Gate of God ตอนที่ 474 ชีวิตใหม่
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หยุน ชิงวู ยังไม่ได้สั่งให้ต่อสู้ นางเพียงยืนดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเจ็บปวด
ผ่านไป 15 นาที จากนั้นก็ 1 ชั่วโมง เสียงกรีดร้องและเสียงของการสังหารยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทหารปีศาจเริ่มล้มตาย
สีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว แต่พวกเขาไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ไม่มีปีศาจตนไหนที่จะกรีดร้อง เพื่อขอความช่วยเหลือ
ไม่มีปีศาจตนไหนไม่พอใจหยุนชิงวูที่ไม่ออกคําสั่ง
ร่างสีดํามากมายพุ่งเข้าหาเหล่าปีศาจราวกับเทพแห่งความตายปีศาจมากมายล้มตาย เลือดของพวกเขานองเต็มพื้น
หัวหน้าดินแดนปีศาจกัดฟันสู้และพยายามป้องกันการโจมตีดวงตาปีศาจของพวกเขาเป็นประกาย
ค่ําคืนนั้นไม่ได้มีดมิดอีกต่อไป
มีแสงส่องอยู่บนท้องฟ้า
เป็นค่ําคืนที่ยาวนาน หลายชีวิตต้องสูญเสียไป ภายในพริบตา ราวกับพวกเขาทั้งหมดได้มาอยู่ในโลกที่แตกต่าง
กําแพงของถิ่นฐานเนินเขาเหล็กเงียบสงบแปลกๆ
ทุกสายตาจับจ้องไปที่การต่อสู้ระหว่างร่างเงาและเหล่าปีศาจพวกเขารอคอยอย่างอดทน …
มีร่างหนึ่งอยู่ท่ามกลางสนามรบ
นางสวมชุดสีขาวยืนอยู่กลางสนามรบ นางดูเหมือนดอกบัวที่เบ่งบานยามค่ําคืน ยืนเด่นอยู่ในทะเลสีดํา
ในขณะนั้นเอง
แสงสว่างก็ส่องสว่างขึ้นด้านข้างของนาง
มันเป็นแสงสีฟ้าที่บริสุทธิ์
ชุดสีฟ้าพริ้วไหวอยู่ด้านในนั้นใบหน้าที่เที่ยวย่นของชายชราแหงนมองบนท้องฟ้าและเฝ้ารอรุ่งอรุณ
ดวงตาของร่างนั้นกลวงและไร้ชีวิตชีวา
เหนือดวงตาคู่นั้นมีสัญลักษณ์ที่ไร้ชีวิต มันถูกตราไว้ที่หน้าผากของชายคน นี้ มันเป็นสัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่ก็ปล่อยกลิ่นอายแปลกๆ
มันเกือบจะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการสรรค์สร้างทั้งหมดตอนนี้
สัญลักษณ์นั้นกําลังเปลี่ยนแปลง
มันเริ่มส่องสว่างและมีรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับได้รับชีวิตใหม่ …
ไม่นานสัญลักษณ์นั้นก็สว่างขึ้น
ราวกับเป็นตัวแทนของการสรรค์สร้างทั้งหมด
ราวกับการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้
หรืออาจจะเป็นตัวแทนของการจุติ
เมื่อสัญลักษณ์เปลี่ยนไป แสงเริ่มส่องสว่างขึ้น
และสว่างขึ้น สว่างมากขึ้น
ในที่สุดความเงียบสงบบนกําแพงเนินเขาเหล็กก็ถูกทําลายลง
ทุกคนต่างจ้องไปที่สัญลักษณ์นั้นด้วยความหวาดกลัว
“คั่งหยาง?!
“หรือว่า คงหยาง“
“เป็นไปไม่ได้
พวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ พวกเขาไม่สามารถทําใจเชื่อ
“อิ่ม!”
ในขณะนั้นเสียงฮัมดังขึ้นไปในอากาศและพื้นดินก็เริ่มสั่นคลอน
ในเวลาเดียวกัน..
มีลําแสงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
มันเป็นแสงสีทองที่ทะลวงผ่านแสงสีฟ้า มันส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า
“อาจารย์!” เสียงของ หยุน ชิงวู ดังก้อง
นางยังไม่ได้เปิดปากแม้แต่น้อยตั้งแต่กองทัพเงาเริ่มจู่โจม นางไม่มีคําพูดใดๆเมื่อท หารปีศาจนับพันล้มตาย
อย่างไรก็ตามเมื่อนางได้เห็นแสงสีทอง นางก็พูด
แต่..
นางพูดแค่คําเดียว
อาจารย์!
เมื่อพูดคํานั้นออกมา หยดน้ําตาก็ไหลออกมาอาบแก้มของนาง
เลือดไหลนองเต็มพื้น
น้ําตาของ หยุน ชิงวู หยดลงไปบนพื้นที่นองเลือด
คั่งหยางหันกลับมา
เขามองดู หยุน ชิงวู ด้วยดวงตาที่บอดสนิท
อย่างไรก็ตาม ..
