ถ้าพวกเขาต้องเลือกระหว่าง เหยียน ซิว กับ ฟาง เจิ้งจือ แน่นอนว่าเกือบ 80% ต้องเลือก
เหยียน ซิว
เหตุผลก็ง่ายนิดเดียว
เหยียน ซิว มาจากตระกูลชั้นสูง
แน่นอนว่าเขาต้งรู้กฎของสภาและด้านการเมือง
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีการต่อสู้กันระหว่างผู้มีอำนาจและพวกคนธรรมดาอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตามในอาณาจักรนั้น การต่อสู้นี้ก็ไม่ได้ตึงเครียดมากนัก ผู้ที่มาจากตระกูลผู้มีอิทธิพล มักจะได้ลประโยชน์มากกว่า
ตอนนีอาณาจักรนั้นกำลังเฟื่องฟู หลังจากผ่านมาหลายรุ่น การก่อร่างสร้างเมือง นั้นผ่านมานานแล้ว
ตอนนี้ …
เจ้าหน้าที่ต่างต้องการได้รับผลประโยชน์มากขึ้น เพิ่มชื่อเสียงของตัวเอง และหาทายาทสืบทอด
ปกติแล้วพกวเขาไม่ยอมรับคนธรรมดาให้เข้ามาในสภาเด็ดขาด อย่างน้อยที่สุดคนธรรมดาก็ไม่สมควรที่จะได้รับตำแหน่งสูงเกินไป!
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่าเหล่าเจ้าหน้าที่กำลังคิดอะไรอยู่
เขากำลังกังวลเกี่ยวกับน้ำวนสีแดงที่อยู่ใต้เท้าของ เหยียน ซิว นอกจากนี้เขาอยากรู้ว่าทำไม่
เหยียน ซิว ถึงฟันพื้นเวทีได้ ทั้งๆที่ไม่มีอาวุธ
เขาควรจะถาม?
ฟาง เจิ้งจือ รู้ว่าถ้าเขาถามตอนนี้ เหยียน ซิว จะบอกเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามพวกเขาอยู่ในการต่อสู้ ถ้า เหยียน ซิว ไม่ต้องการจะพูด เขาก็จะไม่ถาม
นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ เห็นว่า เหยียน ซิว เจ็บปวดมาก
นั่นหมายความว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะคงพลังนี้ไว้ ฟาง เจิ้งจือ คาดเดาว่า เหยียน ซิว อาจจะไปเรียนวิชาที่ยกระดับพลังของตัวเองในช่วงเวลาสั้นๆ
ทันทีที่ เหยียน ซิว เปิดเผยออกมา ทางที่ดีที่สุดคือ การสู้รบ ไม่งั้นจะเป็นการผลาญพลังของ เหยียน ซิว…
เขาไม่สามารถใช้ดาบไร้ร่องรอยได้ วิชาที่เขาเรียนมาจากกำแพงน้ำแข็งก็เช่นกัน เขาต้องสู้ด้วยดาบแสง
ฟาง เจิ้งจือ กระโจนเข้าไป
ก่อนที่ เหยียน ซิว จะทำอะไร เขาก็เขวี้ยงดาบแสงหยกเขียวออกไป
“หนึ่งกลายเป็นสอง สองกลายเป็นสาย จากนั้นก็กลายเป็นล้านและเพิ่มต่อไปเรื่อยๆ!”
ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็น ฉือ กูเหยียน ใช้สิ่งนี้เพื่อป้องกันดาบ แม้ตัวเขาเองคิดว่า เขาทำได้ไม่ดีเท่า ฉือ กูเหยียน แต่…
เขาคิดว่ามันก็เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีของ เหยียน ซิว ได้
ดวงตาของ เหยียน ซิว เป็นประกาย ขณะที่ความเจ็บปวดยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ขาของเขาเหมือนจะจมลงไปในน้ำวนลึกขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว ดูไม่ได้ใส่ใจ
เขาเคยเห็น ฟาง เจิ้งจือ วิชานี้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใจ พูดได้ว่า วิชาลับของกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ เป็นวิชาที่ทรงพลังวิชาหนึ่ง
ความแข็งแกร่งของมันนั้นแทบไร้จุดอ่อน
มันเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
ไม่ว่าใครจะเร็วแค่ไหน ก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าดาบแสงได้ ใครก็ตามที่จะทำลายดาบแสง มันจะยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
การที่ต้องเผชิญกับดาบแสงที่ไม่มีสิ้นสุด การพุ่งเข้ามานั้นราวกับเป็นฝันร้าย
เหยียน ซิว เลือกที่จะพุ่งเข้ามา แต่เขาเข้ามาด้วยวิธีที่ไม่ปกติ
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ปล่อยดาบแสงออกมา เขาก็พุ่งตัวทันที เขาพุ่งไปด้านหลัง ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นก็วาดสัญลักษณ์บางอย่างขึ้นมาด้วยมือขวา
จากนั้นก็มีแสงสีแดงจางๆส่องออกมา
มันลอยไปทาง ฟาง เจิ้งจือ
“ตูมมม!”
ไม่ได้เกินคาด แสงสีแดงจางๆปะทะเข้ากับดาบแสงหยกเขียว
จากนั้นดาบแสงก็ระเบิดกลายเป็นตาข่ายดาบแสง ภายในมีดาบแสงบินไปมามากมาย
“ข้ากันมันได้งั้นรึ?” ตาของ ฟาง เจิ้งจือ เป็นประกาย ขณะที่เขากำลังจะชื่นชมวิชาตัวเอง เขาก็พบว่า เหยียน ซิว ยังไม่คิดจะหยุด
เหยียน ซิว พุ่งมาข้างๆเขา
ความเร็วของเขานั้นน่าเหลือเชื่อ
ทันใดนั้นแสงสีแดงจางๆก็ปรากฎขึ้นอีก
ฟาง เจิ้งจือ ตกใจ เขารีบขว้างดาบแสงออกไปทันที มันสามารถแตกออกเป็นหลายๆชิ้นได้…
อย่างไรก็ตามแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กกว่าก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ …
มันต้องใช้เวลาที่ดาบแสงขนาดเล็กจะกลับกลายเป็นขนาดใหญ่เหมือนเดิม
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เข้าใจวิชานี้ทั้งหมด เขาพึ่งเรียนรู้มันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้
เขาไม่สามารถสร้างตาข่ายขนาดใหญ่จากดาบแสงได้ทันทีเหมือน ฉือ กูเหยียน
เหยียน ซิว เลือกโจมตีเข้าที่จุดบอดที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถปิดกั้นได้ เพื่อที่จะป้องกันไฟของ เหยียน ซิว เขามีทางเลือกเดียวคือใช้ดาบแสงอันอื่น
หลังจาดดาบแสงเล่มใหม่ถูกปล่อยออกไปจากมือของ ฟาง เจิ้งจือ …
มันปะทะเข้ากับแสงสีแดงจาง มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆและกลายเป็นตาข่ายดาบแสง
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้
เหยียน ซิว ได้ย้ายไปตำแหน่งใหม่แล้ว เขายังคงปล่อยแสงสีแดงจาง ออกมาอีก
ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เหยียน ซิว ใช้ประโยชน์จากความเร็ว วิ่งไปรอบๆ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยวิธีนี้ ฟาง เจิ้งจือ มีทางเลือกเดียวคือป้องกัน
แต่…
แล้วยังไงละ?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อ่านใจ เหยียน ซิว ได้ อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนตัวเองถูกจัดการได้ เขาจึงเริ่มทำบางอย่าง
หรือจะพูดได้ว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ดาบแสงเล่มที่สามถูกปล่อยออกจากมือ
…
ด้านล่างเวที เจ้าหน้าที่ทุกคนกำลังยิ้มแย้ม เมื่อมอง ดวงไฟปะทะเข้ากับดาบแสง
“เขากำลังใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่ดีกว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรไม่ได้นอกจากป้องกัน ข้าไม่นึกว่า เหยียน ซิว จะใช้วิธีเช่นนี้”
“อืม ตระกูลเหยียน ดูจะเข้มงวดมาก เติบโตมากจากสภาพแบบนั้น แน่นอนว่า เหยียน ซิว ต้องไม่ธรรมดา”
“เขาสามารถแสดงพลังออกมาได้ขนาดนี้ทั้งที่อายุแค 16”
เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างวิจารณ์การต่อสู้
ยู่ ยี่ปิง เองก็เหลือบมองไปยังองค์รัชทายาท เป็นเชิงขอความเห็น
หลิน เทียนหลง กำลังเล่นหยกที่อยู่ในมือของเขา เมื่อเขาเห็น ยู่ ยี่ปิง มองมา เขาพยักหน้าเล็กน้อย และหันไปทางชายหนุ่มข้างๆ
เขาคือเจ้าหน้าที่ระดับ 4 โดยปกติเขาจะยืนอยู่ข้างๆองค์รัชทายาทหลิน เทียนหลง
ชื่อของเขาคือ ซู ฉิง คนโปรดคนใหม่ขององค์รัชทายาท
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ซู ฉิง ตอบทันที
หลิน เทียนหลง พยักหน้า เขารู้ดีเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่ง เหยียน ซิว และ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องสนใจเรื่องนั้น ในฐานะขององค์รัชทายาท
ทั้งหมดที่ต้องทำเพียงบอก ซู ฉิง ถึงสิ่งที่เขาต้องการ
จากนั้นเขาก็ไม่ต้องสนใจ ซู ฉิง จะทำยังไง
ซู ฉิง เองก็รู้เรื่องมิตรภาพระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว แต่ในเมื่อองค์รัชทายาท มอบหมายงานให้เขา ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือคิดแผนการ
มันคือสิ่งที่นักวางแผนควรจะทำ
ราชาต้วน มองไปที่ เหยียน ซิว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเขากังวลเรื่องอื่นมากกว่าตอนนี้
ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่เอาดาบออกมา?!
ไม่!
เขาต้องเอาออกมาอย่างแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนเวลายังไม่เหมาะสมดี
ราชาต้วนให้ความมั่นใจกับตัวเอง ก่อนจะเหลือบไปมอง ปิง หยาง ที่อยู่ใกล้ๆ
ปิง หยาง ดูกังวลมาก นางจับกระโปรงแน่น นางจ้องไปที่การต่อสู้ ดวงตาไม่กระพริบเลยแม้แต่น้อย
นางยังคงพึมพัมกับตัวเอง
“เขากำลังจะแพ้จริงๆงั้นรึ? คิดวิธีอื่นบ้างสิ! ใช้กลโกง! เจ้าฉลาดอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่งั้นรึ? ทำไมถึงมาโง่ตอนนี้กัน?”
…
เหยียน ซิว ยังคงโจมตีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีทางเลือกนอกจากป้องกัน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ทุกคนรอผล
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีเลยตอนนี้
เมื่อเขาป้องกันการโจมตีของ เหยียน ซิว เขาพบว่ามีบางอย่างที่ค่อนข้างร้ายแรง
ยิ่งเขาใช้ดาบแสงมากเท่าไร พวกมันยิ่งช้าลงเท่านั้น นอกจากนี้การควบคุมพวกมันก็จะยากมากยิ่งขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ในที่สุด ฟาง เจิ้งจือ ก็เข้าใจว่าทำไม เหยียน ซิว ถึงต้องใช้วิชานี้
แต่ทำไม เหยียน ซิว ถึงเพิ่มพลังขึ้นมาได้นานขนาดนี้?
มันไม่ใช่วิชาที่เพิ่มพลังแค่ชั่วคราวงั้นหรือ? ทำไมเขาถึงดูเจ็บปวดมาก?ที่สำคัญ ทำไมถึงมีวิชาขี้โกงแบบนี้อยู่บนโลกด้วย?
มันไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย!
ถ้านี่เป็นการเพิ่มพลังระยะยาวจริงๆ! ทำไมถึงมี เหยียน ซิว คนเดียวที่ใช้มัน
ฟาง เจิ้งจือ ไม่เข้าใจเรื่องนี้
ทันใดนั้น…
มีลมอันเยือกเย็นพัดมาที่ข้างหูเขา
“เชี่ย อะไรอีกวะ?!” ฟาง เจิ้งจือ เอนหลังหลบทันที ลมนั้นเหมือนจะพัดผ่านหน้าเขาไป จากนั้นรอยแตกก็ปรากฎขึ้นที่เท้าเขา
โชคดีที่หน้าเขาไม่สัมผัสโดนมัน!
ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเหลือบไปในทิศทางของการโจมตี
มันยังไม่จบ
ฟาง เจิ้งจือ อยากจะสาปส่งเหลือเกิน
อะไรอีกวะเนี่ย?!
มีรูขนาดใหญ่!
เขาไม่รู้ว่าใครสร้างภาพหลอนขึ้นมา หรือมันเป็นรูจริงๆ ด้านซ้ายของ ฟาง เจิ้งจือ มีรูขนาดใหญ่อยู่บนตาข่าย
ขณะที่เขากำลังจะซ่อมมันด้วยพลังของเขา เขาก็ได้ยินเสียงลมดังมาจากทางด้านขวา
“เชี่ยเอ้ย!” ฟาง เจิ้งจือ พบว่าตาข่ายของเขาได้พังลงแล้ว มันพังลงในทุกๆด้าน
ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงแค่มันเป็นแค่การเพิ่มพลังชั่วครู่?
แต่ทำมเขายังคงแข็งแกร่งอยู่ทั้งๆที่ผ่านมา 5 นาทีแล้ว?
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าตอนนี้เขาควรจะเปลี่ยนแผนได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เหยียน ซิว ไม่ได้ให้เวลาเขาคิดนานนัก
หลังจากโจมตีด้วยลม…
เหยียน ซิว มาปรากฎตัวอีกครั้งใกล้ๆ ฟาง เจิ้งจือ
ห่างกันไม่ถึง 1 เมตร ฟาง เจิ้งจือ มองเห็นเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากเขาอย่างชัดเจน รวมถึงน้ำวนที่ใต้เท้าเขาทั้ง 2 ด้าน
ความรู้สึกแปลกๆเริ่มก่อขึ้นในใจ
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของน้ำวนนั้น เหมือนเขาเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่งก่อนหน้านี้
แต่ที่ไหนกัน?
ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถจำได้
แต่เขาไม่มีเวลาคิดอีกต่อไป เหยียน ซิว ได้เริ่มโจมตีแล้ว Prev Next