Chapter 215: วานรวิญญาณ
จากด้านนอก เทือกเขาสามโลกนั้นไม่ได้สูงใหญ่ แต่ว่า มันเหยียดตัวยาวและมองไม่เห็นปลายสุดของเทือกเขาในสายตา รอบ ๆ เทือกเขานั้นเป็นหมอกหลายชั้น บรรยากาศงดงาม
ไม่มีใครจินตนาการได้เลยว่าเทือกเขาเช่นนี้นั้นจะแบ่งสามโลกแยกจากกัน ต้าเฉียน ม่านหวงและโลกมายามรณะ
“ฟู่… ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว…”
บนถนนออกจากเทือกเขา ชายหนุ่มผู้หนึ่งคืบคลานออกมาจมูกมีเลือดกําเดาไหล มองไปตามที่ราบและทะเลทรายในครรลองสายตา ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นปนเกลียดชังอย่างรวดเร็ว “ตระกูลมู่หรง รอก่อนเถิด ข้าจะกลับไปแก้แค้นสิ่งที่พวกเจ้าทําลงไปในวันนี้!”
เขาสาบานว่าเขาจะรักษาตัวอยู่ที่นี่ก่อนที่จะกลับไปต้าเฉียนเพื่อแก้แค้นครอบครัวที่ทิ้งเขาอยู่ในสภาพเช่นนี้
“กุบกับ! กุบกับ!”
ไม่ไกลจากที่นี่นัก มีเสียงฝีเท้าม้าดังมาให้ได้ยิน
เส้นสีดําเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นและใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อใกล้เข้ามา ก็เห็นว่าเป็นม้ายี่สิบกว่าตัว
“นายท่าน ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นผู้ที่เพิ่งหนีมาจากอาณาจักรต้าเฉียน!”
ชายวัยกลางคนร้องขึ้นก่อนจะส่ายหน้า “เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 12 และยังมีบาดแผลสาหัส เขาไม่มีประโยชน์ต่อพวกเรา!”
“หืม?”
ชายหนุ่มอีกคนขี่มาใกล้เข้ามาขณะที่ม้าอีก 2 ตัวที่ด้านข้างเปิดทางให้เขา เห็นได้ชัดว่าเขามีสถานะสูงกว่าคนอื่นทั้งหมด
“บอกข้า… เจ้าพบโลกมายาหรือไม่ตอนที่อยู่ในเทือกเขาสามโลก?”
ชายหนุ่มถามตรง ๆ และเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยพลังที่สั่นไหวอยู่ในอากาศรอบ ๆ
“ไม่พบ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นยังมีนงงอยู่และพึมพําตอบ
“งั้นรึ”
ฟางหยวนถอนหายใจและปล่อยผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้น “หากมาจากต้าเฉียน โอกาสที่จะพบโลกมายานั้นต่ำกว่าหนึ่งส่วนในสิบส่วน! แต่หากพวกเราผืนเส้นทางปกติ พวกเราต้องเผชิญกับมันอย่างแน่นอน! คนไร้ประโยชน์ผู้นี้ เขาถูกทิ้งเอาไว้ในสภาพนี้กับอันตรายบนเทือกเขา หากเขาเผชิญกับโลกมายาจริง ข้าเกรงว่าเขาคงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร่างของเขาจะเน่าเปื่อยอยู่ตรงไหน…ไปกันเถิด!”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ปล่อยมือและหันกลับ
“ขอรับท่าน!”
