“เจ้าควรระวังคำพูดเอาไว้บ้าง!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทันที เขาเป็นชายชราผมทั้งหัวเป็นสีขาวโพลน แขนของเขานั้นยาวมาก เขาดูอายุมากกว่า 55 ปี
“มีอะไรงั้นรึ? อย่าบอกว่าข้าพูดผิด?“เมื่อราชสีห์คำรามได้ยิน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที
“หนานกง เฮา นั้นพักอยู่ที่ถิ่นฐาวานรน้ำแข็งข้ามาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ข้านั้นค่อนข้างเข้าใจว่านิสัยของเขาเป็นยังไง ข้าเกรงว่าคงยากที่จะเอาชนะเขาได้ ยิ่งกว่านั้น พวกเราจะประเมิณ ฟาง เจิ้งจือ ต่ำไปไม่ได้ เพราะเขาเองก็เสมอกับ หนานกง เฮา ในการทดสอบระดับสภาด้านปัญญา ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่สำคัญที่สุด…ข้าไมรู้ว่าเขาใช้วิธีไหนในการพิชิตหุบเขาสายลมของถิ่นฐานข้า เห้อ น่าเศร้า!” เมื่อชายสูงอายุพูดจบเขาก็สบถออกมาเสียงดัง ท่าทีของเขาดูไม่เหมาะสมกับอายุเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ว่าเขาจะเป็น หนานกง เฮา หรือ ฟาง เจิ้งจือ ข้าไม่เชื่อว่าการรวมกับของกองกำลังดินแดนภูเขาทางใต้ทั้งจากภายในและภายนอกกว่าแสนหกหมื่นนายจะไม่สามารถเอาชนะทหารจากอาณาจักรเซี่ย แค่ห้าหมื่นกว่านายได้!“เมื่อ ฉาน หลิง ได้ยิน เขาก็โบกมือลวกๆ ใบหน้าของเขาไมมีความกังวลเลยแม้แต่น้อย
“ท่านพูดถูกแล้ว ตอนนี้ทางผ่านภูเขา อยู่ในการควบคุมของเราแล้ว พวกเราสามารถตัดขาดพวกเขาออกจากอาณาจักรเซี่ยได้ พวกเขาไม่สามารถเรียกกองกำลังเสริมมาเพิ่มได้ ความพ่ายแพ้ของทหารแสนนายนั้นขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น นอกจากนี้ ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับถิ่นฐานวานรน้ำแข็งจริง พวกเราก็มีองค์หญิง ฉาน ยู่ คอยปกป้องอยู่ด้านนอก ต่อให้เป็น หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากการซุ่มโจมตีได้!” ทันใดนั้นเอง เหยียน เยว่ ก็ลุกขึ้นมาและพูดอย่างมั่นใจ
“เมื่อทหารแสนนายของเขาถูกจับ ข้าอยากจะรู้จริงว่าองค์จักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่แหงอาณาจักรเซี่ยจะแสดงท่าทีออกมายังไง ฮ่า ฮ่า… ” เมื่อ ฉาน หลิง คิดถึงจุดนี้เขาก็หัวเราะออกมาทันที
…
ดินแดนภูเขาทางใต้ ถิ่นฐานราชสีห์คำราม ด้านนนอกของหุบเขาสายลม
ขณะที่เหล่าแมทัพพุ่งเข้าไปในสงครามที่วุ่นวาย ฟาง เจิ้งจือ ก็ดึงธนูอาทิตย์แผงศรสีเขียวหยกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะดึงสายมันออกจนเป็นรูปขันทร์เสี้ยว
เถิง ซือเซิง ได้ยินมาว่า ฟาง เจิ้งจือ ได้ใช้ความสามารถในด้านธนูของเขาเพื่อเอาชนะแม่ทัพไถ่ แม่ทัพไถ่ถูกจัดการจนพ่ายแพ้ต่อหน้าองค์หญิง ฉาน ยู่
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นตัวแม่ทัพไถ่เองหรือเหล่าแม่ทัพที่อยู่ในค่ายขององค์หญิง ล้วนคิดว่าเป็นเพราะธนูหวายเพลิง
อย่างไรก็ตาม ฉากตรงหน้าเขาที่ธนูพุ่งออกไปบนท้องฟา ทำให้เขาตื่นตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง ฟาง เจิ้งจือ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ไม่เพียงแต่มีดาบที่น่ากลัวอยู่ในตัวเขา แต่เขายังมีแม้แต่ธนูสีเขียวหยกที่ดูไม่ด้อยไปกว่าธนูหวายเพลิงขององค์หญิง ฉาน ยู่ แม้แต่น้อย
เขาไปเอาสมบัติมากมายมาจากไหนกัน?!
