ตอนที่ 434 : ไปสอบกันเถอะ!
“มันเป็นดาบที่พวกท่านต้องพึงระวัง ดาบที่ควบคุมโดยผู้คนจองจะทําร้ายมากกว่าหวังดีเพราะงั้นแล้วยิ่งต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจังหลังจากที่เขานั้นเคผ่านความสัมพันธ์กับตระกูลหนานกงมาก่อน
ฟางฉีหรี่ตามองเขา เขาหยิบกล่องขึ้นมาเพื่อจะจุดสูบแต่เหลือตัวสุดท้าย เขาจึงจําใจเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อไป
เขาขมวดคิ้วกับคําเตือนของถังหยวน เขากําลังลิ้มรสความหมายที่ซ่อนอยู่ในคําพูดและน้ําเสียงของถังหยวน เขาเริ่มเข้าใจถึงการสะสมของพลังงานในกองกําลังหลักบ้างบางอย่างแล้ว
เขามองหน้าถังหยวนและยักไหล่ “ทําไมผู้คนถึงชอบสร้างปัญหา?”
ณ สํานักสวรรค์
ที่นี่ตั้งอยู่ใจกลางภูเขาจิตวิญญาณเต็มไปด้วยพลังงานอันเปี่ยมล้นพลังจากใจกลางแก่นแท้แผ่กระจายไปทั่วนอกจากนี้ที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยหมอกพลัง มันเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน
อันที่จริงการสอบของสํานักสวรรค์ในปีนี้นั้นเกินไปกว่าจุดประสงค์เดิมไปมาก เนื่องจากความไม่ปกติของสถานการณ์ทําให้สาวกทั้งหมดที่อยู่ที่นี่จําเป็นต้องเข้าร่วมการสอบด้วยเช่นกัน
ผู้คนส่วนมากเป็นเหล่าอัจฉริยะ พวกเขาจึงไม่ได้มีปัญหาในการสอบนักแน่นอนว่าแม้ว่าการสอบจะยากแต่สิ่งที่ยากกว่าคือการได้อันดับหนึ่งและจะได้เรียนรู้สุดยอดแห่งคัมภีร์ของสํานักสวร
แน่นอนว่าสําหรับบางคนแล้ว เขาไม่ได้สนใจขอเดียงได้เข้ามาเรียนที่นี่ก็พอ แต่สําหรับบางคนนั้นคือเป้าหมายสูงสุดที่จะเข้ามาเรียนที่นี่
ดวงตาของหนานกงชูดูเย็นตา “มีคนบอกว่าหญิงสาวในตระกูลหลี่มีการพัฒนาความแข็งแกร่งจากการฝึกฝนและได้รับการช่วยเหลือจากความลึกลับ”
“ใช่!” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดผ้าคลุมไหมสีดําตอบรับ “นอกจากนี้มีคนบอกอีกว่าเธอได้เรียนรู้เทคนิคดาบมหัศจรรย์และมีคนพบเห็นเธอฝึกซ้อมบินด้วยความเร็วสูงแถวๆ จตุรัสทะเลหมอก”
“เร็ว?” หนานกงชูวหัวเราะเยาะ “เธอเนี่ยนะจะเร็วสักแค่ไหน เท่าดาบของข้าหรือเปล่า”
“แล้วเด็กนั่นกับเธอละ?” หนานกงชูวถาม “เจ้ารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับตระกูลเจียงและภูมิหลังของพวกเขาหรือไม่?”