ทั้งยี่สิบคนเชื่อฟัง และดูเหมือนจะมีเสียงผู้หญิงสักคนอยู่ในกลุ่มพวกเขาด้วย
ผู้ฝึกยุทธ์ผู้นั้นกลิ้งตัวไปบนพื้นขณะสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังที่รอบตัว เขากลืนน้ำลายอีกใหญ่ “ไม่ใช่ว่ากันว่าม่านหวงนั้นขาดแคลนผู้ฝึกยุทธ์และทรัพยากร และกระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ก็สามารถร่ำรวยและมีอํานาจได้หรอกหรือ? เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”
ในตอนนี้ หัวใจของผู้ฝึกยุทธ์นั้นผิดหวังขณะเริ่มยอมรับความจริงได้ว่าโลกนี้ช่างโหดร้าย
“ตามแผนที่และข้อมูลที่รวบรวมมาได้ พวกเราต้องหาเส้นทางที่สั้นที่สุดเมื่อเข้าไปในเทือกเขาแล้ว”
ฟางหยวนนําฉินชิง น้องชายของนาง และทหารม้าขนนกดําทั้งสิบแปด และหยุดอยู่ที่บนทางเดินบนเขา
รูปร่างของเทือกเขานี้ประหลาดเป็นที่สุด มันมีสองยอด และยอดทางตะวันออกนั้นสูงกว่า ขณะที่ยอดเขาทางตะวันตกนั้นเตี้ยกว่า ยอดเขานั้นยื่นออกมา และทั้งเทือกเขาก็ดูเหมือนเป็นงูสองหัวจําลอง
“แม้ว่านี่จะค่อนข้างอันตรายที่พวกเราจะต้องตัดผ่านเขตแดนของวานรวิญญาณเพื่อใช้เส้นทางสั้นที่สุด แต่ยิ่งพวกเราอยู่ในเทือกเขาสามโลกนานเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสสูงที่จะเผชิญเข้ากับโลกมายา…”
ฉินชิงพึมพําและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของฟางหยวน
นางไม่ได้ระแวงเลยว่าฟางหยวนนั้นจะไม่ได้เป็นเพียงคู่จง แต่ยังเป็นจ้าวแห่งฝัน และดังนั้นจึงค่อนข้างสนใจในโลกแห่งมายา
ด้วยระดับการฝึกฝนของนางตอนนี้ ทั้งหมดที่นางหวังไว้ก็คือลดปัญหาที่ต้องเผชิญระหว่างการเดินทางให้มากที่สุด
“แน่นอนว่า นี่จะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ ถ้าพวกเราต้องเจอกับโลกแห่งมายา พวกเราก็คงได้แค่ตามน้ำไป
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย ราวกับสามารถมองผ่านหมอกและเห็นความลับภายในเทือกเขาสามโลกได้
“ทุกคน ตั้งขบวน!”
ผู้อาวุโสโจวนั้นใช้ผ้าปิดปากเอาไว้จึงทําให้เสียงของเขาฟังแหบแห้ง แต่เมื่อมีคําสั่ง ม้าทั้งสิบเจ็ดตัวก็รับคําในทันทีและลงจากหลังม้า กระจายตัวออกไป
ฟางหยวนนั้นค่อนข้างชื่นชมทหารม้าขนนกดําทั้งสิบแปด
หากไม่เพราะพวกเขา เขาก็คงไม่นําภาระทั้งสองมาด้วยเป็นแน่
“พูดกันให้ชัดเจน แม้ว่าข้าจะตกลงให้เจ้าสองคนตามข้ามาด้วย ข้าก็จะปกป้องเจ้าสองคนในขอบเขตหนึ่งเท่านั้น หากพวกเราเจอกับอันตรายแท้จริง ทุกคนก็ต้องดูแลตัวเอง!”
ฟางหยวนมองสอบตาฉินชิง “หากพวกเจ้าคนใดอยากถอนตัว ก็ยังไม่สายเกินไปนะ!”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง!”
ฉินชิงเลียริมฝีปากตัวเองขณะใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “หากเกิดเรื่องเช่นนั้นจริง ก็หมายความว่าพวกเรานั้นไม่มีโชคพอที่จะผ่านมันไปได้!”
นางและฉินอขึ้นสวมเกราะไว้ด้านในและยังมีคาถาเวทย์ลอยอยู่รอบตัว พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากการป้องกันทุกแบบที่จัดหาได้
ได้ยินอย่างนี้ ฟางหยวนก็ไม่พูดอะไร เขาโบกมือและพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้น ก็ออกเดินทางได้!”
ขณะที่แสงอาทิตย์ส่องผ่านใบไม้และหมอก ก็เกิดเป็นเงาทึม ๆ อยู่บนพื้น
เมื่อทหารม้าขนนกดําทั้งสิบแปดกระจายตัวออกไป พวกเขาสามคนก็ถูกล้อมเอาไว้ตรงกลางด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ พวกเขาก็เริ่มเดินทางเข้าสู่เทือกเขา
ปาเงียบสงบ ดอกไม้งดงาม ราวกับไม่มีอันตรายใดที่นี่
ถึงตอนนี้ ฉินอวิ๋นดูตื่นเต้น มองดอกไม้ขนาดใหญ่เขาก็เดินเข้าไปหาอย่างไม่ได้ตั้งใจและเหยียบไปบนกิ่งไม้แห้ง ๆ เกิดเสียงเสียดสีดังแกรบ!
“ฟ่อ! ฟ่อ!”
ในตอนที่ทหารม้านั้นลดการระวังลง “กิ่งไม้แห้ง” จู่ ๆ ก็ขยับและเผยเขี้ยวแหลมคมออกมามันฉกเข้าที่เท้าของฉินอขึ้น!
“อ๊า…”
ตอนที่ทุกอย่างเกิดขึ้น สมองของฉินอวิ๋นนั้นว่างเปล่าและไม่สามารถขยับตัวได้เลยสักนิด
เขาทําได้เพียงมองประกายสีทองที่วาบขึ้นจากปลายหางตา!