เขาเป็น ฟาง เจิ้งจือ จริงงั้นรึ? ทำไมข้าแค่เคยได้ยินมาว่า ฟาง เจิ้งจือ นั้นมาจากหมู่บ้านบนภูเขาจนๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่เป็นแบบนั้นแม้แต่น้อย?
เถิง ซือเซิง เต็มไปด้วยความสงสัย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาสงสัยยิ่งกว่าคือ ทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงยิงธนูออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพยายามที่จะหยุดนักปราชญ์เหล่านี้จากการฆ่าล้างพวกทหารใช่หรือไม่?
เขาต้องการจะใช้ประโชชน์จากการที่นักปราชญ์เหล่านี้กำลังอ่อนล้า จัดการพวกเขาทิ้งซะ?
เถิง ซือเซิง ไม่สามารถเดาได้ หรือพูดได้ว่าต่อให้เขาคิดไปมากเท่าไร เขาก็ไม่กล้ายืนยันว่ามันจริงหรือไม่ เพราะ ยิ่งเข้าอยู่ข้าง ฟาง เจิ้งจือ นานเท่าไร เขาก็ยิ่งมองความคิดของ ฟาง เจิ้งจือ ไม่ออกเท่านั้น
สิ่งที่เขาทำต่างๆนั้นไม่เหมือนคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่า เถิง ซือเซิง จะเดาได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ ลูกศรของ ฟาง เจิ้งจือ ได้พุ่งออกจากธนูแล้ว มันพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
จากนั้น….
มันก็โค้งตกลงมาเป็นมุมอันสวยงาม ก่อนจะพุ่งไปที่เด็กหนุ่มในชุดเกราะหยกเขียว ในมือของเขาเองถือขลุ่ยหยกอยู่
ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็น วู่ เฟิง!
ขณะที่เขายืนอยู่กลางผู้คนเพื่อรอให้ทหารรอบๆเขายอมแพ้นั้นเอง วู่ เฟิง ไม่มีทางคิดว่า ฟาง เจิ้งจือ จะโจมตีเขา นอกจากนี้ ฟาง เจิ้งจือ โจมตีมาโดยไม่มีใครสังเกตุเห็นแม้แต่น้อย
มันทำให้ วู่ เฟิง รู้สึกโกรธเล็กน้อย
เพราะ ถ้าอธิบายการที่ ฟาง เจิ้งจือ ยิงธนูใส่ เฉิน เฟยยู่ ได้ว่าเป็นการใช้อำนาจของแม่ทัพเพื่อจัดการกับ เฉิน เฟยยู่ ที่กำลังจะสังหารหมู่เหล่าทหารให้อยู่ในความสงบ
จากนั้น หลังจากหยุดต่อสู้แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ ฟาง เจิ้งจือ ต้องยิงมาที่เขาอีก
“ฟาง เจิ้งจือ! เจ้ากำลังพยายามทำอะไร?!” วู่ เฟิง ตะโกนด้วยความโกรธ เขาไม่สามารถป้องกันวิชาล้านคมดาบตรงๆได้เหมือน เฉิน เฟยยู่
เป็นเพราะว่า…
ในใจของเขามันเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่ควรเปลืองพลังด้วย
คนที่ฉลาดอย่าง วู่ เฟิง จะหลบไปด้านข้าง ใช้ความได้เปรียบด้านความเร็วเพื่อหลบลูกศรของ ฟาง เจิ้งจือ
“ตูม!“
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น จุดที่ วู่ เฟิง ยืนอยู่ตอนแรกนั้นระเบิดออกทันที ฝุ่นละอองเละเศษดินกระจายไปทั่วอากาศ ในเวลาเดียวกันเสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นท่ามกลางการระเบิด
“อ๊าก!”
