ขอแสดงความิยนดีกับผู้เข้าแข่งขัน หลูซือฉีที่ได้รับรางวัลแชมป์การแข่งขันคิงออฟไฟเตอร์!
“สุดยอด!”
“เธอพลิกจากหน้าเป็นหลังด้วยกลยุทธ์และตัวละครที่ไม่ธรรมดา!”
“เธอสามารถพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันได้”
เสียงผู้ชมต่างเชียและมองไปยังทั้งสองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
ตงชิงลี่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นถามด้วยความงงใจว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“นั่นสิ เกิดอะไรขึ้น!?” องค์หญิงผู้สวมชุดเกราะเบามัดผมหางม้าแต่งตัวเป็นชาวป่าอเมซอนจาก Diablo ที่หลายคนมองข้ามไป
“ใครพูดอะไร!?” สาวๆ ทุกคนหันหน้าไปมองฟางฉี, มูตงไลและเซียวหยู
“ข้าไม่ได้พูด” ยูจิปิดปากตัวเอง “ข้ามักจะระมัดระวังเพราะไม่รู้ว่าผลลัพท์จะออกมาเช่นไร”
สายตารวมอยู่ที่มูตงไหล
“หึ ..” ใบหน้าขององค์หญิงกระตุก
“ข้าได้ยินมาว่าผู้คนในหอดวงดาวของเขานั้นสามารถทำนายชะตากรรมของประเทศเราได้ด้วยข้อมูลที่อ้างอิงในนเอกสารม้วนโบราณที่จักรพรรดิองค์ก่อนทิ้งไว้” องค์ชายสองแต่งตัวเป็ยพาลาดินในชุดเกาะสีเงินกล่าว “ผู้คนจากหอสังเกตการณ์ไม่เคยออกจากหอ พวกเขาไม่เคยเดินทางไปทั่วโลกมาก่อน”
“เจ้าหมายถึง ..” องค์หญิงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
“จากนั้นสัญญาณก็ปรากฏขึ้นจากหอคอยดวงดาว ยิ่งกว่านั้นผู้ที่ฉลาดหลักแหลมที่สุดก็ค่อยๆ เริ่มออกมาเพื่อท่องโลกมนุษย์”
“เดี๋ยวนะนั่นไม่ใช่แค่ข่าวลือหรอกหรือ?” องค์หญิงกระซิบ
“มีการเล่ากล่าวกันมาว่าอะไร?”
“ชู่! ระวังด้วย มีการบอกกันว่าประเทศดาจินกำลังจะถูกทำลาย ..” องค์ชายสองมองไปรอบๆ พบว่าตาจินที่รุ่งเรืองกลับเงียบสงบในทันตา
“ชายที่รู้เรื่องราวนี้คือ ..”
“เขาคือ ..” องค์หญิงมองไปที่มูตงไหลที่กำลังนั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา “นั่นเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น แต่ที่รู้ๆ คือร้านนี้ดีมาก”
องค์ชายสองกล่าวว่า “หลังจากที่มีคนพูดแบบเขา จู่ๆ ร้านก็ถูกคว่ำบาตรโดยคนเกือบทั้งเมือง”
องค์หญิงกล่าวว่า “ทุกคนรู้ดีว่าการมีส่วนร่วมของท่านมูที่มีต่อประเทศเรา เช่นเขาเดินทางมาจากเซิงจิ้งเพื่อดูการทดสอบระดับชาติ”
“.. แต่แล้วต้องถูกยกเลิก”
“อะแฮ่ม!”
มูตงไลกระแอมและหัวเราะเบาๆ “ช่างน่าประหลาดใจ เธอเข้าใจแบบนั้นหรือ? การต่อสู้นั้นไม่สามารถคาดเดาได้ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าเองนั้นคำนวณผิดพลาด ไปแลปกใจที่อาจารย์ของข้ามักจะบอกให้ข้ากลับไปยังหอดวงดาวเพื่อเรียนรู้”
เหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดขึ้นบนหน้าของฟางฉี “…”
ขณะนี้ถึงเวลาของพิธีมอบรางวัล
“ต่อไปเจ้าของร้านจะเป็ยผู้มอบรางวัลให้กับผู้ชนะทั้งสามอันดับแรกของเรา”
“เราขอเชิญผู้ชนะสามอันดับแรง เคียวคุซานากิ เพื่อขึ้นมาตรงนี้ด้วยค่ะ” ในร้านจิวหัวขาวน้อยสัมภาษณ์เขาทันทีที่ขึ้นมา “เคียวคุซานากิ ตอนนี้คุณคิดอย่างไรบ้าง?”
ฟางฉีนำกล่องสีี่เหลี่ยมมมสีแดงยาวเกือบครึ่งเกตรออกมา
“เคียงคุตอบว่า “เป็นการต่อยที่นับไม่ถ้วนจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้ตำแหน่งนี้มา”
ความเห็นท่วมท้นหน้าจอ
[ฮ่าๆๆ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย]
[โอ้ยเกมนี้ช่างสนุกเกินไป ต่อยอีกสิ]
[แล้วโอโรชิละไปไหน!?]