ดวงตานั้นแสดงถึงความรู้สึกมากมาย
เช่นเดียวกับสัญลักษณ์บนหน้าผากของเขา
สัญลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่มีความหมายที่ซับซ้อนเป็นที่สุด
สัญลักษณ์เปลี่ยนไป แสดงให้เห็นถึงการจุติและชีวิตใหม่แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงความอาลัยต่อชีวิตที่ผ่านมาเช่นกัน
“เจ้าเป็นศิษย์ที่ดีมาก ชิงว!” คังหยางพูดอย่างอ่อนโยน
อย่างไรก็ตามเหล่าปีสาจต่างหันไปมองทั้งหยางแม้จะเป็นช่วงเวลาอันสั้น
เป็นเพราะว่า
พวกเขาทุกคนรู้
แม้ว่า หยุนชิงวู จะให้ความเคารพว่าคงหยางเป็นอาจารย์ของนางตลอดมา แต่คั่งหยางไม่เคยเรียกนางเป็นศิษย์ของเขาเลย
ปกติแล้ว นั่นเป็นคําพูดที่อาจารย์ทั่วๆไปใช้กัน
แต่คั่งหยางไม่เคยใช้คํานั้น
แม้ หยุน ชิงวู จะคุกเข่าต่อหน้าเขา เขาก็ไม่เคยเรียก หยุน ชิงวู เป็นศิษย์แม้สักครั้งเดียว เขาเลือกจะเรียกชื่อของนางแทน
แต่ตอนนี้คงหยางกลับเรียกนางว่าลูกศิษย์
นี่เป็นครั้งแรกที่ครั้งหยางใช้คํานี้ในรอบสิบปี
เสียงของเขาไม่ดังนัก …
แต่มันก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ มันส่งผลต่อทุกคนในสนาม
ในขณะนั้นทุกคนลืมเกี่ยวกับการต่อสู้และการสังหารที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขา
หยุน ชิงวู ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย น้ําตาไหลอาบแก้มของนาง
ในตอนแรก ปิง หยาง โกรธและวิตกกังวลมาก
แต่ในขณะนี้อารมณ์ทั้งหมดเหล่านั้นหายไป
นางมองไปที่คั่งหยางขณะที่ปากเริ่มสั่นไหว นางกลัวมาก
นางไม่เคยกลัวแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ฉือ กูเหยียน ปล่อยมือจาก หยุน ชิงวู
นับตั้งแต่วินาทีที่แสงสีทองพุ่งออกมาจากหน้าผากของ คังหยาง นางก็ปล่อยมือออกจากหยุนชิง
มันไม่ใช่การกระทําที่ฉลาดนัก
แต่…
นางก็ทํา
คังหยางค่อยๆเดินเข้าไปหา หยุน ชิงวู
ทุกก้าวของเขาล้วนมั่นคง
ราวกับเท้าของเขาแทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มันราวกับว่าร่างของเขากําลังลอยไปตามสายลมขณะที่เดินเข้าไป
แต่…
ไม่มีใครไปหยุดเขาแม้กระทั่ง ฉือ กูเหยียน
ไม่เพียงแต่ ฉือ กูเหยียน ไม่หยุด คงหยาง เท่านั้น นางกลับก้าวถอยหลังออกไปและยืนอยู่ ข้างๆ ปิง หยาง จึงทําให้ทั้งหยางใกล้เข้ามาได้
ราวกับเวลาได้ถูกหยุดลง
ทุกสิ่งดูเหมือนเป็นนิรันดร์
ทั้งหยางเดินมาถึง หยุน ชิง
เขายกมือขึ้นวางบนหัวของ หยุน ชิงวู และลูบผมของนางช้าๆ ราวกับพ่อที่แสดงความ รักต่อลูกสาว
แสงสีทองยังคงส่องแสงอยู่บนหัวของ คังหยาง
แสงสีฟ้าที่ห่อหุ้มร่างของเขาหายไป
“พาพวกเขาออกไป” ค้งหยางกระซิบขณะมองดู หยุน ชิงวู ดวงตากลวงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเศร้าโศก
หยุน ชิงวู มองกลับไปที่คั่งหยางทั้งน้ําตา นางกัดริมฝีปาก แต่ไม่ได้พูดอะไรมีเพียงน้ําตาที่ไหลรินออกมา
” การจ้องมองของคังหยางนั้นเต็มไปด้วยความ
“ถ้าข้า มองเห็นเจ้าได้ คงจะดีไม่น้อย เหงาราวกับเขารู้ถึงจุดจบที่ใกล้เข้ามา
หยุน ชิงวู ยังคงนิ่งเงียบ
อย่างไรก็ตามนางตัวสั่นเทาขณะที่กัดริมฝีปาก จนเลือดไหลออกมาจากการกัดริมฝีปาก ..
