Chapter 217: เงาดํา
“อู๋! อู๋ววว!”
ราชาวานรขนทองคําราม ร่างใหญ่โตของมันเริ่มวิ่งมาทางฟางหยวน
พี่น้องฉินหน้าซีด!
เผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย พวกเขาก็ตัวแข็งอยู่กับที่! พวกเขาไม่สามารถกระทั่งหลบหลีกและทําได้เพียงรอคอยความตาย
ไม่แค่พวกเขา กระทั่งผู้อาวุโสโจวและทหารม้าขนนกดําบางคนก็กัดริมฝีปากจนเลือดไหล
พวกเขาไม่มีข้อสงสัยแล้ว!
หากพี่น้องฉินต้องเผชิญหน้ากับราชาวานรเพียงลําพัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงตายแน่นอน ไม่มีโอกาสที่จะรอดชีวิตไปได้สักนิด
ฟางหยวนมองกรงเล็บของวานรที่เกือบจะมาถึงตัวและเริ่มหัวเราะ เขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมหมัดขวา
“ครืน!”
พื้นดินสั่นสะเทือน!
หากภาพตรงหน้าสามารถบรรยายได้ว่าฟ้าถล่ม อย่างนั้นฟางหยวนก็คงเป็นเสาค้ำฟ้าหยัดยืนตระหง่าน
“ปัง!”
เมื่อกรงเล็บและหมัดปะทะกัน พื้นดินโดยรอบก็แตกออกราวกับเกิดแผ่นดินไหวเล็ก ๆ ขึ้น
ราชาวานรขนทองถอยหลังไปสองก้าวและจ้องมองมดน้อยตรงหน้าอย่างสงสัย เจ้ามดนี้มีพลังอันมหาศาลอยู่ในร่าง
“ชี่ ชี่!”
“อู๋! อู๋ววว!”
การปะทะกันดึงดูดควานรแข็งแกร่งหลายตัวออกมา
เห็นมนุษย์กําลังสู้อยู่กับราชาของพวกมัน พวกมันก็สงบลงและล้อมตัวเป็นวงขณะจับตามองการต่อสู้โดยไม่พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือ
ผู้อาวุโสโจวและคนที่เหลือถอยออกมา “ทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยดี ดูเหมือนว่าราชาวานรจะได้รับความนับถืออย่างยิ่ง หากนายท่านสามารถเอาชนะมันได้ พวกมันย่อมไม่กล้าโจมตีพวกเรา!”
“นายท่านจะสามารถเอาชนะราชาวานรได้หรือไม่?”
ฉินอวิ่นมองวานรวิญญาณที่ล้อมอยู่แล้วพูดไม่ออก
ผู้อาวุโสโจวดูเคร่งเครียด “ราชาวานรนี้อยู่ที่ระดับรวมธาตุและยังเปิดดวงตาวิเศษได้ ด้วยพลังของมัน อู่จงธรรมดาย่อมไม่ใช่คู่มือ… แต่ดูจากความกล้าหาญของนายท่านแล้ว ดูเหมือนเขาจะมีบางอย่างที่ทําให้เขามั่นใจได้ถึงขนาดนี้!”
“ปัง!”
ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเขาก็เห็นฟางหยวนกระแทกราชาวานรวิญญาณเข้ากับกําแพงหิน ทิ้ง รอยยุบขนาดใหญ่เอาไว้บนกําแพงขณะที่ก้อนหินรอบ ๆ ถล่มลงมา
“ราชาวานรเก่งกาจนัก! ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องแสดงพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว!”
มีประกายสีทองจาง ๆ แผ่ออกมาจากร่างของฟางหยวน นี่เป็นระดับสูงสุดของการผสานกันของร่างทองคําร้อยพิษและอินทรียักษ์กายาเหล็ก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีเงาคล้ายงูสามตัวอยู่ที่ด้านหลังเขา ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามหายเข้าไปในร่างของเขา กลายเป็นรูปร่างของเกราะ
“ครืน!”
หลังจากพลังพุ่งสูงขึ้น อากาศโดยรอบก็สั่นสะเทือน ฝูงลิงตัวสั่นและก้าวถอยไปหลายก้าว
“นี่มัน…. เปิดชีพจร!”
ฉินชิงอุทานอย่างยินดี “นายท่านเป็นอู่จงระดับเบิดชีพจร!”
“ไม่แปลกใจเลยที่เขาคิดจะเดินทางข้ามเทือกเขาสามโลกด้วยตัวเองคนเดียว”
ผู้อาวุโสโจวเข้าใจในที่สุด
“อู๋! อู๋ววว!”
