ตามกฏของการแข่งขันการแต่งตัวแบบตัวละครในเกมนั้นผู้ชนะไม่เพียงแต่จะแข่งเรื่องเสียงโหวตเท่านั้น แต่ตัวละครที่แต่งนั้นจะได้คะแนนพิเศษสำหรับความยากในการแต่งตัว
ฟางฉีได้เขียนรายละเอียดและกติกาบนกระดานดำเล็ก
“ข้าวางแผนไว้แล้ว สำหรับรายละเอียดเฉพาะ ..” เซียวหยูโบกพัดในมือและพูดด้วยความภูมิใจ “ข้าขอเก็บเป็นความลับก่อนได้ไหม”
“อืม! ดูเหมือนเจ้าจะมีความมั่นใจเหลือเกินนะ”
“กงซีจ่าวขอแสดงความยินดีด้วย!” มูตงไลจับมอเขา “เป็นเวลานานมากแล้วครั้งสุดท้ายที่เจอเจ้าตอนนี้ ตอนนี้เจ้าได้เป็นคนดูแลที่นี่! วันนี้ข้าอยากเล่นคิงออฟไฟเตอร์ เจ้าเล่นด้วยกันมั้ย?”
ใบหน้าของเซียวหยูกระตุก “ไว้คราวหน้าดีกว่า ..”
…
“นั่นไงหยู! ข้าได้ยินมาว่านิยาย Diablo ที่เขียนโดยเฉินชิงชิงได้รับการตรวจสอบและเผยแพร่โดยเจ้าใช่มั้ย?” เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้มาก “ข้าอ่านงานของเจ้าแล้วรู้สึกทึ่ง! ข้าสงสัยว่าพวกเจ้ามีแผนที่จะตีพิมพ์นิยายเรื่องอื่นๆ หรือไม่!?”
“เอ่อ ..” หยูซีเว่ยกล่าวว่า “ท่านต้องไปถามเจ้านายเราน่ะ!”
ข้างๆ พวกเขาเจียงเสี่ยวหยูตบหน้าผากของเธอคล้ายว่าเธอเพิ่งนึกอะไรได้ “ใช่! นิยาย!”
เธอพูดกับหยูซีเว่ยว่า “พี่หยูข้าต้องการนิยายหลายชุด!”
“ทำไม? เจ้าได้เป็นของขวัญไปแล้วไม่ใช่หรอ?” หยูซีเว่ยถามด้วยความสงสัย
“เจ้านายบอกข้าว่าข้าจะได้เพื่อนใหม่ๆ มากมายที่สำนักสวรรค์ เขาบอกข้าอีกว่าข้าสามารถให้ของขวัญเพื่อนได้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น” เจียงเสี่ยวหยูกอดอกและยืนขึ้น “ถ้าข้าไม่เอาหนังสือให้พวกเขา พวกเขาจะรู้ได้ไง Diablo ของเรามีพลังมากแค่ไหนกัน”
ฟางฉีลูบคางและพูดว่า “ข้ากำลังคิดว่าเดี๋ยวนี้เด็กสมัยนี้เขาทำอะไรกัน”
…
งานเลี้ยงปีใหม่จัดขึ้นวันที่สองหลังจากทั้งสองร้านเปลี่ยนโฉมใหม่
แม้อากาศจะอุ่นขึ้น แต่วันนี้ที่จิวหัวหิมะสุดท้ายในปีนี้กำลังตก
ณ ที่ตั้งทำเลลของเมืองอยู่ทางตอนใต้หิมะจึงไม่ตกหนักเท่าที่เมืองครึ่ง อย่างไรก็ตามความวุ่นวายของเกล็ดหิมะเพิ่มบรรยากาศวันหยุดในร้านให้น่านอนมากขึ้น
สำหรับผู้ฝึกฝนและนักรบส่วนใหญ่พวกเขามีความแข็งแกร่งในการฝึกฝน พวกเขาไม่เคยมีงานฉลองแบบนี้มานานแล้ว แม้แต่วันเกิดของพวกเขาเองก็แทบไม่ได้ฉลองเช่นกัน พวกเขามักใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝนอันหนักหน่วง
อย่างไรก็ตามปีนี้ช่างแตกต่างจากเมื่อก่อน
นอกร้านจิวหัวชายหนุ่มสวมเครื่องแบบสีน้ำตาลทับเสื้อยืดสีขาวเดินออกมาจากสำนักหลิวหยวน ตราดวงอาทิตย์แผดเผาอยู่ด้านหลังบ่งบอกว่ามันคือเครื่องแบบการแต่งตัว
ผู้ที่เดินผ่านไปมาดูประหลาดใจ
“สุดยอด! โลริยากามิ!” ข้างเขาคือเคียวคุนาซานากิที่เอามือล้วงกระเป๋าาชายหนุ่มผมแดงมองเดินผ่านสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาทางเขา แทนที่จะรู้สึกเขินอายเขากลับหัวเราะอย่างไม่สนใจ
“ซง! เรามีพรสวรรค์มากกว่านี้ หากเราไม่ติดสามอันดับแรก เราสามารถไปแข่งใน Diablo ได้อีกข้าคิดว่าเราจะต้องได้สามอันดับแรกแน่นอน!” เคียงคุซานางิและโลริยากามิเดินคู่กัน พวกเขามีทรงผมที่คล้ายกันแตกต่งกันที่สีผมมและการแต่งตัว
จากนั้นเขาซ้อมต่อยโดยคัดลอกเสียงพูดว่า “อั๊ยยะ เห้ย!”