“ภูมิหลังของเขาไม่ชัดเจนและแน่ชัดนัก” ชายอีกคนกล่าว “ข้ารู้แค่ว่าเขาสนิทสน มกับองค์หญิงตัวน้อยของตระกูลเจียงเป็นอย่างมากนอกจากนี้เขายังมีร้านค้าอยู่ในเมืองประวัติส่วนตัวของเขาเราไม่ทราบ”
“เขากําลังบดบังหรือกําลังแสดงให้รู้กันแน่?” หนานกงชูกล่าว “เจ้าไปได้”
“ทราบ”
หลังจากที่ชายคนนั้นเดินออกไปร่างที่คล้ายผีสองตนก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของหนานกงพวกเขาปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ร่างทั้งสองอยู่ในชุดคลุมสีดํา เขาทั้งสองคุกเข่าลงกับพื้น
“ลงมือหลังจากเขาออกนอกเมือง” เมื่อจบประโยคคําสั่ง ร่างทั้งสองก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วแสง
แววตาของหนานกงชูวนั้นเย็นชาลึกลงไปในหัวใจเต็มไปด้วยไฟ “อีกไม่นานเราจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นใคร”
ขณะเดียวกันซุนหยวนผู้ซึ่งฝึกฝนอยู่ในห้องของเขา ก็ลืมตาขึ้น เขาพบว่าท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่างนั่นมืดมนมากเวลานี้
เปรี้ยง! สายฟ้าฟาดลงมา แสงของมันสว่างวาบตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องก้องกังวาน
“ใครมันบีบบังคับให้ตระกูลหนานกงต้องใช้พลังดาบ?”
ดอกไม้บานหอมลอยเชยที่หน้าต่าง นกสีเหลืองหลายตัวที่กําลังยืนพักผ่อนอยู่ชายคาบ้านกําลังร้องด้วยความปั่นป่วน ชายหนุ่มในชุดขาวยืนอยู่ตรงกลางทางเดินของลานบ้านแลมองท้องฟ้าที่มืดมน มือของเขากําลังถือกระดาษม้วนที่เขียนด้วยลายมือโบราณมีภาษาอันซับซ้อน“อืม .. แม้แต่สิ่งเล็กๆ ยังเปลี่ยนแปลงไปได้”
ท้องฟ้าที่กําลังแปรปรวนปรากฏรูปร่างของสัตว์มากมายราวกับแกะสลัก ปีกขนาดใหญ่ยักษ์ของชายหนุ่มชุดดํากางออก “ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน”
นิ้ว! เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วดังลําแสง
แสงแห่งพลังจิตวิญญาณพุ่งทยานขึ้นจากเมืองหยวนหยาวราวกับหิงห้อยบินว่อนบนท้องฟ้ากลางความมืดมน พวกเขาใช้เทคนิคอันทรงพลังประจําตัวยิงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยรูปแบบของลําแสง!
“หัวหน้า พวกเรากําลังจะออกเดินทาง เจียงเสี่ยวหยูโบกมือขณะที่ยืนอยู่กลางสี่เหลี่ยมจตุรัสทะเลหมอก
“ไปสํานักสวรรค์กันเถอะ! ศิษย์พี่หลั่นเหลียว!”
ลําแสงจากดาบส่องประกายยาวด้วยความงดงามจากการออกตัวของเธอทั้งสอง
“อย่าใจร้อนศิษย์พี่จ้องเราจะต้องเป็นแชมป์ในการสอบครั้งนี้แน่นอน!” เสียงพึมพําในฝูงชน
“หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระ” ในฝูงชนหญิงคนหนึ่งในชุดคลุมของลัทธิเต๋สีขาวบริสุทธิ์พร้อมด้วยนกกระเรียงสองตัวปักอยู่ที่ชายเสื้อเอ่ย เธอเลิกหมวกขึ้นไปด้านหลังเบาๆ และเหลือบมองต้นเสียง จากนั้นเธอก็บินขึ้นไปบนสายลมด้วยท่าทางสง่างาม
นี่เป็นครั้งแรกที่อัจฉริยะและเหล่าปรมาจารย์รุ่นเยาว์ทั้งหมดมารวมตัวกันอย่างใกล้ชิด
แม้ว่าเจียงเสี่ยวหยูจะบินได้ชํานาญกว่าแต่เธอเองยังรู้สึกประหม่าเนื่องจากในเวลานี้เธอจําเป็นต้องไปยังการสอบ “ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างในร้านหัวหน้านั้นเจ๋งมาก!”