หลังจากเสียงคําราม ราชาวานรวิญญาณก็ตะกายออกมาจากกําแพง มันคลั่งและตาที่สามตรงศูนย์รวมจิตก็เริ่มเปล่งประกาย ยิงลําแสงหนึ่งออกใส่ฟางหยวน
“วูบ!”
แสงสีทองเส้นหนึ่งพุ่งตรงมาทางฟางหยวน
“นี่มัน”
ฟางหยวนรู้สึกว่าการยกมือขวาขึ้นกลายเป็นเรื่องยากอย่างสาหัส ข้อต่อของเขาลั่นกราว ระหว่างดิ้นรน เขาร้องออกมา “นี่คือพลังเทพเจ้าของเจ้า? เคล็ดแรงโน้มถ่วงรึ?”
ร่างกายของเขากลายเป็นหนักอย่างที่สุด และความกดดันที่เขาได้รับนั้นก็คล้ายกับในค่ายกลเวทย์สี่ธาตุ
ความแตกต่างก็คือเจ้าเมืองซิงลั่วนั้นพัฒนาและคงค่ายกลเอาไว้อย่างยากลําบาก แต่ราชา วานรขนทองสามารถใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อต้องการเพียงแค่แสดงเจตจํานงเวทย์!
“อู๋! อู๋วว!”
ราชาวานรขนทองคํารามและดูเกรี้ยวกราด มันมาถึงตรงหน้าฟางหยวนและยกกรงเล็บขึ้น
“เฮอะ แต่ว่า…พันธนาการเท่านี้นั้นไม่พอที่จะจัดการกับข้าหรอก! กรงเล็บอินทรียักษ์!”
เขาตวัดกรงเล็บออกไปอย่างปราศจากความกลัว
“ชี่! ชี่!”
กรงเล็บปะทะกันกลางอากาศ
ภาพมายาของกรงเล็บอินทรียักษ์ระเบิดออกขณะส่งเสียงเสียดหูอยู่กลางอากาศ
“ปัง! ปัง!”
ราชาวานรขนทองถอยไปหลายก้าวและมองมาด้วยสายตาสงสัย
มันไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่ถูกกักเอาไว้ด้วยเคล็ดแรงโน้มถ่วงแล้วยังสามารถเคลื่อนไหวได้ราวกับไร้พันธนาการ
“อืม…. ดูเหมือนจะเป็นทั้งหมดที่เจ้าทําได้แล้ว!”
ฟางหยวนบิดคอราวกับไม่ได้ผลกระทบจากเคล็ดพันธนาการนั่นเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้เขาสามารถทะลายค่ายกลได้ แล้วเหตุใดจึงจะสนใจเคล็ดแรงโน้มถ่วงของราชาวานรขนทองกัน?
“ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถควักตาที่สามของเจ้ามาทําเป็นอาวุธเวทย์ได้หรือไม่!”
“ชี่! ชี่!”
ทันใดนั้น ขนของราชาวานรก็ลุกพรึ่บ มันกรีดร้องออกมา
“เจ้าสัมผัสพลังของข้าได้รึ… นี่ไม่ถูกต้องแล้ว!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และพบว่าวานรวิญญาณตัวอื่น ๆ ก็ร้องออกมาเช่นกัน พวกมันเริ่มหนีและยอมพลาดดูการต่อสู้เพราะสัมผัสได้ถึงหายนะที่กําลังจะเกิดขึ้น
“อู๋! อู๋วว!”
ราชาวานรเองก็สัมผัสได้เช่นเดียวกัน มันไม่สนใจการต่อสู้หรือสุราของตนอีกต่อไป มันปีนขึ้น หน้าผาและวิ่งหนีไป
“นายท่าน…. ท่านทําให้ลิงทั้งฝูงหวาดกลัวจนหนีไป?”
ฉินอวิ๋นมองอย่างไม่อย่างเชื่อ
“เจ้าโง่!”
ฟางหยวนมองไปบนท้องฟ้ามืดมิดและมีท่าทางนิ่งขรึมลง “วานรวิญญาณเป็นเจ้าของสถานที่นี้ พวกมันหนีไปก็เพราะสัมผัสได้ถึงหายนะอันคุ้นเคยที่กําลังจะเกิด…”
“หายนะ?”
เฉินชิงตัวสั่นและเดาออกมา “โลกมายา?”
“ข้าได้ยินมาว่าโลกนี้นั้นเป็นมายาและจะปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราวในเทือกเขาสามโลกเท่านั้น ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับมันดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดพ้นไปได้!”