“…”
ต่อไปเจ้าของร้านจะมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะอันดับที่สอง ไป่เหยา!
ไป่เหยาจากเมืองครึ่งกล่าวว่า “เนื่องจากพิธีกรขาวน้อยไม่สามารถมาที่นี่ได้ ข้าจึงข้อพูดทั้งหมดด้วยตัวเองในฐานะพิธีกรและเจ้าบ้านที่นี่ อยากบอกว่าทุกคนได้เต็มที่กับมันมาก!”
ข้อความยังคงเด้งขึ้นอย่าดุเดือด
[ช่างน่าแปลกใจ]
[ข้ารู้สึกอึ้ง!]
[การเล่นครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับการเล่นของเจ้าของร้านมาก!]
“สุดท้ายนี้เราขอเชิญแชมป์ผู้เข้าแข่งขัน หลูซือฉีขึ้นมาบนเวลาที!” พิธีกรขาวน้อยได้เดินขึ้นมา “ข้าได้ยินมาว่านี่เป็นครั้งที่สองของเขาที่ได้แชมป์ นอกจากนี้ผู้เข้าแข่งขันของเรา หลูซือฉีของเรายังเป็นอัจฉริยะที่อายุน้อยที่สุดในตาจิน เจ้ามีอะไรอยากบอกกับทุกคนมั้ย?”
“อันที่จริงแล้วข้ารู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน” หลูซือฉีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ตอนที่ข้าฝึกซ้อมข้าไม่ได้ซ้อมเพื่อเอาชนะใครเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าเลือกตัวละครที่ไม่คาดคิดมาลงสนาม”
เธอพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะ!”
“ผู้ชนะ!? เธอทำได้ยังไง”
“ไร้เทียมทาน!”
“…”
ผู้คนประมาเกือบหมื่นคนจากกลุ่มใหญ่และกองกำลังต่างมารวมตัวกันที่ร้านค้าทั้งสองแห่งพวกเขาจ้องมองการแข่งขัน ขณะเดียวกันความเห็นยังคงท่วมท้นหน้าจอแทบจะปิดบังการถ่ายสด
ลูกค้าจากทั้งสองร้านแหกปากและส่งเสียงเชียร์ไปพร้อมกัน
ริมฝีปากของเธอโค้งขึ้นเล็กน้อยหญิงสาวร่างสูงดูเย็นชาเธอยิ้มจางๆ รอยยิ้มของเธอดูมีเสน่ห์ไม่น้อย
ไม่นานกล้องก็หันไปหาพิฑีการทั้งสองพวกเขาประกาศว่า “ต่อไปคือเทศกาลดนตรีของพวกเรา!”
ผู้คนส่งเสียเชียร์อีกครั้งก่อนที่จะเริ่มเงียบเพื่อฟัง
หน้าจอขนาดใหญ่มืดลงทันทีแสงจากสปอตไลท์พุ่งลงกลางเวที สาวงามสวมชุดเดรสยาวสีเีขวยืนอยู่ตรงนั้นราวกับนางแบบ
ภายใต้แสงไฟนีออนหลากสีเหล่าผู้ฝึกฝนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเตรียมพร้อมไปด้วยเครื่องดนตรี
“ไป้เหยา!?”
เมื่อเสียงเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากกีต้า ผู้ฟังหลายคนต่างประหลาดใจ
“!!??”
“ไป่เหยา กำลังเล่นเพลง!?”
พวกเขาทำหน้ามึน
ผู้ฝึกฝนและนักรบทุกคนรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่เห็นไม่แพ้กัน
ไป่เหยาสวมชุดกระโปรงโบราณยาวพร้อมกีต้าในมืออย่างกระฉับกระเฉง
ทุกคนมองหน้ากันตะลึงแล้วตะลึงอีก
จากนั้นเธอก็เริ่มร้องเพลง ..
“นี่มันพลงที่เราได้ยินในคิวโซนนี่ ..”
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เพียงแต่จะเคยได้ยินเท่านั้น แต่ยังร้องได้อีกด้วย ผู้คนเริ่มสงบลงจากบรรยากาศที่ร้อนระอุ เสียงเพลงค่อยๆ กล่อมให้พวกเขาสงบลง โดยที่ไม่ทันรู้ตัวปากก็เอ่ยร้องคล้อยตามเพลงไปแล้ว
หลายคนส่งเสียงร้องตามและบางคนก็ฮัมเพลงตาม ดูเหมือนว่าเสียงเพลงมันนุ่มกัดกินหัวใจพวกเขาให้เคลิ้มตาม ความึนงงและโดหยหาอิสรภาพ .. ภาพที่พวกเขาคิดไว้ภายในหลายร้อยปีดูเหมือนจะหลั่งไหลออกมากลับแปรเปลี่ยนเป็นความหลงใหลแทน
ในไม่ช้าผู้คนก็เริ่มลุกและร้องเพลง
เสียงเชียร์และเสียงอุทานปะปนกันไป บรรยากาศของทั้งสองร้านถึงจุดสุดยอดอย่างที่พวกเขาเองก็ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ช่างน่าประหลาดใจ .. พวกเขาทุกคนดูมีความสุขมาก ..” ฟางฉีเอ่ย