“ฝูบ!”
เข็มสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นด้วยความเร็วดุจแสง มันปักเข้าที่หัวของกิ่งไม้แห้งและหายไปบนพื้น
“ฟ่อ… ฟ่อ…”
กิ่งไม้แห้งเริ่มขดตัวและร้องครางอย่างเจ็บปวด
ผู้อาวุโสโจวรีบพุ่งเข้าไปหาฉินอวิ๋นและฟันกิ่งไม้แห้งออกเป็นหลายชิ้น เลือดสีเขียวไหลออกมา
“งูเปลือกไม้?”
ผู้อาวุโสโจวก้มลงและเผยสีหน้าหวาดกลัว “งูนี่เก่งกาจในการดูดซับพลังของผู้อื่น ด้วยรูปลักษณ์คล้ายกิ่งไม้แห้ง มันปลอมตัวได้แนบเนียนมาก! กระทั่งข้ายังถูกหลอก!”
ใบหน้าของฉินชิงซีดเผือดขณะรีบพยุงฉินอวิ๋นขึ้นมา
งูเปลือกไม้นั้นเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์เป็นที่สุด มันสามารถปลอมตัวเป็นกิ่งไม้แห้งดึงดูดเหยื่อของมัน พิษของมันนั้นร้ายกาจและหากไม่เพราะความช่วยเหลือจากฟางหยวน ต่อให้มีคาถาเวทย์ที่ปกป้องเขาอยู่นั้น ฉินอวิ๋นก็ยังอาจจะไม่รอดจากพิษของงูเปลือกไม้ และเรื่องราวก็คงเลวร้าย
“ ขอบพระคุณท่านที่ช่วยเหลือ!”
เมื่อนางยืนขึ้น ก็นําฉินอขึ้นไปขอบคุณฟางหยวน
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อโลกมายา พวกเขาก็ยังได้ประโยชน์จากการเดินทางกับฟางหยวน
“ไม่เป็นไร หากเราไม่ได้พบอันตรายอย่างแท้จริง จะดีที่สุดถ้าพวกเจ้าจะไม่เอาแต่พึ่งพาข้า!”
ฟางหยวนพูดความจริง และพี่น้องฉินก็ได้แต่กลอกตาอยู่ในใจ
โดยเฉพาะฉินอวิ๋น ที่หน้าขึ้นสีเรื่อขึ้นมา
เขามีความรู้สึกสํานึกในบุญคุณของฟางหยวนอยู่นิดหน่อยก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ปลิวหายไปหมดแล้ว
หลังวุ่นวายกันอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็เดินทางต่อ
ครึ่งวันผ่านไปและต้นไม้ก็เริ่มหนาแน่นขึ้น ท้องฟ้าถูกเมฆสีเข้มบดบัง พรางแสงอาทิตย์เอาไว้
“พวกเราต้องระวังตัวแล้ว อาณาเขตของวานรวิญญาณอยู่ข้างหน้านี้แล้ว!”
ผู้อาวุโสโจวกําด้ามดาบโค้งแน่นและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฟางหยวนนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับวานรวิญญาณ
ในเทือกเขาสามโลกนั้นมีวานรวิญญาณสายพันธุ์ประหลาดอยู่ แขนของพวกมันยาวถึงหัวเข่า กระดูกแข็งอย่างมาก มีดและดาบไม่สามารถสร้างบาดแผลแก่พวกมันได้ และมันยังมีภูมิต้านทานธาตุด้วย เมื่อเติบโตเต็มที่ พวกมันก็เทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับใช้กําลังภายใน! หากพวกมันแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักนิด ก็สามารถฝึกฝนจนถึงระดับสี่ประตูสวรรค์ได้! จ่าฝูงของพวกมันอาจจะอยู่ที่ระดับรวมธาตุด้วยซ้ำ!
แต่นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่เลวร้ายที่สุด
ที่เลวร้ายที่สุดก็คือวานรปราชญ์ที่มีตาวิเศษ
ลิงพวกนี้มีความฉลาดในระดับเดียวกับมนุษย์และสามารถเรียกใช้ความสามารถพิเศษจากศูนย์รวมจิตของพวกมันได้ มันฉลาดถึงขนาดที่อู่จงบางคนยังหลีกเลี่ยงมันเช่นกัน
ครั้งนี้ ฟางหยวนและพวกนั้นตั้งใจจะตัดผ่านอาณาเขตผืนใหญ่ของวานรวิญญาณเหล่านี้
มันมีเรื่องเล่าของอู่จงผู้โชคดีที่ได้เห็นการรวมตัวกันของวานรวิญญาณกว่าร้อยตัวด้วยตัวเอง มีราชาวานรที่อยู่ในขอบเขตรวมธาตุอยู่ในฝูงด้วย และเป็นไปได้ว่าจะมีวานรวิญญาณที่กลายพันธุ์ไปเป็นสายพันธุ์พิเศษด้วย!
