร พูดกันตามตรงนี้เป็นวิชาที่เน้นไปในทางเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าสิ่งของที่ต้องใช้นั้นจะหายาก วิธีนี้ก็ยังใช้การได้ ตามที่เนี่ยควงบันทึกไว้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถบรรลุระดับเปิดชีพจรได้ ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งถึงขีดสุด เขามีพลังธาตุระดับที่ ดาบกระบี่หอกธนูไม่สามารถทําอันตรายกับเขาได้ ร่างกายของเขานั้นน้ำไฟไม่กล้ำกราย และคาถาเวทย์ของนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุก็ไม่นับเป็นอะไรเลยสําหรับเขา!
นี่เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก!
“เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่ของตระกูลหยางนั้นทําได้เพียงเพิ่มพลังธาตุขึ้น 1 ระดับ และนั่นก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว แต่ร่างทองคําร้อยพิษนี้กลับสามารถเพิ่มพลังธาตุได้ถึง 6 ระดับ?”
ฟางหยวนลูบคาง “นี่ไม่เลวเลย เพียงแต่…”
หากเคล็ดวิชานี้ไม่มีจุดอ่อนเลย ทุกคนในอาณาจักรต้าเฉียนก็คงฝึกวิชานี้กันไปหมดแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีคนรุ่นหลังรู้เรื่องวิชานี้เลย?
มองดูตํารับยาที่ต้องใช้ ฟางหยวนก็เดาเหตุผลได้
“บุปผาดํากระดูกหยก? หญ้าเผากระดูกกลิ่นสวรรค์….”
ฟางหยวนไม่เคยได้ยินชื่อพืชพิษพวกนี้มาก่อน
มีส่วนผสมเพียงอย่างเดียวที่เขาเคยได้ยินชื่อมา หญ้าหวานใบดาบเก้าฤดู ซึ่งเป็นพืชวิญญาณระดับดิน!
“วิชานี้ต้องใช้ทรัพยากรมากเกินไป และผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ได้เป็นสมกับทรัพยากรที่ใช้เลย!”
ฟางหยวนส่ายหน้าเมื่อคิดได้ว่าทําไมเคล็ดวิชานี้จึงสิ้นการสืบทอด
แม้ว่าวิชานี้จะแข็งแกร่งมากจริง ๆ แต่มันก็ต้องการทรัพยากรในปริมาณอันน่าสะพรึง ทรัพยากรที่ใช้ในการหล่อเลี้ยงเนี่ยควงนั้นเพียงพอให้ใช้ในการฝึกนักรบศักดิ์สิทธิ์สู่ระดับแยกธาตุและฝึกอู่จงสู่ระดับเปิดชีพจรได้เป็นหลายคน!
นอกจากนี้ อู่จงในระดับเปิดชีพจรหนึ่งคนนั้นไม่จําเป็นต้องหวาดกลัววิชานี้เลย หลังจากเปิดชีพจรและได้รับร่างสวรรค์ ร่างกายภายนอกก็จะแข็งแกร่งขึ้นและมีพลังมากกว่าร่างทองคําร้อยพิษ
เมื่อเทียบแบบนี้ หลายสํานักที่ยังคงฝึกศิษย์ด้วยวิชาร่างทองคําร้อยพิษนั้นเรียกได้ว่าโง่เขลาแล้ว
“จากวิธีที่คนผู้นี้พูดและกระทํา นี่เป็นเคล็ดวิชาที่ใช้ออกโดยสํานักฝ่ายมาร…. หลอกลวงและบังคับเอาของของผู้อื่นมาเพื่อประโยชน์ของตนเอง…”
ฟางหยวนนั้นสามารถเดาประวัติของเนี่ยคงส่วนใหญ่ได้โดยใช้เคล็ดวิชานี้เป็นพื้นฐาน
“มันยากที่จะรวบรวมส่วนผสมและเริ่มฝึกระดับแรกที่นี่!”
