เมื่อได้รับการแจ้งว่าหานซ่งหยวนมาขอเข้าพบ เย่ชิงเฉิงจึงยุติการสนทนาเรื่องเกี่ยวกับหินจันทราศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ก่อนและพูดว่า “สามี ศิษย์พี่ของข้าคงมาเพื่อคุยเรื่องสิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกกับพวกเขาว่าให้พวกเขาตัดสินใจกันเองว่าใครจะได้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับและจงใจให้พวกเขาขัดแย้งกันเอง ตอนนี้ข้าคิดว่าผลลัพธ์คงออกมาแล้ว”
“อืม!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าและส่งสัญญาณให้เปียนเฉียวเฉียว ไปแจ้งหานซ่งหยวนเข้ามาพบได้
เมื่อเห็นหานซ่งหยวนเดินเข้ามา เย่ชิงเฉิงก็ถามล่วงหน้า “ศิษย์พี่หานผลออกมาคือท่านเป็นผู้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ชิงเฉิง ใบหน้าที่แต่เดิมของหานซ่งหยวนนั้นที่ไม่น่าดูอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งน่าเกลียดหนักเข้าไปกว่าเดิม
“ศิษย์น้อง ข้าหวังว่าเจ้าจะให้โอกาสข้า!” หานซ่งหยวนพูดอย่างโกรธ ๆ ว่า “ถ้าศิษย์น้องยินยอม ภายหน้าหากศิษย์น้องมีคำขอข้าจะตอบตกลงเจ้าอย่างแน่นอน”
เย่ชิงเฉิงแสร้งทำหน้าหนักใจขณะที่นางพูด “เฮ้อ ศิษย์พี่ นี่ท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจอยู่นะ ถ้าข้าตกลงกับท่านแล้วศิษย์พี่หยูล่ะ?”
นังเลว! จู่ ๆ เจ้าก็ถือวิสาสะริบสิทธิ์ของพวกข้าทั้งที่มีคำสั่งของสำนักสั่งมาแล้ว แล้วตอนนี้เจ้ากลับมาทำหน้าทำตาลำบากใจเนี่ยนะ!?
หานซ่งหยวนสาปแช่งอยู่ในใจ แล้วพูดกับเย่ชิงเฉิงว่า “ตราบใดที่ศิษย์น้องยอมรับเงื่อนไขของข้า ต่อให้ศิษย์น้องมีคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลข้าก็จะตกลงกับเจ้าแน่นอน”
เย่ชิงเฉิงครุ่นคิดสักครู่แล้วแสร้งทำเป็นพูด “ศิษย์พี่หาน ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์หลักของหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องไว้หน้าท่านอยู่แล้วศิษย์พี่หาน ดังนั้นข้าจะขอพูดกับท่านตรง ๆ เลยก็แล้วกัน ตอนนี้ทางฝั่งข้าเองมีความจำเป็นต้องใช้ของวิเศษอันล้ำค่าอยู่ 2 ชนิดที่มีอยู่ในคลังสำนักของเรานั่นก็คือ หินจันทราศักดิ์สิทธิ์ และ หินแก่นแท้ปฐพี ถ้าศิษย์พี่หานสามารถตกลงในนามครอบครัวของท่านที่จะให้ข้าได้รับของทั้งสองสิ่งนี้ ข้าก็สามารถให้สิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับแก่ท่านได้”
หานซ่งหยวนเงียบพลางคิดในใจ เขาจะตกลงให้ของล้ำค่าเช่นนี้กับผู้อื่นง่าย ๆ ได้ยังไงกัน?
