โรงแรมในเมืองวิคกิดอร์
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เวลากลางคืน แต่ทั้งห้องกลับมืดสนิท ผ้าสีดำหนาถูกแขวนไว้เหนือหน้าต่างเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดอ่อน ๆ ในฤดูหนาวลอดเข้ามาในห้อง
หากมองดี ๆ จะยังเห็นร่าง 2-3 ร่างนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้อง พวกเขาต่างสวมเสื้อคลุมสีดำบาง ๆ แต่กลับนั่งนิ่งแข็งทื่อไม่และกระดุกกระดิก ทำให้มีบรรยากาศแปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ลอยอยู่รอบห้อง
ถ้ามีคนเดินหลงเข้ามาในห้องตอนนี้ พวกเขาอาจจะช็อกตายได้เพราะคนเหล่านี้ดูเหมือนศพมาก
และมันก็เป็นเรื่องจริงที่พวกเขาดูเหมือนศพ พวกลัทธิกระดูกเน่าที่มีอันดับที่สูงกว่าคาร์โล จะได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพรของเทพเจ้าชั่วร้ายที่พวกเขาเคารพศรัทธา
แม้ว่าพวกเขาจะยังคงรักษาจิตใจของมนุษย์เอาไว้ได้ แต่ร่างกายของพวกเขาก็เหี่ยวแห้งและแข็งเหมือนท่อนไม้ แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อมองจากสภาพภายนอกพวกเขาก็ไม่อาจถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป พวกเขาเหมือนครึ่งมนุษย์ครึ่งซอมบี้มากกว่า
ไม่รู้ว่าความเงียบเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว สาวกคนหนึ่งถึงได้ทำลายความเงียบลงขณะที่เขาหันไปหาคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“โอ้ นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดท่านจึงมายังวิคกิดอร์…”
“พรศักดิ์สิทธิ์ในร่างของคาร์โลกลับมาหาข้า” คนที่ถูกเรียกว่า ‘นายท่านผู้ยิ่งใหญ่‘ ตอบเสียงแหบแห้ง “เขาตายแล้ว”
“อะไรกัน?!” ผู้ที่อยู่ข้างเตียงแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
“ทักษะดาบของเขาเก่งกาจอยู่แล้วก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับเรา มนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่มีวันเอาชนะเขาได้หลังจากที่เขาได้รับพร” ร่างอวบทางขวามือของ ‘นายท่านผู้ยิ่งใหญ่’ กล่าวว่า “อาจจะเป็นมุขนายกของศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวหรือไม่ที่ฆ่าเขา? ถ้าไม่ใช่พวกมันแล้วใครจะทำ เอ๊ะ แต่ไม่มีโบสถ์ของศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวอยู่ใกล้ ๆ…”
“ไม่ แมลงวันซากศพที่ข้าปลูกไว้ในร่างกายของเขา บอกกับข้าว่ามันคือเจ้าหญิง” นายท่านผู้ยิ่งใหญ่กล่าว
ห้องที่เงียบสงัดได้มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น คนอื่น ๆ คิดว่าข้อมูลนี้ช่างฟังดูเหลือเชื่อ
ในฐานะหัวหน้าราชองครักษ์ของอาณาจักรเทียร์ร่า คาร์โลถือได้ว่ามีทักษะการต่อสู้เหนือมนุษย์ การจะเอาชนะเขาได้ คน ๆ นั้นจะต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ท่วมท้นกว่าหรือจะต้องมีพลังเหนือธรรมชาติ แต่หลังจากที่คาร์โลได้รับพรจากเทพเจ้ากระดูกเน่า แม้ว่าการเคลื่อนไหวของเขาจะทื่อกว่าเดิมเล็กน้อย แต่หลังจากขจัดปัญหาเรื่องพลังป้องกันและความแข็งแกร่งทางกายภาพที่จำกัดของร่างกายมนุษย์ไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก การจะเรียกเขาว่าเครื่องจักรสังหารนั้นไม่ได้ถือว่าเกินไปเลย
พอลองเปรียบเทียบเจ้าหญิงที่ศรัทธาในเทพเจ้าแห่งเกมที่ไม่มีอยู่จริงแล้ว เมื่อไม่มีศรัทธา เธอก็เป็นเพียงนักดาบธรรมดาที่มีฝีมือเล็กน้อย ยังไงเธอก็ไม่มีทางเอาชนะคาร์โลได้!