ฟางหยวนลูบคาง “แต่ว่า สําหรับข้าเองแล้ว นี่อาจจะเป็นไปได้…”
วิชานี้นั้นไม่ต้องการการเปิดชีพจรศักดิ์สิทธิ์ และเพ่งความสนใจไปที่การฝึกร่างกายภายนอกแทน สําหรับอู่จงธรรมดา วิชานี้นั้นใช้ออกไม่ได้
แต่ว่า ฟางหยวนนั้นมีทักษะการดูแลพืชอันเหลือเชื่อและดังนั้น เขาจึงไม่ยอมแพ้
เขารู้ข้อได้เปรียบของการมีร่างกายภายนอกแข็งแกร่งตอนที่เขาใช้เคล็ดวิชากําลังภายนอกทะลวงผ่านสู่อู่จง
“ร่างทองคําร้อยพิษนี้แบ่งออกเป็นระดับการฝึกฝนที่ 1 ระดับการฝึกฝนที่ 10 และระดับการฝึกฝนที่ 100 ทุก ๆ ระยะจะมีการใช้พิษ… หลังจากการฝึกฝนที่ 1 ร่างกายภายนอกจะมีพลังธาตุเพิ่มขึ้น 1 ระดับ จากนั้นร่างกายก็จะอยู่ที่ระดับร้อยพิษไม่กล้ำกราย เนี่ยควงนั้นอยู่ที่ระดับการฝึกฝนที่ 10 ผลก็คือ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งราวเหล็ก และยังต้านคาถาเวทย์ระดับแยกธาตุและพลังธาตุของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก 5 ระดับ!”
“ส่วนระดับการฝึกฝนที่ 100 มันยังเป็นแค่การคาดเดา แม้กระทั่งบรรพบุรุษของเนี่ยควงเองก็ไม่สามารถบรรลุถึง ไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถเรียนรู้แต่ว่า เป็นเพราะความต้องการทรัพยากรที่มากเกินไป!”
ฟางหยวนกัดฟันและตั้งมั่นอยู่ในใจ
“ข้าไม่จําเป็นต้องพึ่งพาระดับการฝึกตนที่ 10 หรือที่ 100 แต่ว่า มันก็ดีที่จะมีเคล็ดวิชาปกป้องตัวเองเมื่อข้าเดินทางไปต้าเฉียน ข้าจะฝึกวิชานี้ก่อนจะออกเดินทางไปที่นั่น!”
สําหรับเขา การได้มาซึ่งวิชาร่างทองคําร้อยพิษนี้คือรางวัล
ฟางหยวนนั้นเป็นจักรพรรดิในดินแดนแถบนี้ ผู้คนมักจะทําตามที่เขาต้องการ
เมื่อเขากลับมาที่เมืองหลวงของประเทศโยว ทั้งประเทศก็วุ่นวายไปเมื่อพวกเขาได้รับแจ้งถึงความต้องการของฟางหยวน
วัตถุมีพิษทั้งทั่วไปและพิเศษจากทั่วดินแดน และกระทั่งจากดินแดนทุ่งหญ้าถูกส่งมาที่ในวัง
ภายในวัง มีหมอกสีเขียวลอยอ้อยอิ่งอยู่ชั้นหนึ่ง ก่อรูปร่างเป็นมังกรและงู หมอกสีเขียวนั้นถูกกักเอาไว้ด้วยคาถาเวทย์หนึ่งที่ด้านข้าง
ฟางหยวนจ้องหม้อยาหลายใบตรงหน้า แต่ละใบนั้นมีน้ำยาที่มีกลิ่นดึงดูดผู้คนรอบ ๆ
แต่ว่าทั้งหมดล้วนเป็นพิษ!
มุมภูเขาหิมะ งูเขียวใบไผ่ห้าก้าว กระเพาะนกยูงสามตา และแมงป่องคร่าวิญญาณ…
นอกจากนี้ ยังมีบุปผาสวรรค์อํามหิต หญ้ากร่อนปฐพี และกล้วยไม้มึนเมา..