เย่ชิงเฉิงยิ้ม “ศิษย์พี่หานค่อย ๆ ไตร่ตรองดูก็ได้ แต่ข้าคิดไว้ว่าถ้าหากศิษย์พี่หยูเข้ามาคุยกับข้า ข้าเองก็จะแจ้งเงื่อนไขเดียวกันนี้ให้กับเขาเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากท่านไม่ได้รับสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ ท่านก็อย่าตำหนิข้าที่ไม่ให้โอกาสท่าน”
“อันที่จริงแล้วแม้ว่าของทั้งสองนี้จะมีค่า แต่มันก็เป็นสมบัติของสำนัก ในอดีตเมื่อผู้อาวุโสสงได้เสี่ยงชีวิตไปชิงพวกมันมา เขาก็หวังเช่นกันว่าลูกหลานของเขาจะสามารถใช้มันได้และไม่ทิ้งร้างมันไว้ในคลังตลอดไป”
“นอกจากนี้ของทั้งสองสิ่งนี้ จุดประสงค์ที่ข้าจะนำไปใช้นั่นก็คือเพื่อช่วยเหลือพ่อของข้าที่เป็นเจ้าสำนักของท่าน หากแผนการทุกอย่างสำเร็จท่านเองก็จะได้หน้าไปด้วยและต่อให้เรื่องการช่วยเหลือพ่อของข้ามันจะเป็นเรื่องในอนาคตที่ไกลไปหน่อย แต่ท่านลองคิดถึงเรื่องที่ท่านจะได้เข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับที่กำลังจะเปิดขึ้นให้ดี หากศิษย์พี่หานสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับและบังเอิญได้พบสมบัติที่สามารถใช้เพื่อฝ่าขีดจำกัดของตัวท่านเองได้ อนาคตในการบ่มเพาะของท่านจะสดใสได้ขนาดไหน ท่านลองคิดดูก็แล้วกัน”
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ชิงเฉิง หานซ่งหยวนคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ก็ได้! ข้าสามารถเป็นตัวแทนตระกูลของข้าได้ และตกลงตามเงื่อนไขของเจ้า”
“ถ้าเช่นนั้นศิษย์พี่หานโปรดสาบานต่อกฎแห่งสวรรค์!” เย่ชิงเฉิงพูดทันที “และท่านไม่ต้องห่วง ข้าเองก็จะสาบานที่จะมอบสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับให้กับท่านเช่นกัน”
หานซ่งหยวนพยักหน้าและสาบานทันที จากนั้นเมื่อเย่ชิงเฉิงสาบานภายใต้กฎแห่งสวรรค์เสร็จสิ้นในที่สุดเขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขาพึมพำในใจ ไอ้คนแซ่หยู ข้าอุตส่าห์เสนอผลประโยชน์ให้เจ้ามากมาย แต่เจ้ากลับยังต้องการแข่งขันกับข้างั้นเหรอ? มาดูกันว่าคราวนี้เจ้าจะแข่งกับข้ายังไง!
หลังจากตกลงกับเย่ชิงเฉิงเสร็จแล้ว หานซ่งหยวนก็จากไปด้วยใบหน้าเบิกบาน
ในขณะที่เขากำลังเดินกลับ เมื่อเขาเห็นหยูจิ้งเฉิงเองก็กำลังเดินไปที่หมู่ตึกหยูอี่ เขาก็เยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่การแสดงออกภายนอกเขากลับยิ้มให้หยูจิ้งเฉิง และกล่าวทักทายว่า “น้องหยู เจ้าก็มาหาศิษย์น้องด้วยเหรอ?”
หัวใจของหยูจิ้งเฉิงเต้นผิดจังหวะทันทีเมื่อได้เห็นสีหน้าอันเบิกบานของหานซ่งหยวน พลางคิดในใจ ‘นี่สิทธิ์เข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับถูกแย่งชิงไปแล้วงั้นเหรอ?’