“เรียกข้าว่าอาจารย์อีกสักครั้ง” คังหยางร้องขอออกมาขณะลูบผมของ หยุน ชิงวู ด้วยมือของเขา
“อา…. อาจารย์!” หยุน ชิงวู มองดูใบหน้าของเขา ขณะที่ร่างกายสั่นเทาและทําอะไรไม่ถูก
“อื้ม เจ้าเป็นศิษย์ที่เยี่ยมยอด! เยี่ยมยอดจริงๆ!”คังหยาง พยักหน้า
เขาพึมพําออกมา นี่คือคําพูด ที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พูดออกมา เขาลุกขึ้นยืน
และยืนหลังตรง
“แกรัก แกรัก!” นั้นเป็นเสียงกระดูกของเขา และเสียงกระดูกชิ้นใหม่ที่ก่อตัวขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขาก็เริ่มเลือนหายไปไม่มีใครรู้ว่าทําไมมันถึงเกิดขึ้นแต่..
ผิวสีขาวที่เที่ยวย่นของเขาเริ่มหลุดร่วงออกจากใบหน้า
สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ
มันเป็นผิวอีกชั้น ผิวที่เรียบ
ไม่มีเลือดไหลออกมาหลังจากผิวหนังแตกสลาย เนียนและเปล่งปลั่ง
มันเหมือนผิวของเด็กแรกเกิด
เมื่อผิวชั้นใหม่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แขนของคังหยางเริ่มเปลี่ยนไป
กล้ามเนื้อเริ่มปรากฏ
“แกรัก แกรัก!” เสียงแตกหักยังคงดังก้องไปทั่ว
ทุกสายตาจับจ้องที่คังหยาง
ด้านบนของเนินเขาเหล็ก
ซิง หยวนกัว และ ซิง ฉิงซุย กํามือแน่นเมื่อเขามองดูร่างของคังหยางที่กําลังเปลี่ยนไป
ฉาน หลิง และหัวหน้าถิ่นฐานต่างก็มองดูที่คังหยาง ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในฐานะนักรบของดินแดนภูเขาทางใต้
พวกเขาไม่เกรงกลัวสิ่งใด
แม้แต่การเผชิญหน้ากับกองทัพปีศาจ ซึ่งมีจํานวนมากกว่าเขา แม้กระทั่งตอนที่ทั้งหยางปรากฏตัว พวกเขาก็ไม่ถอยแต่ตอนนี้
พวกเขาหวาดกลัวอย่างแท้จริง
หนานกง เฮา เบิกตากว้างขึ้น
เขาลืมตาตั้งแต่วินาทีที่แสงสีทองปรากฏขึ้น แววตาของเขาไม่มีร่องรอยของความกลัวแต่เต็มไปด้วยความเคารพ
เขาเคารพ คังหยาง…
ปีศาจทุกคนต่างมองไปที่คังหยาง และมองดูผิวหนังที่อ่อนเยาว์ของเขา กับดวงตาที่บอดสนิทคู่นั้น
ในที่สุด
เสียงก็เงียบไป
พร้อมๆกับร่างกายที่อ่อนแอ
ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หยุน ชิงวู เป็นเด็กหนุ่มที่ผิวหนังเปล่งปลั่ง
เขาผอมลงเล็กน้อย แต่กล้ามเนื้อของเขาชัดเจน
มันเป็นภาพที่แปลกมาก
สิ่งที่แปลกกว่าคือเด็กหนุ่มคนนี้มีผมสีเงิน
เด็กหนุ่มคนนี้คือคังหยาง
ค้งหยางที่เกิดใหม่
สัญลักษณ์ยังคงอยู่บนหน้าผากของเขา มันเป็นสัญลักษณ์ที่มีความซับซ้อนมากและเรืองแสงสีทอง
อย่างไรก็ตามดวงตาของเขายังคงมืดบอดอยู่เหมือนเดิม
ดวงตาที่มืดบอดนั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสีทองบนหน้าผากของเขาส่องสว่าง ขึ้นในขณะนั้น
มันส่องสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเวลาต่อมา
เสาแสงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
มันเกิดมาจากหน้าผากของคังหยาง
มันรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเร็วมากจนบางคนไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดจากหน้าผากของคั่งหยาง หรือส่องลง จากสวรรค์
จากนั้นเสาสีทองกระเบิดออกกระจายเป็นประกายสีทอง มันแตกต่างจากฝนสีดําที่เคยสัมผัสมาอย่างสิ้นเชิง
สิ่งนี้แตกต่างเพราะ
ทั้งหมดมันถูกสร้างขึ้นจากแสงสีทอง
มันบดบังกลุ่มดาวทั้งหมดบนท้องฟ้า
ร่างเงาที่ตอสู้กับกองทัพปีศาจเงยหน้าขึ้น
พวกเขาจ้องมองไปที่แสงสีทอง พวกเขายืนแน่นิ่งราวกับว่าถูกสะกด
จากนั้นพวกเขาสลาย..
ราวกับน้ําแข็งละลายท่ามกลางแสงแดด
อย่างไรก็ตามการสลายนี้รวดเร็วกว่าการละลายของน้ําแข็งมากนัก
เมื่อแสงสีทองส่องลงมา ร่างสีดําก็เริ่มพล่ามัว และค่อยๆโปร่งใส ก่อนจะหายไปในที่สุด
ในขณะนั้นเองคังหยางก็หายไป ร่างของเขาพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
เขาทิ้ง หยุน ชิงวู ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ําตาไว้ด้านหลัง
“อาจารย์!”