มีวัตถุมีพิษทั้งที่เป็นที่รู้จักและไม่เป็นที่รู้จักล้วนแต่ถูกกลั่นไปหลายครั้งตั้งแต่แรกแล้วจึงนํามาใส่ในเตาหลอมและดําเนินการต่อ คนธรรมดาแน่นอนว่าตายไปได้ในทันทีเมื่อสัมผัสกับพิษนี่! กระทั่งอู่จงเองก็อาจจะถูกพิษจนตายได้!
“นอกจากนี้ ส่วนผสมจําเป็นนั้นไม่นับว่าล้ำค่าและยังมีสิ่งที่ใช้ทดแทนได้อีกด้วย..”
ฟางหยวนนั้นเป็นหมอชื่อดังและหลังจากฝึกฝน เขาก็สามารถผ่านกระบวนการทั้งหมดไปได้โดยง่าย
“ครืน! ครืน!”
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กลิ่นยาก็เริ่มจางหายไปและฟางหยวนก็ดับไฟ ของเหลวในหม้อนั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันและเปลี่ยนรูปเป็นขี้ผึ้งสีดํา
ฟางหยวนพยักหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้มยินดี โดยไม่ลังเล เขาเดินตรงเข้าไปและทาขี้ผึ้งพิษนั่นลงบนร่าง
“โอ้”
เมื่อขี้ผึ้งสัมผัสกับผิวของเขา มันก็ให้ความรู้สึกปวดและคันยิบ ซึ่งซึมเข้าถึงกระดูกของเขาอย่างช้า ๆ มันเหมือนมีมดหลายพันตัวไต่ไปทั่วร่างของเขาและขบกัด
ฟางหยวนเคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ เขาขมวดคิ้วและไม่ช้าก็ชินกับความเจ็บปวด ร่างกายของเขาดูดซับความเป็นพิษเข้าไปและเริ่มกระตุ้นความสามารถซ่อนเร้นของร่างกายเขา
วิชาที่ฝึกเพื่อให้ได้ร่างทองคําร้อยพิษนี้เป็นวิชาภายนอกและฝึกฝนได้ง่าย
“แน่นอนว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดของเคล็ดวิชานี้ก็คือไข่มุกมังกรน้ำ!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ประสิทธิภาพของยาก็ค่อย ๆ ถูกดูดซึมช้า ๆ และผิวของฟางหยวนก็ดูราวกับจะมีประกายสีทองแดงแฝงอยู่
ตําหนักนี้นั้นส่วนมากแล้วสร้างจากหิน และที่ตรงกลาง ถูกขุดเป็นแอ่งใหญ่และมีน้ำยาเดือดๆ อยู่เต็ม
ที่ตรงกลาง ไข่มุกมังกรน้ำลอยผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา
“นี่จึงจะเป็นมรดกของจริง เคล็ดวิชานี้และสมบัติล้ำค่าที่ต้องใช้ร่วมในการฝึก! น่าเสียดายที่เป็นเพียงแค่ระดับการฝึกฝนที่หนึ่งเท่านั้น!”
โดยไม่ลังเลและหวาดกลัว ฟางหยวนถอดเสื้อผ้าออกและกระโดดลงไปในสระ
“ซู่!”
น้ำพิษ และยังร้อนจนเดือด ทําให้ฟางหยวนรู้สึกเหมือนถูกทิมแทงซ้ำ ๆ เป็นพันครั้ง
“ดี!”
ฟางหยวนกัดฟันขณะที่รู้สึกว่าพลังธาตุนั้นพุ่งสูงขึ้นและทุ่มเข้าใส่สิ่งกีดขวาง
“ปัง!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงคํารามของมังกรและไข่มุกมังกรน้ำที่กลางสระก็ระเบิดออกเปลี่ยนเป็นผงละเอียดและเข้าสู่ร่างกายของฟางหยวน
“โฮก!”
จมูกของฟางหยวนสั่นระริก ปล่อยเสียงคํารามออกมาคล้ายกับมังกร ทันใดนั้น เขาก็กระโจนออกจากสระและมองมือของตัวเอง สีหน้าของเขาเป็นประกาย “ข้าบรรลุระดับการฝึกฝนแรกแล้ว!”