“เจ้าอ่านหนังสือสวรรค์มากี่เล่มแล้ว”
“เอ่อ แค่สามเล่มเท่านั้น แต่ขาก็ยังไม่ได้เข้าใจมันเท่าไรนัก”
“ไม่ต้องห่วง!” เจียงเสี่ยวหยูโพล่งขึ้นพลางตบหน้าอกของเธอ “เชื่อมือข้า!”
แม้ว่าเธออยู่ในร้านเธอจะเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งพร้อมด้วยหัวหน้าอันเก่งกาจก็ตาม แต่เธอเองก็มีมุมลับๆ ที่ยังไม่เคยมีโอกาสได้แสดงความสามารถให้ใครได้เห็น
เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้แสดงมันออกนี่มันเป็นโอกาสของเธอแล้วที่จะแสดงความสามารถให้คนอื่นได้เห็น ตื่นเต้นจนแทบทนไม่ไหว เธอกระโดดโลดเต้น!
“อ่า ฟังข้านะ เมื่ออยู่ในการสอบข้าสัญญาว่าข้าจะพาพวกเราไปสู่ชัยชนะ! ข้าได้อ่านห นังสือสวรรค์และฝึกฝนเทคนิคควบคุมดาบมาหลายปีแล้ว แม้ว่าข้าจะยังอ่านมันไม่จบทั้งหมดแต่ข้าก ”
ดวงตาของหลี่หลันเหลี่ยวเบิกกว้าง “ ”
สมองของเธอว่างเปล่า
เธอเพิ่งค้นพบว่าฟางฉีมีพลังวิเศษอย่างไรก็ตามหนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล
ภูเขาใจกลางแก่นพลังด้านนอกนั้นเต็มไปด้วยสัตว์อสูนเกือบทุกชนิดทั้งหายากและรวมไปถึงระดับตํานานวันดีคืนดีอาจจะไม่เจอระดับตํานสนเข้าได้ นอกจากนี้ยังเป็นต้นกําเนิดของภูเขาจิตวิญญาณซึ่งเป็นพื้นที่อันตรายสําหรับคนธรรมดาที่จะเดินทางผ่านไปได้
ในขณะเดียวกันภูเขาเหล่านี้เต็มไปด้วยดอกไม้และสมุนไพรจิตวิญญาณทุกชนิด แม้แต่สมบัติที่หายากก็รวมอยู่ที่นี่
กฎสําหรับการสอบของสํานักสวรรค์ในปีนี้คือ การเดินทางผ่านพืเนที่ขนาดใหญ่ของภูเขาจิตวิญญษณเพื่อเดินทางไปยังประตูภูเขาของสํานักสวรรค์
แน่นอนว่านี่เป็นข้อกําหนดพื้นฐานสําหรับการสอบผ่าน ใช่ว่าผู้สอบทุกคนจะไปถึงยังประตูนั้นด้วยความง่ายดาย พวกเขาต้องตามหาสมบัติทางธรรมาชติมากที่สุดเท่าที่จะหาได้ในพื้นที่ภูเขาคนที่ได้รับสมบัติมากที่สุดจะจัดให้อยู่ในรายการที่สูงกว่า
การล่าสมบัติถือเป็นประสบการณ์ที่ควรค่าและจําเป็นถือเป็นพิธีการฝึกฝนร่วมกันสําหรับผู้ฝึกฝนและนักรบทุกคน เมื่อใดก็ตามที่มีวัตถุลึกลับออกมา มันจะดึงดูดผู้ฝึกฝนคนอื่นๆให้เกิดการสํารวจนี่คือเหลี่ยมของสํานักสวรรค์เพื่อให้ทุกคนร่วมสํารวจพื้นที่
แน่นอนว่าอันตรายเกิดขึ้นได้รอบด้านทั้งจากภูเขาเองและรวมไปถึงผู้เข้าร่วมคนอื่นอีกด้วย