ถึงตอนนี้ อู่จงผู้นั้นก็หวาดกลัวจนวิ่งหนี เขาเพียงแค่บันทึกรายละเอียดของการพบเจอครั้งนี้ลงในบันทึกส่วนตัวหลังจากหนีไปได้
แต่ว่า ฟางหยวนและพวกก็ตัดสินใจแล้วที่จะตัดผ่านที่นี่ไปด้วยกําลัง และระดับความยากนั้นก็เกินจะประเมินได้
“พักผ่อนก่อนเถิด หลังจากนี้ พอพวกเราสดชื่นขึ้น พวกเราอาจจะต้องบุกตะลุยกันไปตลอดคืนนี้!”
ฟางหยวนหรี่ตา
แม้ว่าปาจะค่อนข้างสว่าง แต่สัมผัสของเขาก็บอกว่าที่ด้านนอกนั้นกําลังจะมืดแล้ว
ไม่ว่าวานรวิญญาณเหล่านี้จะน่ากลัวเพียงใด พวกมันก็ยังเป็นสัตว์อยู่ดี และยังมีรูปแบบพฤติกรรมเดิม ๆ หากพวกเขาสามารถทําลายรูปแบบนั่นได้ พวกเขาก็ลดปัญหาลงไปได้มากทีเดียว
“ขอรับท่าน!”
เมื่อเขาสั่ง ผู้อาวุโสโจวและคนที่เหลือก็ทําได้เพียงเชื่อฟัง
กลุ่มของพวกเขาหาพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ตั้งกระโจมและเริ่มกินอาหารแห้งส่วนของตัวเอง
ทหารม้าขนนกดําผู้หนึ่งบิดจมูกและเผยสีหน้าตื่นเต้น “มีแหล่งน้ำแห่งหนึ่งทางตะวันออกจากที่นี่! ข้าจะไปเอาน้ำมาสักหน่อย!”
“ทหารม้าขนนกดําทุกคนนั้นมีความสามารถเฉพาะอย่าง หมายเลข 13 นั้นมีประสาทสัมผัสทางกลิ่นและการได้ยินที่ดีมาก สามารถตรวจจับแหล่งน้ำที่ห่างไกลเป็นหลายล็ได้…”
ผู้อาวุโสโจวอธิบายอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม หมายเลข 13 ก็ยังไม่กลับมา และสีหน้าของผู้อาวุโสโจวก็เปลี่ยนไป
“ดูเหมือนว่าเขาจะเจอปัญหาอะไรเข้าแล้ว ออกไปตามหาเขา!”
ฟางหยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ให้ความเห็น
เมื่อพวกเขาทั้งสิบเจ็ดออกค้นหา พวกเขาก็ใช้เวลาเพียงครูสั้น ๆ ก็พบตัวหมายเลข 13 อยู่ที่ริมทะเลสาบ
เขายืนแข็งที่ออยู่ในท่าตักน้ำ แต่ขวดในมือเขานั้นตกอยู่บนพื้น ร่างกายของเขาแข็งราวกับรูปสลับน้ำแข็ง!
“ทะเลสาบเยือกแข็งใดลึกลับเช่นนี้!
มองน้ำสีมรกต เขาก็พึมพํากับตัวเอง
“มันดูเหมือน…”
พร้อมกับดวงตาวิบวับขึ้นมา เขาปล่อยพลังธาตุของตนออกไป สร้างเป็นมือขนาดมหึมาตบลงผิวทะเลสาบ
“ครืน!”
ด้วยพลังมหาศาล ทะเลสาบที่สงบเงียบก็เริ่มขยับและผุดน้ำขึ้น
เมื่อเห็น ฉินอวิ๋นก็ยิ้งฉันไป
แม้เขาจะรู้ว่าอู่จงผู้นี้เก่งกาจ แต่มันก็ยากที่จะเห็นภาพน่ากลัวของอู่จงที่ใช้พลังทั้งหมดในครั้งเดียว
“ออกมา!”
ขณะที่ผิวน้ำแตกออกเป็นสองฝั่ง ฟางหยวนก็ตวัดกรงเล็บออกไป มือใหญ่มหึมาจากพลังธาตุดึงเอาไข่มุกสีฟ้าขึ้นมาวางมันไว้บนพื้น
ไข่มุกนี้มีประกายอยู่ด้านในและดูธรรมดา แต่น่าแปลก มันไม่เย็น ตรงกันข้าม มันให้ความรู้สึกอุ่นนิด ๆ เมื่อสัมผัสและดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง