หลังจากรู้กำหนดการเดินทางของเจียงเสี่ยวหยูแล้ว เจียงซวนผู้ซึ่งไม่มีอะไรทำจึงได้กลายเป็นลูกค้าประจำของร้านฟางฉีไปโดยปริยาย
ตามคำแนะนำของเจียงเสี่ยวหยู ส่วนใหญ่พี่ชายของเธอมักจะเล่นเดวิลเมครายสามหรือไม่ก็ดูหนัง ส่วนองครักษ์ทั้งสองก็จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ด้านนอกร้านทุกวันตอนเช้า
เมืองครึ่งที่อยู่ไกลออกไปเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนที่นั่นผู้เล่ยส่วนมากล้วนติดใจในเกมเดวิลเมครายสาม นอกจากเดวิลเมครายแล้วหนิงไป่ยังซื้อกีต้าในคิวโซนของเธอด้วย มันเป็นรูปแบบกีต้าเดียวกับกีต้าไฟฟ้าของดันเต้
เธอส่งข้อความถึงฟางฉี [เจ้าช่วยแนะนำเพลงดีๆ ไว้ให้ข้าเล่นกับกีต้าได้มั้ย]
[ข้าต้องการออะไรที่น่าตื่นเต้นกว่านี้] เธอกล่าวเสริมขณะสวมชุดสีดำและถือกีต้าไฟฟ้าไว้ในมือพร้อมเขี้ยวแหลมที่แลบออกจากปาก เธอสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของมือกีต้าที่เข้าสิง
ฟางฉีแตะหน้าผากตัวเอง เขาสูญเสียคำพูด
ในตอนนี้หนิงไป่กำลังปรับกีต้าไฟฟ้าของเธอในคิวโซนและร้องเพลงด้วยความพึงพอใจ เพลงนี้ดีต่อหูเมื่อเสียงของเธอผสมผสานกับสายลมบรรเลงคู่กับกีต้าช่างฟังแล้วไพเราะ
อีกด้านหนังซุยเซียนหยุนที่อยู่เพียงลำพังในส่วนที่พำนักของเธอ
เธอซื้อเทคนิคจากพันธมิตรวู่เว้ยและสร้างปืนพกแบบกำหนดเอง ส่วนบนหลังของเธอถือดาบขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นอย่างพิถีพิถันซึ่งถูกปลุกด้วยคุณสมบัติเวทย์มนตร์
รูปร่างและเนื้อของดาบถูกสร้างขึ้นจากเหล็กที่หายากมันสร้างขึ้นโดยเทคนิคที่สามารถเลียนแบบได้และเนื้องานค่อนข้างน่าเชื่อถือ
เป้าหมายสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณทุกชนิดถูกสุ่มวางไว้รอบตัวเธอ จากนั้นเธอคัดลอกการเคลื่อนไหวของดันเต้และยิงปืนทั้งสอง
แกร๊ก! แกร๊ก ..
คลื่นของกระสุนปืนรุนแรงและอัตราเร็วเพิ่มขึ้น
ยิงไปข้างหน้า ลูกกระสุนสองนัดพุ่งไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน!
เธอยิงอย่างดุเดือด
จากนั้นเธอกระโดดขึ้นและหันหน้าลงพื้น มือที่ถือปืนยังคงยิงซ้ำๆ กระสุนที่มีออร่าสีฟ้าอ่อนรอบๆ เมื่อยิงลงพื้นแล้วมันจะกระจายออร่าสีฟ้าให้ใหญ่ขึ้นคล้ายว่าเทพธิดากำลังลอยตัวเบ่งบานกระจายกรีบดอกไม้มันเป็นภาพที่สวยงามราวกำลังดอกไม้กำลังเต้นรำกลางอากาศ
หลังจากถอนปืนออกเธอดูเท่และนิ่งมาก รอบตัวเธอพื้นที่ถูกกระสุนหลายนัดแตกกระจายต้นไม้รอบๆ ถูกทำลายกลายเป็ยสภาพที่ทรุดโทรม
เธอหยิบวัตถุสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณขึ้นมาจากพื้น
พวกมันดูใหม่ ยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึงเวลาเล่นเกม นักแม่นปืนผู้ซุ่มซ่าม
“…” ใบหน้าของเธอมืดมนเล็กน้อย เธอมองรอบๆ อย่างระมัดระวังรู้สึกโล่งใจที่ไม่มีใครเห็น
เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ศิษย์พี่!” เสียงเรียกดังขึ้น
“…” ใบหน้าของเธอหดลงอีกครั้ง “ทำไมต้องมาที่นี่ในตอนนี้!”
แกร๊ก! แกร๊ก!
เธอยิงเป้าหมายด้วยจิตวิญญาณด้วยระยะอันใกล้ เมื่ออาจารย์ซีชิเข้ามาในร้านเธอเห็นซุยเซียนหยุนอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวพร้อมปืนในมือมีควันลอยออกมาคล้ายว่าเธอเพิ่งใช้งาน
“ศิษย์พี่กำลังฝึกการยิงหรือ?” อาจารย์ซีชิมองไปรอบๆ และพบว่าระแหวกใกล้เคียงรอบๆ นั้นเต็มไปด้วยรูกระสุน เธอรีบเอ่ยชมด้วยความรวดเร็ว “สุดยอดมาก!”
ด้วยรัศมีของเธอที่คล้ายว่าจะพิเศษกว่ามนุษย์เธอถามอย่างตั้งใจว่า “อะไรพัดพาศิษย์น้องมาหาข้าที่นี่”
“ศิษย์พี่ท่านลืมหรือเปล่าว่าเจ้าของร้านจะทำการถ่ายทอดสดเกมเดวิลเมครายสามวันนี้ตอนบ่าย เข้าจะเข้าสู่ทุกด่าน!”
“จริงหรือ!?” เธอนำสิ่งต่างๆ ไปเก็บและเตรียมพร้อมทันที “ไปกันเถอะ”
…
แต่ละเรื่องกำลังจะจบลง เดวิลเมครายสามนำการต่อสู้มาสู่ผู้เล่นการเคลื่อนไหวของตัวละครที่น่าทึ่งรวดเร็ว ฟางฉีควบคุมดันเด้เพื่อกำจัดหัวหน้าปีศาจอันทรงพลังที่ละคนตามเนื้อเรื่อง ฟางฉีเดินทางจากโลกมนุษย์ไปยังโลกปีศาจ
ตัวละครหลักนั้นเป็นลูกครึ่งมนุษย์มีเลือดของปีศาจในร่างกาย เขาเป็นคนที่สง่างามใจกว้างมีมนุษย์ธรรมใจดีและมีเมตตา ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกประทับใจ
เพื่อไล่ตามพลังของพ่อ เวอร์จิลได้ทำลายผนึกของพ่อที่ไว้เคยล็อคประตูมิติระหว่างโลกและปีศาจไว้ ปีศาจร้ายได้ตื่นขึ้นและเดินทางมายังรอยแตกแยก ภายในประตู่สู่โลกปีศาจนั้นเต็มไปด้วยปีศาจที่น่ากลัวชวนขนลุก นอกจากนี้ที่นั่นยังเต็มไปด้วยความโกลาหลและอันตรายที่ไม่อาจจินตนาการได้
ฝาแฝดของเวอร์จิลเขาเลือกที่จะใช้เส้นทางชีวิตที่แตกต่างออกไป คนหนึ่งสืบทอดความแข็งแกร่งของพ่อในขณะที่อีกคนสืบทอดความมั่นคงของพ่อแม่ เมื่อใดก็ตามที่โลกสูญเสียความสมดุล ความมืดจะครอบงำทุกสิ่งวิญญาณที่หยิ่งยโสก็จะยืนหยัดขึ้น
การต่อสู้ก่อนหน้านี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสายเลือดพี่น้อง แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ตายเป้นตาย
ผู้เล่นทุกคนที่เล่นเดวิลเมครายที่มาก่อนพวกเขามักได้ที่นั่งที่ดีเสมออยู่ใกล้จอใหญ่แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่มีประสบการณ์การเล่นมากนักแต่พวกเขาก็ชื่นชอบที่จะดูเป็นอย่างมากเพื่อเป็นประสบการณ์ล่วงหน้าก่อนได้เล่นเอง
ในความจริงพวกเขาชื่นชอบการต่อสู้ที่ท้าทายและดุเดือด นอกจากนี้ยังได้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคท่าทางอีกด้วย พวกเขาพบว่าการได้ดูเจ้าของร้านทำให้พวกเขาเข้าึงเรื่องราวได้เข้าใจกว่าการเล่นด้วยตัวเอง นี่ถือเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายระหว่างพี่น้อง
ขั้นสุดท้ายนี้ความแข็งแกร่งของเวอร์จิลนั้นสูงมากจนน่ากลัว สามารถอธิบายได้ว่ามันน่ากลัวจนแทบหลีกหนีไม่พ้น รัศมีของดาบที่ถูกควักออกมาปรากฏขึ้นต่อหน้าดันเต้คล้ายว่ามันเดินทางมาที่นี่เพื่อเขาโดยเฉพาะ
“…”
“เทคนิคดาบนี้คืออะไร?”
“เขาทำแบบนี้ได้ยังไง!?”
หลายคนในกลุ่มผู้ชมอุทานด้วยความตกใจ
เวอร์จิลเริ่มต้นการต่อสู้ด้วยท่าทางที่น่ากลัวผู้ชมหลายคนรู้สึกกดดันตามไปด้วย
แตกต่างจากดันเต้อัศวินขาว ส่วนเวอร์จิลก็เหมือนกับอัศวินดำ เขาคิดว่าการใช้ปืนถือเป็นการดูถูกเขา เขาไม่เคยใช้ปืนมาก่อนเพียงเพราะเขาเชื่อมั่นในดาบของเขาเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันไม่ได้หมายความว่าเขาไม่สามารถโจมตีระยะไกลได้
ฟางฉีปิดกั้นท่าทางการร่ายรำกระบี่ของเขา ผู้ชมเห็นท่าทางบางอย่างซึ่งท่าทางมีลวดลายที่สวยงามแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวว
ชณะที่ฟางฉีปิดกั้นและป้องกันผู้ชมได้เห็นบางอย่างกำลังเกิดขึ้น เวอร์จิลโบกมือของเขาตามยามาโตะในมือของเขาบินออกมาทันทีราวกับลำแสงสีฟ้า
“เทคนิคการควบคุมดาบ”
“ไม่! เราควรเรียกมันว่า “เทคนิคการควบคุมดาบโค้ง”
“ชายคนนี้เจ๋งมาก!”