หยูจิ้งเฉิงพยักหน้าและพูดว่า “อ๋อ ข้าไม่ได้เห็นศิษย์น้องมา 2-3 วันแล้ว ข้าเลยลองแวะมาดูว่าศิษย์น้องจะถูกใครรังแกรึเปล่าก็แค่นั้น!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ศิษย์น้องได้แต่งงานแล้วกับคนแซ่หลิง ตอนนี้นางคงไม่จำเป็นต้องให้น้องหยูคอยดูแลนางแล้ว ข้าคิดว่าเราควรไปหาที่ร่ำสุรากันจะดีกว่ารึเปล่า?” หานซ่งหยวนพูดไปหัวเราะไป
นี่เป็นการจงใจยั่วหยูจิ้งเฉิงอย่างโจ่งแจ้ง
ยิ่งหานซ่งหยวนหัวเราะอย่างมีความสุขมากเท่าไหร่ หยูจิ้งเฉิงก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น ตอนนี้มันดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองที่เคยดีต่อกันเริ่มน้อยลงไปเรื่อย ๆ และเรื่อย ๆ
“ไว้เราค่อยคุยกันเมื่อข้าเจอศิษย์น้อง!” หยูจิ้งเฉิงส่ายหัวและรีบเดินจากไปขอพบเย่ชิงเฉิงทันทีด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
หลังจากเวลาผ่านไปพักใหญ่ หยูจิ้งเฉิงก็เดินออกจากหมู่ตึกหยูอี่ด้วยรอยยิ้มพลางคิดในใจ ‘ไอ้คนแซ่หาน มาดูกันว่าต่อไปเจ้าจะสามารถลอยหน้าลอยตาต่อหน้าข้าได้อีกรึเปล่า!’
เมื่อครู่เขาและเย่ชิงเฉิงได้สาบานต่อกฎแห่งสวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวว่าเย่ชิงเฉิงจะกลับคำพูดของนาง
ในหมู่ตึกหยูอี่ เย่ชิงเฉิงพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “สามี ในที่สุดหินจันทราศักดิ์สิทธิ์และหินแก่นแท้ปฐพี ก็อยู่ในมือเราแล้ว!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าทำผลงานได้ไม่เลวเลย โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักเราก็ได้สองสิ่งนี้มาอย่างง่าย ๆ”
อันที่จริงแล้วเย่ชิงเฉิงไม่พอใจกับเรื่องนี้เล็กน้อยและรู้สึกหดหู่ในใจ
ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ที่พ่อของนางยังอยู่ นางคงไม่จำเป็นต้องมานั่งวางแผนอะไรแบบนี้ให้มันลำบากลำบน
นางส่ายหัวสลัดอารมณ์ขุ่นมัวออกไป และยิ้มขณะที่นางพูดกับหลิงตู้ฉิง “สามี ท่านยังไม่ได้บอกข้าเลยว่าทำไมข้าถึงต้องการหินจันทราศักดิ์สิทธิ์!”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าตัวเจ้าเองไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ใช้อักขระเวทย์?”
ใบหน้าของเย่ชิงเฉิงเปลี่ยนเป็นขมขื่น ในขณะที่นางพูดว่า “ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของข้าจะไม่ถือว่าข้าเป็นอัจฉริยะในรอบล้านปีที่เกิดขึ้นในสำนัก แต่อย่างน้อยที่สุดข้าก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมคนนึง แต่ถ้าจะพูดถึงเส้นทางการบ่มเพาะในเต๋าของอักขระเวทย์แล้วมันแน่นอนที่สุดว่าข้าไม่สามารถเทียบท่านได้แม้แต่น้อย แถมข้ายังด้อยกว่าศิษย์พี่และศิษย์น้องของข้าบางคนอีกต่างหาก มันน่าเศร้าในวิถีเต๋าอักขระเวทย์ของข้าที่ในตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 10 ข้าก็คงไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วยทักษะอักขระเวทย์ของข้า ข้ารู้สึกหนักใจกับปัญหานี้เช่นกัน มันเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงต้องการเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเพื่อหาสมบัติอะไรสักอย่างมาแก้ปัญหานี้”
“ผิดแล้ว มันเป็นเพราะเจ้าบ่มเพาะมาผิดทางจนเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นต่างหากล่ะ” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างใจเย็น
“หา…” เย่ชิงเฉิงตกตะลึงพลางคิดในใจ ‘แม่ของนางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตราชัน แม่ของนางจะไม่รู้ปัญหานี้ได้ยังไง’