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาทำหน้างุนงงพวกเขาแปลกใจว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงได้อยู่ไปทั่วทุกที่
“เฮ้อ .. มันดูแย่”
“มันเป็นอีกหนึ่งความนิยมของสำนักหลิงหยวนหรือเปล่า?”
พวกเขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งชุดซอมบี้เคยเป็นที่นิยมมในสำนักและนักเรียนพวกนี้เดินไปมาตามถนนราวกับซอมบี้บุกโลก
“เฮ้! เฮ้! หลิน! ซง! ดูนั่นสิ!”
พวกเขาเห็นปีศาจตัวสูงและผอมกำลังเดินเล่นอยู่บนถนน
“เมฟิสโต้!?”
(ผู้แปล : Mephisto เป็นตัวปีศาจในเกม Diablo)
ข้างเมฟิสโต้เป็นผู้หญิงผมสีแดงพร้อมกรงเล็บแหลมและหนาวข้างหลังเธอ
ผู้คนที่เดินสัญจนไปมาล้วนเดินถอยห่างจากพวกเขา
“หืม .. แอนดาเรียล!?”
เมื่อพวกเขามาถึงประตูร้านดวงตาของพวกเขาเบิกตาโพลง
หน้าร้านเวสเกอร์และจิลกำลังคุยกันถึงความเคลื่อนไหว ภายในร้านตอนนี้มีคนจากต่างต่างที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมถ้วยบะหมี่่
“อาจารย์จากตระกูลโอหยาง?” ซงฉิงเฟิงตัวแข็งเมื่อเห็นไมเคิลที่อ้วนกว่าตัวละคร
จากนั้นเขามองเลยไปเห็นเมฟิสโตอีกคนกำลังเดินเข้ามา
ตามมาด้วยบาอัล .. เมฟิสโต้อีกคนเดินตามเข้ามา
เมฟิสโต้ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็ต่าซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเพลิดเพลินกับมันบนโซฟา
“ชิบ!” ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ ตกตะลึงจนแทบตาจะถลน
หิมะอันหนาแน่นกองเต็มท้องถนนด้านนอกร้านที่เมืองครึ่ง แม้แต่ที่จับประตูของร้านยังมีน้ำแข็งค้างติดอยู่ เวลาเช้าตรู่ร้านยังคงเงียบสนิทมีกลุ่มคนไม่น้อยยืนคอยอยู่
ผู้คนด้านนอกมากันเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่งใส่ชุดคลุมสีดำพวกเขาเรียกตัวเองว่าสาวกของราชาผี
“ท่านปีศาจดำทำไมร้านยังไม่เปิดอีก!?” ชายท่าทางดูเป็นนักวิชาการสวมเสื้อคลุมสีเขียวซีดถาม
“ท่านจินเราควรจะตะโกนดูดีหรือไม่ว่าเจ้าของตื่นหรือยัง?” ผู้ฝึกฝนที่สวมชุดคลุมสีดำเป็นสาวกจากกลุ่มราชาผีเอ่ยถาม
เรียกข้าว่า “มังกรเขียว!” นักวิชาการหนุ่มเอ่ย
ปีศาจดำกล่าวเสียงขรึมว่า “เรียกข้าว่าหัวหน้ากลุ่มราชาผี!”
ทันทีที่พวกเขาพูดร่างสีเขียวก็พุ่งขึ้นจากท้องฟ้าพร้อมตะโกนด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ราชาผีอยู่ที่ไหน!?”
“ฟู่ว!” เมื่อผู้เล่นใหม่เห็นปีศาจดำพวกเขาแทบจะกระอัก ทันใดนั้นเขาเอาผ้าสีดำพันรอบตัวเองทันที “ไม่มีราชาอะไรทั้งนั้น! ข้าเป็นผี”
ด้วยผมสีดำยาวพลิ้วไปตามสายลมชุดสีเขียวกระพือท่ามกลางหิมะ ใบหน้าของเธอดูสูงสง่าแต่เต็มไปด้วยความเย็นชา
คนอื่นๆ คิดว่าไป่เหยานั้นฟื้นขึ้นมาซะแล้ว
(ผู้แปล : ราชาผีคือพ่อของไป่เหยาในเรื่องกระบี่เทพพิชิตมาร)
“หนิง .. หนิงไป่”
“เรียกข้าว่าไป่เหยา!”
“…”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ร่างสีขาวร่อนลงจากท้องฟ้า เสื้อคลุมสีขาวผมสีขาวคิ้วยาวคล้ายราชาผู้กลับชาติมาเกิดถูกส่งมาโดยปีศาจ
คลื่นแสงดาบพราวแวบผ่านกลางท้องฟ้า
ปรมาจารย์แห่งดวงจันทร์, หลิวซีฉี, พี่สาวอาวุโสเวิ่นหมิน, หวันเจียนยี่และคนอื่นๆ ค่อยๆ ลงมาทีละคน
ตวนยื่อเดินผ่านไป “อาจารย์ซีชิ! ยินดีที่ได้พบท่าน!”
“ข้าคือราชินีแห่งดวงจันทร์ เจ้าเห็นข้าเป็นใครกัน!?”
“…” ตวนยื่อ
ขณะเดียวกันฟางฉีที่อยู่ในชุดผ้าฝ่ายดิบเดินลงมาพร้อมกับเอ้อหูในอ้อมแขน
เขามองไปรอบๆ และพบกับความแตกต่างในร้าน พวกเขาต่างเป็นปีศาจกันดูแปลกหูแปลกตา
ฟางฉีขมวดคิ้ว “คนดูแลร้านข้าหายไปไหน ทำไมวันแรกแบบนี้เขาถึงมาสาย!?”