การแก้ปัญหาเรื่องความแห้งแล้งไม่ใช่เพียงสร้างกำแพงหรือป้อมปราการ แต่คือการส่งตรงน้ำจากทะเลมายังทะเลสาบและแม่น้ำ ก่อนจะส่งมันไปให้ยังประชาชนในแต่ละเมือง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องอย่าลืมว่าโลกใบนี้ไม่ได้มีการสร้างเขื่อนหรือเทคโนโลยีใดๆ
ฟาง เจิ้งจือ ตั้งใจจะเขียนเรื่องการขาดแคลนนน้ำเป็นตัวเปิด
อย่างไรก็ตามความเข้าใจในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรนั้นแทบไม่มี นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละเมืองมีอะไรบ้าง
รวมถึงภูมิศาสตร์
ทะเลอยู่ที่ไหน? ทะเลสาบอยู่ตรงไหน?แม่น้ำอยู่ที่ไหน แหล่งน้ำที่ไหน … อุดมสมบูรณ์? หรือที่ไหนขาดแคลนน้ำตลอดทั้งปี? เขาจะเริ่มต้นได้ยังไงถ้าไม่มีความรู้พวกนี้
การสอบนี้ไม่แตกต่างจากวิทยานิพนธ์ที่เขาต้องเขียนในโลกก่อนแม้แต่น้อย หากปราศจากตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงก็เปล่าประโยชน์
ฟาง เจิ้งจือ เหงื่อตก
เขากำลังจะพลาดจริงๆงั้นหรือ?
ขณะที่เขากำลังคิด เสียงระฆังได้ดังขึ้นมา จากนั้นขุนนางหลวงก็เดินเข้ามาใกล้
หนึ่งในนั้นคือ ซู ฉิง เขาสวมชุดของเจ้าหน้าที่ระดับ 4
ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความวุ่นวาย เขามีรายชื่อผู้เข้าสอบอยู่ในมือ เขานำเหล่าขุนนางเดินไปทางผู้เข้าสอบ
ผู้เข้าสอบทุกคนหยุดพูดคุยกันเพื่อรอ ซู ฉิง
เขาต้องประกาศเกี่ยวกับการทดสอบและแนะนำสิ่งต่างๆ
“อาณาจักรเซี่ย … ” ซู ฉิง ไม่เสียเวลาอีกต่อไป เขาเริ่มพูดกฎทั้งหมดเกี่ยวกับการสอบ “นี่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย ไปที่โถงทดสอบได้!“
“รับทราบ!” ผู้เข้าสอบทุกคนโค้งคำนับเป็นเชิงขอบคุณ
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาเองก็เป็นเจ้าหน้าที่ทำไมต้องโค้งคำนับให้ด้วย? นอกจากนี้เขายังอยู่ในระดับเดียวกับ ซู ฉิง
มีผู้คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ก้มหัวเหมือน ฟาง เจิ้งจือ รวมถึง เหยียน ซิว และ วู่ เฟิง
มีผู้เข้าสอบจำนวนหนึ่งที่มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพล
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เป็นเช่นพวกเขา
ผู้เข้าสอบถูกตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพราะการทดสอบนั้นจัดขึ้นในพระราชวัง การตรวจสอบอีกครั้งก็สามารถเข้าใจได้
การตรวจสอบครั้งที่สองนั้นละเอียดกว่าครั้งแรก มีการสอบถามเกี่ยวกับพื้นเพพร้อมกับตรวจเลือด
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกับในโลกแห่งเซียน
ฟาง เจิ้งจือ เคยเห็นการตรวจเลือดที่หมู่บ้านภูเขาทางใต้ มันเป็นการตรวจหาเลือดปีศาจ แต่ครั้งนี้เร็วกว่าที่นั่นมากนัก
ไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย
ตอนนี้พวกเขาได้ถูกเชิญเข้าไปยังโถงทดสอบ ขุนนางทุกคนนำพวกเขาไปยังลานว่างๆ
ฟาง เจิ้งจือ เริ่มสงสัยเล็กน้อย