เลือดสาดกระเซ็นพร้อมกับดาบที่แตกกระจายไปทั่วท้องฟ้า ก่อนที่มันจะตกลงมากับพื้น ครู่ต่อมา ศพที่เต็มไปด้วยซากฝุ่นเสื้อฉีกขาด หน้าอกเต็มไปด้วยเลือดก็ปรากฎขึ้นมา
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้ทุกคนต่างหยุดชะงักในทันที
ฆ่า?
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องที่สุดยอดสำหรับผู้คนบนโลกใบนี้แต่อย่างไรก็ตามการฆ่านักปราชญ์ระหว่างการทดสอบระดับสภาต่อหน้าคนจำนวนมากนั้นดูเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล
มีสองอย่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นในด้าน อารมณื ศีลธรรม ที่มองว่าสิ่งแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอย่างไรก็ตามในแง่ของผลลัพธ์ ดูเหมือนจะมีผลประโยขน์อยู่พอควร
ตัวอย่างเช่น เมื่อเหล่าทหารเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ก่อนจะก้าวถอยหลังไปทันที พร้อมเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น
มันเป็นเสียงของอาวุธที่หล่นลงพื้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะทำให้ทหารยอมจำนนได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามแม้ทหารยอมจำนนแล้วก็ตาม นักปราชญ์กลับโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกของพวกเขาเดือดพล่านราวกับน้ำร้อนในหม้อต้ม
“ฟาง เจิ้งจือ เจ้ากล้าฆ่าคนบริสุทธิ์ได้ยังไงกัน!”นักปราชญ์มองจ้องไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยนัยน์ตาที่โกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามนักปราชญ์คนที่พูดกลับชะงักเล็กน้อย
เพราะว่า…
หลังจากอออกจากเมืองเหยียน เขารู้สึกได้เลยว่าไม่มีอะไรที่ ฟาง เจิ้งจือ ไม่กล้าทำสิ่งล่าสุดที่พึ่งผ่านมาคือ ฟาง เจิ้งจือ หายตัวไปในวันประกาศผลสอบบระดับสภา
“จับตัว ฟาง เจิ้งจือ มาเพื่อแก้แค้นให้กับนายน้อยหลี่!“
“การฆ่าคนบริสุทธิ์ พวกเราไม่มีทางให้อภัย“
“พวกเราไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนไร้ยางอายได้ เหล่าทหารของอาณาจักรเซี่ยจงฟัง ฟาง เจิ้งจือ ได้กระทำความผิดที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ ในฐานะที่เป็นฆาตรกรไม่สามารถหนีความผิดนี้ไปได้ ไม่จำเป็นต้องสนใจกฎของการทดสอบการต่อสู้อีกต่อไป ข้าขอร้องโปรดช่วยเหลือพวกเรา ในวันนี้พวกเราต้องจับอาชญากรคนนี้ และส่งตัวเขาให้กับองค์รัชทายาท!“
หินเพียงก้อนเดียวอาจจะทำให้เกิดคลื่นยักษ์ได้ เสียงของนักปราชญ์ 3-4 คนที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น นักปราชญ์ทั้ง 4 ยกดาบขึ้นสูงชี้ตรงไปทาง ฟาง เจิ้งจือ
ขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าไป ก็ร้องตะโกนเต็มเสียงว่า ฟาง เจิ้งจือ เป็นอาชญากร ขณะที่พวกเขาร้องตะโกน ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เป็นธรรม ราวกับตัวเองเป็นผู้ผดุงความยุติะรรม
เมื่อนักปราชญ์คนอื่น ๆ ได้เห็นฉากนี้
พวกเขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กฎพื้นฐานของการทดสอบการต่อสู้ พวกเขาถูกตัดออก และบนกฎพื้นฐานของอาณาจักรเซี่ย แม้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นอาชญากรจริงๆ
การลงโทษควรจะได้รับการตัดสินใจจากสภากฎหมาย
จู่ๆก็ต้องการจับตัว ฟาง เจิ้งจือ เหมือนว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันไม่ค่อยสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขานึกถึงฉากที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำอาหารในขณะที่พวกเขาเองต่อสู้อยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะเอาชนะกลยุทธ์ที่พวกเขาต้องทรคิดอยู่ด้านในเป็นชั่วโมงได้ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่พวกนักปราชญ์จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้น
ทำไมไม่ล้มอำนาจ ฟาง เจิ้งจือ และคืนกองทัพให้ วู่ เฟิง ไปล่ะ?