ผู้อาวุโสโจวเผยสีหน้ามุ่งมั่น “เทียบกับมันแล้ว อันตรายจากฝูงลิงพวกนี้ไม่นับเป็นอะไรเลย… พอคิดดูแล้ว พวกเรายอมวิ่งผ่านอาณาเขตของลิงพวกนี้เพื่อเลี่ยงโลกมายา แต่สุดท้ายแล้ว มันก็ยังคงปรากฏขึ้นอยู่ดี”
ท้องฟ้ามืดลงกว่าเดิม
พอฝูงลิงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลืออยู่แล้ว สายลมภูเขาพัดมาพร้อมเสียงแกรกกราก ทุกแห่งหนนั้นเงียบสนิทเทียบกับความวุ่นวายก่อนหน้าแล้ว มันเงียบจนน่ากลัวทีเดียว
“กึกกึก!”
ฉินอวิ๋นฟันกระทบกันด้วยความกลัวขณะมองพี่สาวของตน “พวกเราจะทําอย่างไรดี?”
“นายท่าน?!”
ฉินชิงเดินขึ้นหน้าสองก้าวแล้วมองฟางหยวน นางรู้ว่าทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับเขาว่าทุกคนจะรอดชีวิตออกไปหรือไม่
“ พวกเราจะไม่หนี!”
ฟางหยวนส่ายหน้าราวกับเพิ่งรู้สึกตัว มีความตกใจอยู่บนใบหน้า “ตอนนี้พวกเรา… อยู่ในโลกมายาแล้ว…”
“อะไรนะ?”
สองพี่น้องฉินหน้าซีดเผือด “เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“โลกมายานั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกเรามาตั้งแต่แรก เหมือนกระดาษสองแผ่นที่ถูกวางซ้อนกันไว้ มันสามารถปรากฏขึ้นที่ไหนก็ได้ที่มันสัมผัสกัน ที่ที่ทั้งสองโลกเชื่อมเข้าหากัน นี่คือเทือกเขาสามโลกที่แท้จริง!”
ได้ยินเพียงเสียงความเงียบ ฟางหยวนส่ายหน้า
“เช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา…”
ฉินชิงนั้นเกือบจะพูดต่อแต่ว่าถูกเสียงของฝูงลิงดึงดูดความสนใจไปก่อน
“ชี่! ชี่!”
ในความมืด ดวงตาสีแดงหลายครูปรากฏขึ้นขณะพวกมันพุ่งมาหาพวกเขา
“นี่มัน… วานรวิญญาณจากเมื่อครู่! ไม่ ไม่ถูกต้อง…”
ผู้อาวุโสโจวมองไป
จิตวิญญาณในดวงตาของวานรนั้นหายไปแล้ว ดวงตาของพวกมันแดง การเคลื่อน ไหวของพวกมันแข็งที่อ ขนของพวกมันเป็นสีดําสนิท พวกมันลุกขึ้นแล้วเดินตรงมาหาพวกเขาราว กับเงาดํา
“หนึ่งในพวกเจ้าสักคนออกไปทดสอบความสามารถของพวกมันดู!”
ฟางหยวนสั่ง
“ตายซะ!”
ทหารม้าขนนกดําพุ่งตรงไป เขามีระดับการฝึกตนที่ประตูทองที่ 8 เขาชักดาบโค้งตวัดเข้าใส่หัวของวานรวิญญาณตัวหนึ่ง
“ฉัวะ!”
ใบดาบโค้งเป็นประกาย มันพุ่งตรงเข้าใส่หัวของลิงดําตัวหนึ่ง
ภาพอันน่าสยองเกิดขึ้นทันที
ไม่มีเลือด ไม่มีเสียงกรีดร้อง
ลิงดําดูปกติ และใบดาบโค้งบนหัวของมันก็เริ่มหายไป ราวกับเงาของมันกําลังกลืนกินดาบนั่น ลงไป
ไม่เพียงแค่นั้น ดาบโค้งยังดูเหมือนจะดึงทหารม้าขนนกดเข้าไปหามันด้วย
“ไม่…”
ทหารม้าขนนกดอยากจะปล่อยมือ แต่ลิงดํายื่นมือของมันออกมาจับเขาเอาไว้แน่
“อ๊าก…”
เขาเริ่มร้องโหยหวนแต่ว่าก็ถูกเงาของลิงดํากินลงไปอย่างช้า ๆ ไม่ช้า เขาก็เหลือเพียงร่างกายท่อนบน จากนั้นก็ใบหน้าตื่นตระหนก จากนั้นก็แขนข้างหนึ่ง
ในที่สุด ทหารม้าขนนกดําก็หายวับไป ถูกกลืนกินลงไปโดยสมบูรณ์
สีหน้าของมันไม่เปลี่ยน ดวงตาแดงก่ำเปลี่ยนเป็นแดงยิ่งขึ้นขณะจ้องมาที่ฟางหยวนและคนที่เหลือ
“วานรวิญญาณธรรมดาตัวหนึ่งพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์อันทรงพลังอย่างนี้ได้อย่างไร?”