เขาได้ยินว่า หนานกง เฮา จะเข้าร่วมการทดสอบ อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าไม่เห็น หนานกง เฮา เลยแม้แต่น้อย
“หรือ หนานกง เฮา จะไม่มา?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้ถามอีกต่อไป เขาจำได้แม้แต่ หนานกง มู่ ยังพลาดการทดสอบระดับจักรพรรดิ
แล้วตอนนี หนานกง มู่ จะมาไหม? เขามองไปยังเหล่าฝูงชน
…
ผู้เข้าสอบทุกคนมาถึงลานหยกขาวอย่างรวดเร็ว มีทหารสวมชุดเกราะสองแถวยืนอยู่ที่ทางเข้า
พวกเขาทั้งหมดดูจริงจัง
ฟาง เจิ้งจือ เคยมาที่นี่และรู้ว่าในพระราชวังเป็นแบบไหน มีทหารคอยป้องกันแทบทุกส่วน อย่างไรก็ตามทหารยามดูมีจำนวนมากขึ้นในวันนี้
หลังจากเข้าประตูมา ภาพข้างหน้าของเขาก็ขยายกว้างขึ้น
ลานหยกขาวสมกับชื่อของมัน ทั่วบริเวณนี้ถูกสร้างด้วยหินหยกสีขาว ล้อมร้อบด้วยรั้วหยกขาวเช่นเดียวกันหินแต่ละแผ่นมีการแกะสลักลายมังกรและนกฟีนิกส์ไว้อย่างงดงาม
วันนี้มีเวทีสีทองอยู่ตรงกลางลาน มันถูกปูทับด้วยผ้าสีทอง ร่มขนาดใหญ่ประดับลายมังกรตั้งอยู่ดลางเวที
ด้านล่างเวทีมีผ้าสีแดงวางทับไว้ รอบๆมีโต๊ะไม้แดงกว่า 200 โต๊ะ แต่ละโต๊ะห่างกันประมาณ 3 เมตร
มันเป็นประสบการณ์ใหม่
ฟาง เจิ้งจือ เกือบจะยืนยันได้ว่าที่นี่ไม่สามารถโกงได้ ยิ่งไปกว่านั้นมีขุนนาง 20 กว่าคนยืนอยู่รอบๆ
“ไปกันเถอะ” เหยียน ซิว พูดก่อนจะเดินเข้าไปในลาน
“อืม” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
ผู้เข้าสอบคนอื่นๆก็เช่นกัน นี่แตกต่างจากการทดสอบครังอื่นๆ คราวนี้ทุกคนพยายามนั่งใกล้กับด้านหน้าให้มากที่สุด
สายตาของ ฟาง เจิ้งจือ ที่นั่งหนึ่งที่ดูยอดเยี่ยม สามารถมองเห็นได้เป็นบริเวณกว้างจากตรงนั้น
เนื่องจากเขาไม่มั่นใจในการทดสอบครั้งนี้ เขาจึงคิดจะพึ่งฮวงจุ้ยเล็กน้อย
ขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปนั้นก็เห็นผู้เข้าสอบคนหนึ่งรีบวิ่งไปตรงนั้น
“แย่งที่นั่งข้า?” ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เตรียมตัวมาเลย เขากังวลอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าที่นั่งของเขาถูกแย่งไปอีก เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
เขาสะบัดมือส่งตะปูบินไป
“โอ๊ย … ทำไมถึงมีตะปูอยู่บนที่นั่งเนี่ย?” เด็กหนุ่มร่างอ้วนเด้งตัวขึ้นทันทีที่นั่งลงไป
ผู้เข้าสอบทุกคนตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน พวกเขาทั้งหมดรีบมองไปที่เก้าอี้ตัวเอง นี่อาจจะเป็นแบบทดสอบ
อย่างไรก็ตาม …
มันกลับว่างเปล่า
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นลางที่ดีนะ!” ฟาง เจิ้งจือ พอใจกับผลลัพธ์ เขาเดินไปยังเก้าอี้และหยิบตะปูออก
” ฟาง เจิ้งจือ เจ้าทำอะไรหา?“เด็กหนุ่มร่างอ้วนโกรธทันที
“ไม่มีอะไรมาก ข้าแค่รังแกเจ้า เจ้ามีปัญหารึ?” ฟาง เจิ้งจือ พูดตรงๆ
“เจ้า…เจ้ากล้าแกล้งข้า? เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าเป็น… ” เด็กหนุ่มยืดอกขึ้นทันทีที่ได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ พูด
