บทที่ 65 การแสดงหุ่นกระบอก
เนื่องจากมีสมาชิกในครอบครัวอยู่ในบ้านมากขึ้น มันจึงทำให้ช่วงนี้โจวหยูเงียบกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่เพียง แต่เขาจะหยุดออกไปจับสัตว์ป่าตัวเล็กๆเท่านั้น แต่เขายังไม่ได้พูดกับชาวบ้านในโลก ACG มากนัก แม้แต่การฉายอนิเมชั่จากเครื่องฉายเองเขาก็จำเป็นที่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เขาไม่อนุญาตให้คนอื่นสังเกตเห็นบางสิ่งผิดปกติพวกนี้เด็ดขาด
โชคดีที่กิจกรรมที่สำคัญที่สุดของพ่อแม่ของเขาในทุกวันนี้ก็คือไปเยี่ยมเพื่อนและญาติเก่าของพวกเขา
วันก่อนวันปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา ผู้คนจำนวนมากต่างก็ทยอยกันกลับมาอีกครั้ง และนั้นทำให้หมู่บ้านลู่หัวเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆ ในทางตรงกันข้ามลานหน้าบ้านเล็กๆของโจวหยูกลับกลายเป็นเงียบมากขึ้น จริงๆแล้วมันค่อนข้างเป็นอะไรที่เข้าใจได้ เพราะผู้ชมหลักเป็นพวกเด็กๆ ดังนั้นเมื่อพ่อแม่ของพวกเขากลับมา มันจึงเป็นช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะอยู่กับพ่อแม่ของตัวเอง
แน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เห็นพ่อแม่เป็นเวลานาน พวกเขาจึงต้องการใช้เวลาอยู่กับพวกท่านนาน ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาสามารถเห็นพี่ชายหยูได้ทุกวัน แต่พวกเขาจะได้อยู่กับพ่อแม่ในช่วงปีใหม่เท่านั้น
นี่คือเวลาที่เด็กทุกคนควรจะอยู่ในอ้อมแขนของพ่อแม่ตลอดทั้งวัน อย่างไรก็ตามเจ้าหนูน้อยโจวเฮากลับรู้สึกเศร้ามาก เพราะพ่อของเขาเป็นทหารและเขาไม่สามารถกลับบ้านได้ในช่วงปีใหม่ เมื่อมองดูการรวมญาติของคนอื่น มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะรู้สึกเศร้า
นอกจากนี้ยังมีพวกเด็กคนอื่นๆที่มีสถานการณ์แบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามโจวหยูไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ ท้ายที่สุดไม่ว่าชาวบ้านในโลก ACG จะทรงพลังเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างอะไรที่ไม่มีอยู่จริงๆได้ อย่างไรก็ตามในเวลานี้กลับมีตัวอาคารใหม่ออกมาจากเจ้าเครื่องกาชาปอง และนั้นทำให้เขาคิดว่าเจ้าสิ่งนี้มันคงพอจะช่วยให้พวกเด็กๆมีความสุขได้
อาคารหลังใหม่นี้เป็นโรงละครคณะเที่ยงคืน (หลงหลง)
เหมือนที่พูดไว้นี่คือโรงละคร ดังนั้นนักแสดงบนเวทีจึงเป็นหุ่นเชิดทุกคน ในขณะเดียวกันก็มีคนคอยควบคุมที่ซ่อนอยู่หลังฉากอีกที โดยที่พวกเขาเหล่านี้จะใช้เวทย์มนตร์ที่หลากหลายเพื่อจัดการกับหุ่นเพื่อทำการเคลื่อนไหวที่น่าเหลือเชื่อทุกประเภท ในขณะเดียวกันก็แสดงแสงสีเสียงที่น่าทึ่งและเอฟเฟกต์ที่น่าตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามการสร้างโรงละครนี้กลับเป็นอะไรที่มีราคาถูกมาก แต่เมื่อเขาศึกษามันดีๆแล้วกลับพบว่าการดูการแสดงแต่ละครั้งเขาจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินค่าเข้าชม และยังเป็นการแสดงเพียงครั้งเดียวอีกด้วย
โดยที่พวกเขาจะแสดงได้เมื่อหลังจากเวลา 12 นาฬิกาในเวลาเที่ยงคืนเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงถูกเรียกว่าคณะเที่ยงคืน