ฟางหยวนดูจริงจังขึ้น “พวกเจ้าล้วนถูกยึดครองร่างไปแล้วใช่หรือไม่? หนี!”
มองไปรอบ ๆ เขาก็ไม่คิดจะบุกฝ่าลิงที่ล้อมอยู่ไป เขาพุ่งไปทางถ้ำหินของราชาวานร
“ตาม!”
ผู้อาวุโสโจวผลักสองพี่น้องฉินไปและสั่งให้ทหารบูชายัญอีกสองคนดึงดูดพวกมันเอาไว้ คนที่เหลือเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำหิน
ถ้ำหินนั้นค่อนข้างกว้าง และด้านในยังแห้งเป็นพิเศษ ที่ตรงกลางนั้นเป็นแอ่งและเป็นที่ซ่อน ตัวที่ดี
ด้วยกลิ่นหอมแรงของสุรา ทุกคนในถ้ำหินก็เริ่มมึนงง
มีเสียงกรีดร้องสองเสียงอยู่เบื้องหลังตามมาด้วยเสียงฝีเท้า ชัดเจนว่าลิงดํานั้นไล่ตามพวกเขา มาทันแล้ว
“หากไม่มีทางหลบหนีอื่น พวกเราก็คงตายที่นี่แล้ว!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และดวงตาก็เป็นประกาย “แต่ว่า พวกเราถูกล้อมอยู่ตอนนี้ พวกเราทําได้เพียงป้องกันที่นี่เอาไว้ด้วยชีวิต!”
“ในประวัติศาสตร์ โลกมายานั้นปรากฏขึ้นเพียงชั่วคราว พวกเราน่าจะอยู่ได้นานกว่ามัน!”
“นอกจากนี้… เป้าหมายของข้านั้นย่อมไม่ใช่การอยู่เฉย ๆ ไปจนชั่วระยะเวลาหนึ่งนั่นหรอกนะ!”
ขณะที่ดวงตาของเขาเป็นประกายอยู่ เขาก็มองเห็นลิงดําตัวหนึ่งเดินมาทางพวกเขา
“กรงเล็บอินทรียักษ์!”
“ครืน!”
เจ้าลิงดําปลิวกลับไปและก็มีรอยเล็บลึกสามรอยปรากฏบนหน้าอกของมัน
“ดูเหมือนว่าการโจมตีมันด้วยพลังธาตุจะได้ผลดีทีเดียว! ถึงจะต้องใช้พลังบางส่วน แต่มันก็นับ ว่าได้ผล!”
เมื่อเขาโจมตีใส่ลิงแล้ว เขาก็รีบถอย
ลิงดําหลายตัวเริ่มล้อมเข้ามาอีกครั้ง
“นอนลงไป!”
คราวนี้เขาเล็งไปที่ผนังหิน เขาปล่อยพลังธาตุ ทําให้ก้อนหินถล่มลงมาปิดปากถ้ำ
“ฝุบ!”
ก่อนที่ปากถ้ำจะปิดลง เขาก็ปล่อยพลังธาตุออกไปเป็นแถบ ราวกับมีดคมกริบ มันตัดผ่านหัวของลิงดําตัวหนึ่ง ที่กลางอากาศ เขาคว้าหัวของเจ้าลิงเอาไว้แล้วนําเข้าไปในถ้ำด้วย
“ทางนี้…”
เขาใช้เจตจํานงเวทย์และพบว่าในถ้ำมีร่องรอยการใช้งาน ก่อนที่จะเข้ามาหลบในถ้ำ เขาก็วางแผนเอาไว้ก่อนแล้ว
เขาเริ่มนับจํานวนคนที่ยังอยู่กับเขา ตอนนี้พวกเขาถอยลึกเข้ามาในภูเขา
เขาพบว่าหลังจากเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น คนที่เหลืออยู่ก็มีเพียงสองพี่น้องฉิน ผู้อาวุโสโจว และทหารม้าขนนกดําอีกสามคนเท่านั้น