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงความแปลกประหลาดของหลิงตู้ฉิง นางจึงรีบถามว่า “สามี แล้วข้าควรฝึกอะไร?”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ตอนนี้เจ้าควรตั้งใจฝึกฝน วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่ง ไปก่อนจนกว่าเจ้าจะฝึกฝนมันจนสำเร็จ จากนั้นแล้วข้าจะบอกวิธีการบ่มเพาะอื่น ๆ ให้เจ้าอีกที”
“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะฝึกตามพวกเขาให้ทันโดยเร็วที่สุด!” เย่ชิงเฉิงหัวเราะ
เมื่อพูดจบ เย่ชิงเฉิงจึงเข้าไปร่วมกลุ่มของมี่ไลเพื่อฝึกฝน วิชาเจตจำนงแปลงสรรพสิ่งทันที
สำหรับหลิงตู้ฉิง เขาเรียกเสี่ยวเยว่เฟิงให้มาหาและถามว่า “เฟิง ที่อาณาเขตนภานี้มีหอประมูลไหนที่มีชื่อเสียงบ้างรึเปล่า ข้าต้องการหอประมูลดี ๆ สักที่เพื่อวางประมูลสิทธิ์ในการเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ”
เสี่ยวเยว่เฟิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอแนะนำหอการค้าเชื่อมสวรรค์ที่มีหอประมูลที่มีชื่อเสียงเป็นของตัวเองในเมืองหยูหลัน ข้าคิดว่าพวกเขาน่าจะตอบสนองความต้องการของนายท่านได้แน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นจงไปเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหยูหลัน” หลิงตู้ฉิงสั่ง
เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้า หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งนางพูดกับหลิงตู้ฉิง “นายท่าน…เกี่ยวกับเรื่องของสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับ อันที่จริงแล้วท่านไม่จำเป็นต้องให้สิทธิ์ในการเข้ากับน้องสาวของข้าก็ได้ ด้วยระดับการบ่มเพาะของนางที่ไม่สูงพอ ถ้าหากนางได้เข้าไปด้านในมันก็เหมือนกับให้นางไปหาที่ตาย”
เนื่องจากนางเองก็รู้ดีว่าเมื่อครู่ หลิงตู้ฉิงทำกำไรได้จากสิทธิ์การเข้าเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับสองสิทธิ์ไปด้วยราคามหาศาล นางจึงรู้ว่าหนึ่งสิทธิ์นั้นมีค่าเพียงใด ดังนั้นนางจึงพูดล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้หลิงตู้ฉิงมอบสิทธิ์อันล้ำค่านี้ให้น้องสาวของนางโดยเปล่าประโยชน์
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ดวงตาที่จริงใจของเสี่ยวเยว่เฟิงและยิ้ม “ในเมื่อข้าทำข้อตกลงกับนางไปแล้ว หากนางมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของข้า ข้าจะอนุญาตให้นางเข้าไปด้านในแน่นอน แต่มันก็มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าพูดถูกเช่นกัน หากระดับการบ่มเพาะของนางไม่สูงพอการส่งนางเข้าไปก็เหมือนกับส่งนางเข้าไปรนหาที่ตาย ดังนั้นเจ้าควรไปกระตุ้นนาง หากนางยังไม่สามารถทำตามข้อกำหนดได้ และเมื่อทางเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับจะเปิดขึ้น ข้าจะไม่ให้นางเข้าไปแน่นอนเจ้าวางใจได้”
“นายท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะคอยกระตุ้นให้นางฝึกฝนอย่างหนักแน่นอน!” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดอย่างซาบซึ้ง “นายท่าน ทำไมท่านไม่ให้น้องสาวของข้าเป็นภรรยาของท่านอีกคนล่ะ? ไม่อย่างนั้นข้าคิดว่าพวกเราสองคนพี่น้องจะเป็นหนี้ท่านมากเกินไป”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็น!”
เขาพึมพำในใจ ตามคำพูดของถังชี่หยุน สาวน้อยคนนี้แตะต้องไม่ได้!
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธทันที!
Related