อย่างไรก็ตามการแสดงหุ่นกระบอกดูเหมือนจะเป็นความบันเทิงที่ดีทีเดียว เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเป็นเด็กเขามีความสุขกับการแสดงหุ่นกระบอกมากมาย แต่เขาไม่รู้ว่าคณะนี้จะดีอย่างที่เขาหวังไว้ไหมก็เท่านั้น
ถึงมันจะบอกว่าจะเป็นโรงละคร แต่มันดูคล้ายกับเวทีละครหุ่นที่เขาเคยดูเมื่อตอนที่เขายังเด็กมากกว่า โดยที่มันมีความสูงของเวทีประมาณหนึ่งเมตร เวทีด้านหน้าและหลังเวทีถูกแยกด้วยม่านที่มีความยาวประมาณสามถึงสี่เมตร หลังเวทีใหญ่กว่าเวทีด้านหน้ามาก มันเพียงพอที่จะรองรับผู้ใหญ่สี่หรือห้าคน
หัวหน้าคณะคือหัวหน้าผู้อำนวยการโรงละครแห่งนี้ เขาเป็นคนเดียวที่คอยจัดการทุกอย่าง เขาไม่เพียงแต่ต้องใส่ใจกับผู้ประกอบการหุ่นเท่านั้น แต่เขายังต้องให้ความสนใจกับการประสานของแสงสีเสียงและการแสดงโดยรวมอีกด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่อนุญาตให้มีข้อผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น
เมื่อใช้สายตาโลกความจริงมองดู มันก็ทำให้โจวหยูเห็นได้ว่าหุ่นกระบอกนั้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหน้าเวที แต่ไม่มีใครอยู่ด้านหลังเวที มันจึงทำให้ภาพที่เห็นนั้นน่ากลัวนิดหน่อย เพราะถ้าเกิดมีใครก็ตามที่เห็นหุ่นกระบอกกำลังเดินไปมาบนเวทีโดยไม่มีใครควบคุม พวกเขาอาจจะกลัวจนตายก็เป็นไปได้
ตัวหุ่นนั้นทำออกมาดีมาก มันจึงดูเหมือนว่ามีชีวิตชีวามากกว่าตุ๊กตาไม้ที่ทำโดยช่างไม้บีเวอร์เสียอีก เมื่อรวมกับแขนขาที่เคลื่อนไหวได้และผิวที่นุ่มนวล พวกมันก็คล้ายกับตุ๊กตาที่มีราคาแพงมาก
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้กลับเป็นการเพิ่มความสยองขวัญขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
โจวหยูตั้งใจที่จะขอให้พวกเด็กๆที่กำลังเศร้าอยู่มาดูการแสดงหุ่นกระบองในครั้งนี้ แน่นอนว่าเขาสามารถแสดงได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ท้ายที่สุดการแสดงหุ่นกระบอกในครั้งนี้ก็มีราคาถึง 1,000 เหรียญโม
ดังนั้นในตอนบ่ายของวันนี้โจวหยูก็ได้เรียกเจ้าหนูน้อยโจวเฮามา และขอให้เขาเรียกพวกเด็กคนอื่นมาด้วย เขายังได้บอกอีกฝ่ายด้วยว่าพวกเขาจะต้องค้างบ้านของเขาในคืนนี้
หนูน้อยโจวเฮาที่ฟังแบบนั้นก็เกิดสับสนขึ้นมา “พี่ชายหยูจะไปเล่นหนังให้พวกเราในคือนี้เหรอครับ? แบบนั้นมันจะไม่เป็นการรบกวนคนอื่นเหรอ?”
โจวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตบเบาๆไปที่ด้านหลังศีรษะของเจ้าหนูน้อยโจวเฮาทันที และพูดออกมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อยว่า “อะไรกัน? นี้นายคิดว่าฉันจะเปิดหนังให้พวกนายดูเหรอไง? กลับกันเลยต่างหากฉันได้เชิญนักมายากลมาคืนนี้เพื่อแสดงสุดยอดมายากรที่ไม่เคยมีมาก่อนให้พวกนายได้ดู แต่ฉันต้องขอเตือนนายเอาไว้ก่อนว่า พวกนายจะต้องไม่ถามหรือเข้าไปใกล้พวกเขามากเกินไป ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดว่าพวกเขาโกรธขึ้นมา พวกเขาอาจจะแสกให้พวกนายกลายเป็นม้าหรือลาก็ได้!”
แน่นอนว่าเจ้าหนูน้อยโจวเฮาไม่เชื่อคำพูดพวกนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อเขาได้ยินว่าจะมีการแสดงมายากลเกิดขึ้นในคืนนี้ มันก็ทำให้เขารีบไปที่บ้านของเด็กคนอื่นเพื่อบอกข่าวนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะบอกผู้ปกครองว่าพวกเขาจำเป็นที่จะต้องไปค้างบ้านของพี่ชายหยูในครั้งนี้
หลังจากที่พวกเด็กๆได้รับอนุญาต ก็มีเด็กเจ็ดหรือแปดคนปรากฏตัวที่บ้านโจวหยู แม้ว่าพ่อแม่ของโจวหยูยังไม่รู้ว่าลูกชายของพวกเขาจะทำอะไร แต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามคำถามมากเกินไป พวกเขากลับไปมาเพื่อเตรียมห้องขนาดใหญ่เพื่อให้เด็กนอนในตอนเย็น
เวลา 12 นาฬิกาในตอนกลางคืนโจวหยูก็ได้เดินเข้ามาที่ห้องเด็กและเรียกให้พวกเขาตื่นขึ้นมา ในขณะที่ทำท่าทางมือเงียบๆอย่าส่งเสียงดัง พวกเขาก็ได้เปิดประตูอย่างระมัดระวังและแอบออกจากบ้าน
การทำให้เกิดเสียงดังอาจจะทำให้คนอื่นตื่นขึ้นมาได้ ดังนั้นโจวหยูจึงได้เตรียมสถานที่อื่นเอาไว้แล้ว ยังไงก็ตามเจ้าหนูน้อยโจวเฮาและเด็กคนอื่นๆก็รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่ที่พี่หยูพาพวกเขามา เพราะที่แห่งนี้มันเป็นโรงเรียนของพวกเขานั้นเอง – โรงเรียนประถมลู่หัว
โรงเรียนในตอนกลางคืนนั้นเป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างไม่มีเหตุผลเสมอไป แม้ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่เป็นคนนำทาง แต่พวกเด็กๆก็ยังกลัวอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าสนใจนี้เองก็ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน
หลังจากเดินเข้าไปในความมืดชั่วครู่หนึ่ง เจ้าหนูน้อยโจวเฮาก็ค้นพบสิ่งที่น่ากลัวขึ้น เพราะพี่ชายหยูที่เป็นผู้คนนำทางด้านหน้าก่อนหน้านั้นได้หายตัวไปทันทีหลังจากเขาเลี้ยวเข้ามุม
‘โอ้! ถ้านี้เกิดขึ้นในภาพยนตร์สยองขวัญ มันจะถือว่าเป็นฉากคลาสสิคเลยก็ว่าได้’
นั้นทำให้เจ้าหนูน้อยโจวเฮาเกิดกลัวขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามพวกเด็กๆที่อยู่ข้างหลังเขาอายุน้อยกว่าเขามาก มันจึงเป็นเรื่องแย่อย่างมากถ้าเขาแสดงความกลัวออกมาตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันและเตรียมที่จะพาพวกเขากลับไปที่บ้านของพี่ชายหยูทันทีถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ในขณะเดียวกันก็เกิดลำแสงถูกฉายขึ้นมาจากท้องฟ้าและฉายแสงออกมาจากพวกเขาทำให้วิญญาณของเด็กๆเหล่านั้นกลัว
“ยินดีต้อนรับสู่โรงละครเที่ยงคืน พวกเด็กๆโปรดคว้าที่นั่งแล้วสนุกกับการแสดงที่คุณอาจจะไม่สามารถมองเห็นได้อีกในอนาคต!”
เสียงของหัวหน้าคณะเป่าแตรอยู่ที่มุมหนึ่งจากนั้นลำแสงอีกดวงก็ปรากฏขึ้น โรงภาพยนตร์ทั้งหมดนั้นสว่างขึ้นโดยมัน จากนั้นเสียงร่าเริงก็ตามมาทันทีและม่านก็เปิดออก ตัวตลกทั้งห้ากำลังเดินอยู่บนลูกบอลห้าลูกก่อตัวเป็นเส้นตรงเรียบร้อยแล้วย้ายขึ้นไปบนเวที
มันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับตัวตลกที่จะเดินบนลูกบอล แต่มันแปลกมากสำหรับหุ่นกระบอกที่ถูกควบคุมที่กำลังเดินบนลูกบอล และยังมีถึงห้าคน! ความสนใจของเด็กเหล่านั้นถูกดึงดูดทันที และความกลัวก็หายไปอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นเพียงการแสดงเล็กๆที่จะทำให้ผู้ชมประทับใจ การแสดงที่แท้จริงยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ แต่การแสดงตลกของตัวตลกก็ทำให้เด็กๆหัวเราะอยู่ตลอดเวลา หนึ่งในตัวตลกไม่เพียงแต่ทำแบ็คลิปบนลูกบอล แต่ยังยืนคว่ำลูกบอลไว้ครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามมันหลุดบอลออกไปในที่สุด
หากผู้ชมเป็นผู้ใหญ่พวกเขาจะเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าหุ่นกระบอกเหล่านั้นดูเหมือนจะถูกควบคุมโดยสายที่มองเห็นได้ แต่หุ่นสามารถแสดงการเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
ความสงสัยเป็นธรรมชาติของผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กเหล่านั้นเห็นได้ชัดว่ายังเด็กมาก พวกเขายังคงคิดว่าพวกเขากำลังดูการแสดงหุ่นกระบอกอยู่ตลอดเวลา