“เจ้าจะหาเรื่องข้างั้นหรือ?” ฟาง เจิ้งจือ ขัดจังหวะ
“ใช่!”“
“ข้าร้องเรียน เขาจะโจมตีข้า!“
“อะไรนะ? นี่เป็นการทดสอบด้านปัญญา ถ้าเจ้ายังสร้างปัญหาอีกข้าจะตัดสิทธิ์เจ้าซะ!” 1 ในเหล่าขุนนางพูดขึ้นมา
เด็กหนุ่มร่างอ้วนหัวหดทันทีที่ได้ยิน เขารีบบอกขุนนางว่าเขาไม่ได้โจมตี จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ
“ฮึ่ม ฟาง เจิ้งจือ คอยดูเถอะ!“
“ทำไม? เจ้าจะหาเรื่องรึ?“เหยียน ซิว เดินอยู่ข้างมา ฟาง เจิ้งจือ เขาโบกพัดในมือ ขณะมองไปยังเด็กหนุ่มร่างอ้วน
“ไม่ … ข้าไม่กล้าหรอก” ท่าทีของเด็กหนุ่มร่างอ้วนเปลี่ยนไปทันที
ผู้เข้าสอบที่นั่งอยู่ด้านข้างหันมามอง ไม่มีใครกล้าจะเป็นศัตรูกับ ฟาง เจิ้งจือ
เพราะเป็นแบบนี้ ฟาง เจิ้งจือ จึงมีโอกาสได้ทำสมาธิ เขานั่งพิงเก้าอี้และหลับตาลง
“เมือง?“
“น้ำ?“
ฟาง เจิ้งจือ พยายามปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดที่เคยอ่านมา ต้า หยู่ แก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม? อืม ดูไม่ใช่นะ… ซุน หงอคง จากพระราชวังตะวันออก?
อืม …
ดูไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่
มันเกี่ยวกับแรงงานและพวกเกษตรกร?
ฮึ่ม!
ในใจของ ฟาง เจิ้งจือ กำลังวุ่นวาย เขาคิดอะไรเกี่ยวกับเมืองไม่ออกเลย เขาตัดสินใจเลิกคิด
“ก๊อง!“
ตอนนั้นเองเสียงระฆังดังขึ้น
ผู้เข้าสอบทุกคนนั่งอยู่กับที รู้ว่านั่นเป็นเสียงการมาถึงของจักรพรรดิ
“ยินดีที่ได้พบองค์จักรพรรดิ!“
“ยินดีที่ได้พบองค์จักรพรรดิ!“
เสียงหนึ่งใกล้เขามา ไม่นานรถม้าก็ปรากฎให้เห็น มันทำมาจากทองคำทั้งหมด แกะสลักด้วยลวดลายมังกร ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน
“รูปทรงแบบนี้ … ” ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ สว่างขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรถม้าขององค์จักรพรรดิ แต่รูปแบบของมันช่างคุ้นเคย ครั้งแรกคือตอนที่เขากลับมาที่ภูเขาคังหลิงหลังจากเข้าไปในโลกแห่งเซียน ครั้งที่ 2 เป็นที่ขลุ่ยหยกของ วู่ เฟิง
ครั้งที่ 3?
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่ารูปร่างแบบนี้มีความหมายพิเศษ น่าจะเกี่ยวของกับศิลาเซียน เช่น วู่ เฟิง เขาเป็นลูกศิษย์ของ 1 ใน 4 เซียน
สำหรับองค์จักรพรรดิ…
เขาน่าจะอยู่เหนือพวกเซียน
หรือมันจะเป็นรูปแบบของเซียน!
มันเป็นแค่การคาดเดาของเขา เขาคิดว่าจะถาม เหยียน ซิว หลังการทดสอบ มันเป็นการคาดเดาอย่างไร้จุดหมาย
รถม้านั้นมาถึงที่ลานหยกขาว ประตูถูกเปิดออก องค์จักรพรรดิเดินลงมาช้าๆ เขาสวมผ้าคลุมสีทอง
ฟาง เจิ้งจือ เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างองค์จักรพรรดิ เขาสวมเสื้อสีขาว เสื้อคลุมสีแดง
รูปร่างของเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ผ้าของเขานั้นมีลวดลายคล้ายใบเมเปิ้ล
“หนานกง เฮา!“
“ใครจะคิดว่าเขามาอยู่ในพระราชวังแล้ว!“