เมื่อจักรพรรดิเกิดข้อสงสัยว่า ฟาง เจิ้งจือ อาจจะเป็นอาชญากรและผลในการทดสอบของเขาอาจจะไม่มีผลอีกต่อไป เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่ง ฟาง เจิ้งจื้อ อีกต่อไปแล้ว
สรุปแล้ว
ดูเหมือนว่าผลการสอบอาจจะดีกว่าที่พวกเขาคิดไว้!
เมื่อพวกเขาเริ่มคิดถึงเรื่องนี้ เหล่านักปราชญ์ต่างก็เริ่มแลกเปลี่ยนความเห็นกัน โดยมีปราชญืสามถึงสี่คนเป็นแกนนำ
มีคนเคยพูดไว้ว่า ผู้ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นล้วนต้องการใหสถานการณ์รุนแรงกว่าเดิม
เมื่อนักปราชญ์คนอื่นๆว่ามีนักปราชญ์จำนวนแปดคนกือบจะต่อสู้กับ ฟาง เจิ้งจือ แล้ว ถึงพวกเขาจะไม่ไปช่วยแต่ไปดูสถานการณ์ก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ดี
นักปราชญ์แต่ละคนเริ่มขยับตัวและพุ่งไปหา ฟาง เจิ้งจือ ที่ยืนอยู๋ด้านในของหุบเขาสายลมและถือธนูอาทิตย์แผงศรอยู่ในมือ
“ผู้ส่งสารฟาง ดูเหมือนคนพวกนีจะคิดกบฎ“เถิง ซือเซิง ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงจู่โจม วู่ เฟิง และ เฉิน เฟยยู่ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้กังวลเรื่องเหล่านี้
เพราะเขาฟังแค่คำสั่งจากเหรียญตราขององค์หญิง ฉาน ยู่ เท่านั้น
ในเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ถือเหรียญตรานั้นอยู่ เขาก็มีหนาที่รักษความปลอดภัยของ ฟาง เจิ้งจือ
“ถูกต้องแน่นอน พวกเขาต้องการก่อกบฏ” เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ หันไปมองเหล่านักปราชญ์ที่กำลังพุ่งเข้ามาและมองที่ เถิง ซือเซิง ที่เอาตัวมาบังเขาอยู่ ใบหน้าของเขาก็ปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาทันที
เมื่อแม่ทัพคนอื่นๆเห็นฉากนี้วพวกเขาต่างสงสัยเป็นอย่างมาก พวกเขาได้ยินคำพูกที่เหล่านักปราชญ์พูดออกมาและแน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจความหมายที่อยู่เบือ้งหลังมัน
อย่างไรก็ตาม พวกเขาควรจะทำยังไง?
พวกเขาเป็นทหาร พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่แม่ทัพของตัวเองทำนั้นผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นรู้ถึงความสำคัญของคำสั่งดี อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ได้ฆ่าคนจริงๆต่อนหน้าต่อตาพวกเขา
พวกเขาควรจะทำยังไงดี?