Chapter 203: ค่ายกลเวทย์
“ปิศาจ… คําสาป?”
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มลึกลับ “น่าสนใจ! นี่น่าสนใจจริง ๆ !”
ปิศาจนั้นครั้งหนึ่งอาจารย์เจวซินเคยอธิบายเอาไว้ในมรดกที่เขาได้รับและยังในโลกแห่งความฝันของหยางฟาน แต่ไม่ได้อธิบายได้เช่นนี้
“หากที่จัดการกับทั้งหมู่บ้านหงเยี่ยไม่ใช่วิญญาณร้ายอันทรงพลัง เช่นนั้นมันจะต้องเป็น…”
ฟางหยวนคิดอย่างใจลอย ทันใดนั้น เขาก็มองหลีหูและออกคําสั่ง “พวกเราเดินทางไปเมืองซิงลั่วตามเส้นทางเดิม!”
“ขอรับนายท่าน!”
แม้แต่คนที่ขี้เกียจที่สุดก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นมาหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น อย่างไรเสีย ทุกคนก็ให้ความสําคัญกับชีวิตตัวเอง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้ว มันจะดีกว่าที่จะรักษาระยะห่างจากหมู่บ้านหงเยี่ยเอาไว้
เนื่องจากการเดินทางต่อเนื่อง พวกเขาจึงไม่ได้พักมากนัก พวกเขาจึงมาถึงเมืองซิงลั่วก่อนเวลาที่กําหนดไว้หนึ่งวัน
“เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาจริง ๆ!”
มองไปข้างหน้า เขามองเห็นทะเลสาบใหญ่ล้อมรอบเมืองอยู่
แม้ว่าเมืองนี้ ที่มีกําแพงสูงเพียง 20 ฉือ จะไม่สามารถเทียบกับเมืองใหญ่หลายเมืองที่ฟางหยวนเคยเห็นมาก่อน มันก็มีชีวิตชีวามาก มีกระทั้งอักขระเวทย์ส่องประกายอยู่บนกําแพงเมืองขณะที่มันหมุนวนไปรอบ ๆ มันก็ปรากฏขึ้นเป็นค่ายกลขนาดใหญ่
“เพื่อความมั่นคง ปกป้อง และความรุ่งเรือง…”
ฟางหยวนทําความเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับประสิทธิภาพที่แท้จริงของทั้งค่ายกลที่รอบ ๆ เมือง
“ดูเหมือนว่าจ้าวแห่งกลไกผู้นี้จะเรียนรู้จากอาณาจักรต้าเฉียนมาได้ไม่น้อย และก็ยอดเยี่ยมทีเดียว!”
“หยุดอยู่ตรงนั้น! จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเมืองด้วย!”
พวกเขาไปถึงประตูเมือง แถวของทหารมาหยุดขบวนเดินทางเอาไว้ หัวหน้าทหารนั้นสวมชุดเกราะทําจากหนังของตัวอะไรไม่ทราบ และยังดูค่อนข้างหรูหรา “พวกเรานับคนและของแยกกันพวกเจ้ามาจากหมู่บ้านผานฉือ? พวกเจ้าย่อมรู้กฏอยู่แล้ว ถูกหรือไม่?”
ขณะที่หัวหน้าทหารมองฟางหยวน เขาก็พูดต่อ “ค่าธรรมเนียมสําหรับหนึ่งวันพวกเจ้าก็พักในเมืองได้หนึ่งวัน! หากพวกเจ้าถูกทหารจับตัวได้ ค่าปรับย่อมไม่ใช่น้อย”
“ไม่ต้องห่วง พวกเรารู้กฏดี!”
หลีหูยิ้มและยัดก้อนแร่สีดําก้อนหนึ่งเข้ามือของหัวหน้าทหาร “ให้พวกเราผ่านเข้าไปเถอะ!”