“เงียบ!” ชายที่ถูกเรียกว่า ‘นายท่านผู้ยิ่งใหญ่’ ตะคอกด้วยเสียงอันแหบแห้ง แม้ว่าเสียงเขาจะไม่ดัง แต่คนอื่นก็หยุดกระซิบกันทันที ห้องทั้งห้องจมลงสู่ความเงียบอีกครั้ง
กระดูกเน่าไม่ใช่ลัทธิที่ดีงามที่สมาชิกทุกคนมีความสามัคคีและความเท่าเทียมกัน ‘เฉพาะผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด‘ นี่คือหลักคำสอนของลัทธิ หากไม่ใช่เพราะคำสั่งห้ามของเทพเจ้าชั่วร้ายที่พวกเขาศรัทธา พวกเขาอาจจะฆ่ากันเองเพราะพรของกระดูกเน่าบนร่างกายของพวกเขาไปแล้ว และตอนนี้ ‘นายท่านผู้ยิ่งใหญ่’ ก็เป็นหนึ่งในสามมุขนายกผู้ชั่วร้ายของลัทธิกระดูกเน่า คำพูดของเขามีน้ำหนักมาก ผู้ศรัทธาทั่วไปจะไม่กล้าขัดขืนเขา
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทุกคนอาจทำใจเชื่อเรื่องนี้ได้ยาก แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงมาที่วิคกิดอร์”
ในขณะที่เขาพูด ‘นายท่านผู้ยิ่งใหญ่’ ก็หยิบชามเงินและขวดแก้วขนาดเท่าฝ่ามือออกมา
เขาเปิดขวดอย่างเชื่องช้าและเทของเหลวสีเงินลงในชาม จากนั้นเขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะใช้เล็บอันแหลมคมกรีดเนื้อแข็ง ๆ ของเขาและหยดเลือดสีดำลงในชาม
ครู่ต่อมา ของเหลวสีเงินในชามก็เริ่มปั่นป่วน จากนั้นกะโหลกศีรษะที่ดูแปลกประหลาดก็ได้ลอยขึ้นมาเหนือชาม
เมื่อกะโหลกปรากฏขึ้น ผู้ศรัทธาในลัทธิกระดูกเน่าทั้งหมดที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็นอนราบลงไปกับพื้น ราวกับว่ามีน้ำหนัก 10,000 ตันกดหน้าผากพวกเขาติดแน่นกับพื้นด้วยความกลัว
ถึงจะไม่มีอะไรที่คล้ายกับเส้นเสียง แต่กระโหลกก็ยังสามารถพูดได้
มันเป็นเสียงแหลมบาดหูราวกับว่ามีของคม ๆ บางอย่างกำลังข่วนบนกระดานดำ และก๊าซพิษสีดำที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้ายลอยก็ออกมาจากน้ำในชาม เมื่อมันสัมผัสกับร่างของมนุษย์ มันก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวิญญาณของพวกเขา
เสียงนั้นแม้จะเป็นคนหูหนวกก็ยังสามารถได้ยินเสียงเรียกจากนรกได้ในสมองของพวกเขา เฉพาะผู้ที่มีศรัทธามั่นคงที่สุดเท่านั้นที่จะสามารถทนต่อผลกระทบของมันได้
นั่นเพราะนี่คือเสียงของเทพเจ้าที่ชั่วร้าย
[ข้าได้กลิ่นเทพเจ้าที่ข้าไม่รู้จัก!]
[จับเธอมาและเซ่นสังเวยเธอเป็นเครื่องบูชาให้กับกระดูกเน่าผู้ยิ่งใหญ่!]
[ข้าจะกลืนกินอำนาจของเทพเจ้าที่เธอศรัทธา!]
“ตามที่ท่านต้องการ เทพเจ้าของข้า”
มีเพียงมุขนายกผู้ชั่วร้ายของลัทธิกระดูกเน่าเท่านั้นที่ยังมีสติต่อหน้าเทพเจ้า เขาไม่ได้นอนแผ่บนพื้นและตัวสั่นเทาดั่งเช่นสาวกคนอื่น ๆ เขาสามารถโต้ตอบกับเทพเจ้าที่เขาเคารพได้
กะโหลกที่สร้างขึ้นจากของเหลวสีเงินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะหายไป มันได้กลับไปสู่สภาพของเหลวและร่วงลงไปในชามอีกครั้ง
ในตอนนั้นเอง คนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้
“เช่นเดียวกับที่เทพเจ้าของเรา ท่านกระดูกเน่าได้กล่าวไว้ จงเร่งค้นหาเจ้าหญิงและเซ่นสังเวยเธอให้กับเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเรา! เทพเจ้ากระดูกเน่าจะกลืนกินเทพเจ้าองค์อื่นเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่! เมื่อวันนั้นมาถึง เราก็จะไม่ต้องหลบซ่อนอยู่ในเงามืดอีกต่อไป และเราจะสามารถโต้กลับเหล่าศาสนจักรที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ชอบธรรมเหล่านั้นได้!” บิชอปผู้ชั่วร้ายยกชามเงินขึ้นเหนือหัว นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าอันเหี่ยวแห้งของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหลงใหลอย่างบ้าคลั่ง “กระดูกเน่าจะเดินบนพื้นดิน!”
“กระดูกเน่าจะเดินบนพื้นดิน!”
☆
“วิลฟ์ เจ้าลองคิดดูใหม่ไม่ได้หรือ”
หัวหน้าสาขาของสมาคมหอการค้ากระดิ่งลมสีเงินในวิคกิดอร์ พยายามเกลี้ยกล่อมหัวหน้าคาราวานพ่อค้าด้วยความอดทน “ในปีนี้เจ้าไม่สามารถหาสมาคมหอการค้าไหนที่ดีเท่ากระดิ่งลมสีเงินได้แล้วนะ หากเจ้าออกไปตอนนี้ ความสำเร็จที่เจ้าสะสมมาก่อนหน้านี้ก็จะหายไปโดยเปล่าประโยชน์!”
“ไม่เป็นไร ข้าได้เตรียมใจไว้แล้ว” มาร์นี่•วิลฟ์ตอบโดยไม่ลังเล
“เอาล่ะ ถ้าเจ้าตั้งใจไว้แล้วก็ช่างมันเถอะ…” หัวหน้าสาขาถอนหายใจ ก่อนที่จะประทับตราในใบลาออกของมาร์นี่ และปิดผนึกซองจดหมายด้วยครั่งสีแดงเพลิงเพื่อส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ “แต่ บอกได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงยืนกรานที่จะออก หรือเจ้าได้ค้นพบเส้นทางสายใหม่”
“ฮ่า ๆ ไม่มีอะไร ข้าแค่เลิกศรัทธาในเทพีแห่งความรุ่งเรือง” มาร์นี่เปลี่ยนหัวข้ออย่างราบรื่น “ช่างเรื่องนี้เถอะ ว่าแต่ ไม่มีผู้ลี้ภัยแถววิคกิดอร์เลยหรือ”
——————————————————————————