ตอนที่ 123 ดาบแห่งจักรพรรดิสายลม
หลินเซวียนมองดูร่างตรงหน้าที่เหมือนกับเขา มุมปากของเขากระตุกก่อนจะคิด “มันคืออะไรอีก? ภาพลวงตา?”
“ไม่ ข้าคือเจ้า คือตัวตนจริง ๆ !” ร่างตรงหน้ากล่าว
“จริงหรือ?” หลินเซวียนโน้มตัวไปตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะพุ่งออกไป ดาบรอบตัวเขาเปล่งแสงขึ้นมันคือดาบที่แข็งแกร่งและรวดเร็วขณะพุ่งไปยังร่างตรงหน้า
ตู้ม!
ในอีกด้านหนึ่ง ร่างตรงหน้าเขาได้พ่นลมหายใจออกมาราวกับจะตัดทุกอย่างได้
“เจตนารมณ์แห่งดาบ!” หลินเขวียนผงะ เขาไม่คาดคิดว่าฝั่งตรงข้ามจะมีสิ่งนี้เช่นกัน
“มันแข็งแกร่งมาก ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าของเราอีก!” หลินเซวียนกล่าวเบา ๆ “มันคือเจตนารมณ์แห่งดาบของจริงหรือเปล่า?”
เจตนารมณ์แห่งดาบของเขาอยู่ระดับครึ่งก้าวก่อนจะเข้าสู่ระดับที่แท้จริง แต่ดูเหมือนคู่ต่อสู้ตรงหน้าจะบรรลุไปยังระดับที่แท้จริงแล้ว
ร่างตรงหน้ายิ้มก่อนจะยกมือขึ้น จากนั้นได้สะบัดลงมา เงาดาบเหมือนกับของหลินเซวียได้ปรากฏขึ้นและตัดผ่านทุกอย่าง
ตู้ม!
เงาดาบทั้งสองปะทะกันราวกับภูเขาไฟระเบิด คลื่นอากาศได้หมุนตัวรวมกันและกระแทกไปทางหลินเซวียน
“ก้าวอัสนี้!”
หลินเซวียนยังคงสู้ต่อ เวลานี้เขาได้โคจรูปราณดาบของตนเพื่อปะทะกับปราณดาบคู่ต่อสู้
เขาลอยกระเด็นออกไปขณะใช้นัยน์ตาสีม่วงตรวจสอบตรงหน้า
ร่างเสมือนของเขายืนนิ่งขณะเผยเงาดาบที่น่าสะพรึง
“รับมือ!” หลินเซวียนไม่ลังเลอีกขณะพุ่งออกไปพร้อมดาบในมือ เขามีทั้งปลอกแขนทองแดงและยันต์อาคม มันจึงไม่ยากที่จะสังหารร่างเสมือนตรงหน้า
แต่เขาก็ไม่ทํา เพราะเขารู้สึกคลุมเครือว่าร่างนี้ต้องถูกจัดการด้วยกําลังของเขาเอง หรือถึงจะสังหารได้ด้วยของอย่างอื่น เขาก็อาจจะติดอยู่ที่นี่และออกไปไม่ได้ตลอดชีวิต
หลินเซวียนกลายเป็นประกายแสงสีทองพุ่งไปหาร่างเสมือน เขาแทงดาบเพลิงโลหิตออกไปราวกับสายฟ้า
ร่างเสมือนก็ใช้ดาบสายฟ้าโต้กลับมาเช่นกัน กระบวนท่าของเขาไม่ต่างจากหลินเซวียนแต่มันแค่แข็งแกร่งกว่า
“ดาบวายุสามวิถี!”
หลินเซวียนขยับร่างพร้อมดาบในมือ มันส่งลมพายุออกไป ร่างตรงหน้าได้พุ่งเข้าไปสู้กับลมพายุทันที
ติ้ง ติ้ง ติ้ง!
ดาบยาวตัดกันไปมาเกิดเป็นประกายแสงในอากาศ
หลังจากปะทะกันสามครั้ง หลินเซวียนได้ถอยออกมา
เขาพบว่าร่างเสมือนนี้ไม่ต่างอะไรจากตัวเขาเอง ทั้งทักษะ กระบวนท่า และวิชาดาบ
” ทํายังไงดีนะ?” เขาพยายามครุ่นคิดขณะที่ร่างตรงหน้าได้โจมตีเข้ามาอีก
หลินเซวียนเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง พวกเขาผลัดเปลี่ยนกระบวนท่ากันไปมา จนตอนนี้ผ่านไปกว่าร้อยกระบวนท่าแล้ว
“ไม่!” หลินเซวียนหลบปราณดาบของศัตรูพร้อมเผยแววตาแน่วแน่
“หากเขาแข็งแกร่งกว่าเราจริง เช่นนั้นเราคงตายไปนานแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้พวกเราทําอะไรกันไม่ได้!” ดวงตาหลินเซวียนเปล่งประกาย “เราโจมตีภาพลวง
ในร่างของเขา เซียนสุรากําลังจดจ่อกับการต่อสู้ เมื่อเห็นหลินเซวียนนึกได้ รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
” หากเจ้าเอาชนะเขาได้ เจ้าจะก้าวหน้าไปอีกมาก” เซียนสุรากล่าวกับตัวเอง
หลินเซวียนไม่ได้ยิน แต่เขาก็คิดเช่นเดียวกัน
“หากเอาชนะเขาได้ เราจะต้องบรรลุเจตนารมณ์แห่งดาบของจริงได้แน่!” หลินเซวียนเห็นความหวัง “แต่เราจะบรรลุมันได้ยังไง?”
เขาเงียบไปอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขายังมีเพียงเจตนารมณ์แห่งดาบครึ่งก้าว
“ร่างมายาตรงหน้าเหมือนจะมีเจตนารมณ์แห่งดาบที่แข็งแกร่งกว่า แต่ก็ไร้ซึ่งพลังวิญญาณบางทีเราอาจจะลองซึมซับสัมผัสจากเขา” เมื่อนึกได้เช่นนี้หลินเซวียนจึงโจมตีอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาใช้นัยน์ตาสีม่วงมองไปด้วยเพื่อให้สัมผัสกับเจตนารมณ์แห่งดาบของศัตรู
ทั้งการคาดเดา ตรวจสอบ และซึมซับ มันทําให้หลินเซวียนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เมล็ดพันธุ์แห่งดาบในตัวหลินเซวียนได้เปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ แสงจากดาบของเขานั้นคมอย่างมากราวกับจะตัดผ่านทุกสิ่ง
หลินเซวียนรู้สึกถึงพลังที่เอ่อล้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่คือเจตนารมณ์แห่งดาบงั้นหรือ?” เขาถือดาบด้วยมือเดียวและชี้ขึ้นไปบนฟ้าอย่างเฉียง ๆ
ทันทีที่ชี้ดาบไป อากาศตรงปลายดาบได้กลายเป็นความว่างเปล่า ว่างเสมือนราวกับถูกมองทะลุปรุโปร่งจนมันไม่สามารถขยับได้อีก
จากนั้นหลังจากเหวี่ยงดาบลง รอยผ่าจากดาบได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดินลึก เขาเงยหน้าขึ้นมองร่างเสมือนที่มีเลือดซึมออกตรงกลางหน้าผาก
“เจ้า… เจ้าฆ่าข้าไม่ได้” ร่างนั้นกล่าวอย่างอ่อนแอ
“ฮ่ม!” หลินเซวียนอุทานขึ้นก่อนจะใช้ดวงตามองตรงเข้าไป
แกรัก!
เสียงทั้งหมดได้หายไป และทุกอย่างก็กลับคืนสู่สภาพเดิม
ขณะเดียวกันร่างคนที่ทําจากไม้ได้ถูกผ่าออกเป็นสองซีกอยู่บนพื้น
การต่อสู้ครั้งนี้ทําให้เขาบรรลุเจตนารมณ์แห่งดาบของจริง มันเป็นการทดสอบที่คุ้มค่าอย่างมากหลินเซวียนรู้สึกดีใจอย่างปกปิดไม่ได้ ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างดีเยี่ยมในครั้งนี้แม้จะเผชิญหน้ากับหลิงคุนอีก เขาก็สามารถสังหารได้โดยตรง
“ไปเถอะ การทดสอบยังไม่สิ้นสุด” เซียนสุราเอ่ยเตือน
หลินเซวียนพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังประตูแสง
ฟูม!
ทันทีที่แสงสีขาวสว่างวาบ ฉากตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นทางเดินหินสีฟ้าที่มีประตูสีแดงชาดอยู่ด้านหน้า และมีทัศนียภาพหลากหลายทั้งสองด้าน
“ข้าจัดการเอง” เซียนสุรากล่าว “ทําตามข้าก็พอ”
จากนั้นหลินเซวียนได้เริ่มเดินต่อโดยผ่านคําชี้นําของเซียนสุรา
ท้ายที่สุดหลินเซวียนก็สามารถผ่านเส้นทางหินสีฟ้าได้และเดินไปยังประตูสีแดง
ด้านในนั้นคือห้องโถงที่มีเสาค้ํายันไว้สี่ด้าน ภายในนั้นมีรูปปั้นอยู่ แม้จะไม่ขยับเขยื้อน มันก็แสดงถึงความกดดันมหาศาลเมื่อมอง
หากเป็นคนธรรมดาเข้ามา เช่นนั้นคงถูกแรงกดดันจากรูปปั้นทําให้หายใจไม่ออกเป็นแน่โชคดีที่หลินเซวียนมีเจตนารมณ์แห่งดาบ มันจึงไม่มีผลกับเขา
มันมีโต๊ะหินอยู่ใต้รูปปั้น ซึ่งมีของอยู่สองสิ่งหนึ่งคือตราหิน อีกอันคือกุญแจขนาดเท่าฝ่ามือ
“ตราหินนั้นน่าจะมีไว้แสดงตัวตน ส่วนกุญแจคงจะมีไว้เปิดสถานที่ที่สําคัญ เก็บพวกมันก่อน”เซียนสุรากล่าวขึ้น
หลินเซวียนไม่เปลืองลมหายใจเก็บของทั้งสองอย่างทันที
“ถึงแม้ข้าจะไม่ทราบนามของผู้อาวุโส แต่การทดสอบนี้ทําให้ข้าได้รับประโยชน์ไม่น้อย” หลินเซวียนกล่าวอย่างสุภาพและคารวะให้รูปปั้น
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
ตุ้ม!
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคารพจากหลินเซวียน รูปปั้นหินได้หายใจออกมาราวกับมีชีวิต
“คนที่สวรรค์ลิขิต…”
เสียงต่ําดังขึ้นสะท้อนในห้องโถงและอากาศรอบ ๆ ก็แข็งตัว
หลินเซวียนรู้สึกราวกับว่าได้ขึ้นไปบนอากาศและโบยบินไปกับสายลม
ในสายตาของเขามีร่างหนึ่งกําลังยืนอยู่ในมิติ
เมื่อร่างนั้นชักดาบออกมาก็มีลมกรรโชกพัด ถึงแม้หลินเซวียนจะไม่เข้าใจ แต่ฉากตรงหน้าก็ทําให้เขารู้สึกสะพรึงอย่างมาก
“ดาบแห่งจักรพรรดิสายลม…” เสียงนั้นได้ดังก้องเข้าหูของเขา