“ข้ารู้อยู่แล้ว! คนจากหมู่บ้านผานฉือล้วนมีแต่ยาจก…”
หัวหน้าทหารขมวดคิ้วเหมือนไม่พอใจ แต่ว่าก็ยังคงเก็บก้อนแร่สีดําลงไปและเตะหลีหูอย่างแรง “รับใบอนุญาตแล้วไปให้พ้น ๆ ซะ!”
เผชิญหน้ากับผู้ที่มีตําแหน่ง ไม่เพียงหลีหู แต่กระทั่งอวี่เงี่ยนก็ยังหดหัว ไม่กล้าพูดอะไรสักคํา
ในเมื่อพวกเขาล้วนโอนอ่อนตาม ฟางหยวนจึงไม่ต้องการดึงดูดความสนใจมากนักเช่นกันเขา ตามทุกคนไปและกลายเป็นชาวบ้านผู้เชื่อฟังขณะจ่ายค่าธรรมเนียมของตนก่อนเข้าเมือง
“นี่คือใบอนุญาตของพวกเรา มันอนุญาตให้พวกเราพักอยู่ในเมืองได้หนึ่งวัน นายท่าน กรุณาเก็บไว้ให้ดีจะมีทหารเดินลาดตระเวนในเมืองอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเราไม่สามารถหาที่พัก ได้ก่อนเที่ยงคืนพวกเราจะถูกจับและส่งไปที่เหมือง ไม่มีโอกาสได้กลับออกมาอีก…”
“โอ้?”
ฟางหยวนรับใบอนุญาตมาและพบว่ามันเป็นแค่แผ่นดินเหนียว มันทําจากวัสดุสามัญ แต่มีอักขระเวทย์อยู่บนนั้นหลายตัว
อักขระเวทย์ที่ดูไร้ประโยชน์และเป็นแค่สัญลักษณ์เท่านั้น ตามระดับของพลังแล้ว มันจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงและไม่สามารถอยู่ทนได้จนถึงวันถัดไป
เมืองซิงถั่วใช้วิธีนี้ในการรักษากฎระหว่างผู้ที่พักอาศัยในเมือง
แต่ว่าสําหรับฟางหยวน นี่เป็นวิธีที่ใช้การไม่ได้
เขามองไปรอบ ๆ และเห็นตลาดเล็ก ๆ
ชาวบ้านนั้นมาจากทุกที่และตามติดผู้นําของพวกตน ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขาเริ่มการแลกเปลี่ยนที่ตลาดและเข้าร่วมการต่อรองราคา
“ความตั้งใจของข้าคือสํารวจเมืองซิงลั่ว!”
ฟางหยวนเดินไปหาหลีหูที่ใบหน้าซีด โดยไม่ลังเล ฟางหยวนพูด “ลาก่อน ไว้ค่อยพบ กันใหม่!”
เขาไม่ได้ติดหนี้อะไรคนพวกนี้สักสิ่ง อันที่จริง เขาให้การปกป้องขบวนเดินทางมาตั้งแต่ต้นและดังนั้นจึงสามารถจากไปโดยไม่กังวล
หลีหูนั้นมัวตะลึงและเงียบงันไป
“นายท่าน…”
อวี่เจี้ยนกัดฟันแน่น “พาข้าไปด้วย! ข้าอยากเป็นคนรับใช้ให้ท่าน! ข้ายินดีทําทุกอย่าง ข้ากินไม่มาก…”
“ฮ่าฮ่า… ขอบใจนะ แต่ว่าข้าไม่ต้องการคนรับใช้!”
ฟางหยวนลูบหัวอวีเจียน “เด็กน้อย เจ้ายังไม่ควรเสี่ยงชีวิตตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าควรจะฝึกฝนวิทยายุทธ์ของเจ้าให้มากและสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และดูแลครอบครัวและน้องสาวของเจ้า”
เด็กชายผู้นี้มีชะตาต้องกับฟางหยวนแต่มันยังไม่มากพอจะเปลี่ยนใจเขา
หลังจากพูดจบฟางหยวนก็โบกมือลาและหายลับไปในฝูงชน
“นายท่าน…”
อวีเจียนอึ้งไป
เขาคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฟางหยวน ต่อให้ฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับเขาเป็นศิษย์เขาก็ควรจะได้อะไรบ้าง
เขาไม่เคยคิดเลยว่าฟางหยวนจะจากไปเช่นนี้ ทําลายทุกความหวังที่เขาเคยมี!
“สิ่งดีๆจะได้รับมาโดยง่ายได้อย่างไร… นี่คือโลกแห่งความจริง”
แม้ว่าหลีหูเองก็ไม่ยินดีนัก เขาก็ยังเข้าไปปลอบอวีเจียน “อย่าคิดมากอีกเลย อย่างน้อยเจ้าก็ทิ้งร่องรอยของเจ้าเอาไว้ในใจเขา หากเจ้าได้พบเขาอีกครั้งในอนาคต เจ้าย่อมได้เปรียบเหนือผู้อื่น!”
คิดถึงผู้อื่นที่อวดโอ้ว่าตนได้พบอาจารย์ผู้เก่งกาจในเมืองซิงลั่ว เขาก็พบว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนมีพรสวรรค์ และครอบครัวของพวกเขาก็มีฐานะเพียงพอที่จะสนับสนุนความฝันให้ บางครอบครัวกระทั่งหมดเนื้อหมดตัวเพียงเพื่อสนับสนุนบุตรของตน!
หากพวกเขาไม่ทําเช่นนั้น แล้วจะหนีออกจากวงจรของความยากจนและนําเอาความหวังมาสู่ครอบครัวได้อย่างไร?
คนรุ่นเยาว์ทุกวันนี้อ่อนแอเกินไปแล้ว!
“อันที่จริง กระทั่งอักษรยังเป็นภาษาต้าเฉียน บรรพบุรุษผู้สร้างเมืองซิงลั่วน่าจะอพยพมาจากต้าเฉียน…”
ฟางหยวนเดินไปตามถนนหลายเส้นและมองป้ายร้าน
สิ่งที่ขายดีที่สุดในตลาดยังคงเป็นอาวุธและอาหาร!
นอกจากโลหะร้อยชนิดแล้ว ก็มีอาวุธที่ทําจากสัตว์ท้องถิ่นของทุ่งน้ําแข็งและสัตว์วิญญาณ ราคาก็สูงกว่าอาวุธธรรมดาแต่ก็ยังมีความต้องการซื้อ
แน่นอนว่านี่ก็ยังนับเป็นการซื้อขายระดับล่าง
ของคุณภาพดีย่อมไม่พบได้ง่าย ๆ ตามถนน แต่ในร้านค้าชั้นเลิศ
“ตําหนักหลิงเจิ้น?”
ฟางหยวนมาถึงกลางเมืองซิงถั่วและพบหอสูงแห่งหนึ่ง ป้ายสัญลักษณ์เต็มไปด้วยตัวอักษรที่เขียนขึ้นด้วยพลัง แต่ที่สําคัญที่สุดนั้นก็ยังเป็นยันต์แปดทิศอันหนึ่ง รอบด้านมีประกายและอักขระเวทย์บนนั้นก็ส่องสว่าง นี่หมายความว่าจ้าวแห่งกลไกนั้นอยู่ที่นี่
“พวกเราขายยันต์ค่ายกลปกปักษ์ทุกรูปแบบ แผนที่ค่ายกล และบริการของจ้าวแห่งกลไก…”
ฟางหยวนลูบคางขณะอ่านคําแนะนําที่ด้านหน้า เขารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
เพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาก็ได้พึ่งพาค่ายกลแบบต่าง ๆ แล้ว!
นอกจากความหนาวเย็นอันรุนแรงและพายุน้ําแข็ง สภาพอากาศอันเลวร้ายและสัตวพื้นถิ่นของทุ่งน้ําแข็ง อันตรายอันไม่คาดคิดทุกรูปแบบก็สามารถกําจัดคนทั้งหมู่บ้านได้คราวเดียว
หากไม่มีการปกป้องจากค่ายกลปกป้องอันแข็งแกร่ง หมู่บ้านอันมั่งคั่งที่ไหน ๆ ก็สามารถพังครืนลงไปได้ในสามวัน
“ดูเหมือนว่าผู้ที่อพยพมาจากต้าเฉียนจะได้ครอบครองเคล็ดวิชาค่ายกลที่สืบทอดลงมาจากในอาณาจักรต้าเฉียน…”
ฟางหยวนเดินเข้าไปใสตําหนักหลิงเจิ้นด้วยท่าทางลึกลับ
เขาสนใจจะเรียนรู้เรื่องค่ายกลเวทย์ให้มากขึ้น
หากเขาเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป เขาก็คงกังวลว่าเขาจะใช้การมันไม่ได้
แต่ว่า บนเส้นทางของจ้าวแห่งฝันของเขา ยังมีเส้นทางหลากหลายให้เดินหลังจากถึงระดับสวรรค์มายาเพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะอย่าง ไม่มีอันตรายใด ๆ ในการทําความเข้าใจเส้นทางอื่น ๆ แต่กลับเป็นประโยชน์แก่ตัวเขามากกว่า
“เอ๋?”
ตอนที่เขาเข้าไปในตําหนัก เขาก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแตกต่างออกมา
“ความหนาแน่นของพลังธาตุฟ้าและดิน? มันเพิ่มขึ้นและเป็นหลายเท่าเทียบกับที่ด้านนอกมันให้ผลราวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย!”
เมื่อเขาก้าวเท้าไปข้างหน้า รอบ ๆ ด้านพลันขยายออก เผยให้เห็นห้องโถงกว้างขวาง การตกแต่งหรูหราและไม่ใช่ธรรมดาเลย
“เกิดภาพใหม่ในทุกก้าว? เป็นค่ายกลจริง ๆ”
ฟางหยวนพยักหน้าและไปถึงโต๊ะรับรอง
“ยินดีต้อนรับท่านผู้มาเยือน!”
คนที่โต๊ะรับรองเป็นชายวัยกลางคนใบหน้ายิ้มแย้ม เขาสวมเสื้อคลุมผ้าไหมดูท่าทางร่ํารวย
นอกจากนี้ เขายังดูมีความสุขและร่างท้วมกว่าคนอื่น ๆ ฟางหยวนบอกได้ว่าสภาพชีวิตของเขาต้องดีกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านผานฉือแน่นอน
“ท่านผู้มาเยือนต้องการอะไรขอรับ?”
เขามีรอยยิ้มของมืออาชีพบนใบหน้า “พวกเราขาย “ค่ายกลติดตั้ง” ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการปกป้อง มันประกอบด้วยยันต์สามแผ่นและธงแปดผืน เพียงแค่ติดตั้งตามที่ระบุเอาไว้ในแผนที่ค่ายกลเวทย์ ท่านก็จะใช้งานพลังของค่ายกลได้อย่างต่ําก็ 8 ส่วน! นี่เป็นตัวเลือกที่ดีสําหรับผู้ที่มองหาการปกป้องให้บ้านเรือนของตน!”
“แน่นอนว่า หากท่านยังไม่พึงพอใจ ท่านสามารถทิ้งคําแนะนําเอาไว้ แล้วข้าจะติดต่อกับจ้าวแห่งกลไกและเขาจะช่วยท่านติดตั้งค่ายกลเป็นการส่วนตัว”
“ค่ายกลติดตั้ง?”
มองกําแพงผนึกที่ด้านหลังโต๊ะรับรอง กับแผ่นยันต์ที่ส่องประกายแสงของพลังเวทย์ เขาก็ส่ายหน้า “พื้นที่ที่ค่ายกลนี้แสดงผลนั้นเล็กเกินไป หากสิ่งที่ข้าต้องการคือการปกป้องทั้งหมู่บ้านเล่า?”
“นั่นจะเป็นค่ายกลขนาดใหญ่!”
คนที่ด้านหลังโต๊ะรับรองส่ายหน้า “พวกเรามีขายเพียงเท่านี้ที่ตําหนักนี้ นอกจากนี้ ท่านจําเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากท่านเจ้าเมือง หากท่านเจ้าเมืองไม่อนุญาต เช่นนั้นพวกเราก็ไม่กล้ารับผิดชอบเรื่องนี้แล้ว”
ค่ายกลปกป้องขนาดใหญ่นั้นสามารถปกป้องได้ทั้งหมู่บ้าน!
เจ้าเมืองซิงลั่วนั้นเป็นผู้จัดการเรื่องค่ายกลเช่นนี้ ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถเข้าถึงและปกครองทุกหมู่บ้านและยังควบคุมการกระจายออกไปของค่ายกลขนาดใหญ่นี้ด้วย
“เข้าใจแล้ว!”
ฟางหยวนพยักหน้า
เขาบอกได้ว่าในตําหนักหลิงเจิ้นนี้ที่มีโต๊ะรับรองจํานวนมากนั้น ทุก ๆ โต๊ะนั้นมีจ้าวแห่งกลไกที่น่าจะเป็นระดับศิษย์คอยดูแล
ค่ายกลขนาดใหญ่ของทุกหมู่บ้านนั้นจําเป็นต้องมีจ้าวแห่งกลไกที่ระดับรวมธาตุสร้างขึ้นเองและดังนั้นผู้คนย่อมต้องจ่ายเพื่อค่ายกลเช่นนี้ในอีกราคาหนึ่งซึ่งสูงกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อจํากัดอีกมากมาย
“ดูเหมือนว่าเจ้าเมืองจะครอบครองมรดกของจ้าวแห่งกลไกเอาไว้
ฟางหยวนส่ายหน้า “ข้าจําเป็นต้องตั้งตัวเป็นคนละฝ่ายกับเจ้าเมืองนี้เพียงเพื่อมรดกของจ้าวแห่งกลไกรี? นี่ดูเหมือน… มันจะไม่คุ้มค่านัก…”
นักรบศักดิ์สิทธิ์แต่ละคนนั้นมีไม้ตายซ่อนเอาไว้หลายอย่าง หากจ้าวแห่งกลไกมีเวลามากพอเขาย่อมสามารถสร้างค่ายกลอันน่าตะลึงที่สามารถสังหารหมู่ได้ ฟางหยวนไม่ต้องการทดสอบความจริงเรื่องนั้น
“เมืองชิงชั่วคือรังของพวกเขา จ้าวแห่งกลไกสามารถวางค่ายกลให้ที่นี่อยู่ไปตราบนิรันดร์ได้…”
คิดอย่างนี้แล้ว ฟางหยวนก็รู้สึกสับสนขึ้นมา
“เอาละ นั่นก็ดูไม่เลว ข้าซื้อแล้วกัน!”
ในตอนที่คนที่โต๊ะรับรองคิดว่าการค้านี้คงไม่ได้แล้ว ฟางหยวนจู่ ๆ ก็พูดออกมา ทําให้เขาถึงกับงงงวย
“ได้ขอรับ ท่านต้องการชําระเงินในรูปแบบไหนขอรับ?”
เขาถู ๆ มือเข้าด้วยกันบ่งบอกว่ากําลังตื่นเต้นมาก
อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้ปิดการขายได้บ่อย ๆ และคราวนี้เขาคงได้ส่วนแบ่งจากการขายเป็นก้อนใหญ่ที่เดียว
“ใช้นี่เป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนยิ้มและดึงขวดหยกใบหนึ่งออกมา