ตอนที่ 774: การโจมตีจากเซียนราชา
คารา ลี่เว่ยพุ่งเข้ามาที่การต่อสู้พร้อมกับเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ของตระกูลของนาง ทั้งหมดสวมเกราะพลังเซียนธาตุแสง และมีโล่พลังเซียนธาตุแสงกว้าง 1.5 เมตรที่มือซ้ายของพวกเขา
เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วของเขาและเงยหน้าขึ้นมองไปที่คารา ลี่เว่ยทันที สายตาของเขาเย็นชา แต่หลังจากนั้นไม่นาน ม่านตาของเขาก็หรี่เล็กลง รอยยิ้มแปลก ๆ ผุดขึ้นที่ใบหน้าของเขาและจากการโจมตีอย่างสุดแรงของเขา คนอีกสามคนก็ถูกพาออกไปด้วยพลังจากวัตถุเซียน
“คารา ลี่เว่ยเร็วเข้า โจมตีไปที่หยางยู่เทียนด้วยทุกอย่างที่เจ้ามี ! ทำให้เขาหมดพลังซะ ! ” ซาร์ ทิลอสคำราม เขาสามารถรู้สึกได้ลาง ๆ แล้วว่าพวกเขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกนาน ถ้าคนของเขาถูกกำจัดไปมากกว่านี้เพราะหยางยู่เทียน เขาคงต้องหนีเท่านั้น
คารา ลี่เว่ยยังคงนิ่งเงียบตลอดเวลาที่เดินทางเข้ามา นางบินตรงมาที่ซาร์ ทิลอสและตะโกนออกมา “ฆ่า ! “
สมาชิกทั้งหกด้านหลังคารา ลี่เว่ยและนาง ควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงและยิงออกไปด้วยความเร็วแสง อย่างไรก็ตาม กระบี่เหล่านั้นไม่ได้พุ่งไปทางเจี้ยนเฉิน แต่พุ่งไปที่ตระกูลซาร์และตระกูลทั้งแปดแทน พร้อมทั้งซาร์ ทิลอสยังถูกคารา ลี่เว่ยโจมตีด้วยตนเองอีกด้วย
สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้คนของตระกูลซาร์มีความรู้สึกต่างต่างนานา พวกเขาไม่คิดมาก่อนว่าคนของตระกูลคาราจะต่อต้านพวกเขา แต่มันก็สายเกินไปแล้วสำหรับพวกเขาที่จะทำอะไรเพื่อป้องกัน เมื่อไม่ทันระวังตัว พวกเขาก็ถูกกระแทกด้วยกระบี่จากเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของตระกูลคารา
เสียงระเบิดดังสนั่น 7 เสียง เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 7 คนของตระกูลซาร์บาดเจ็บอย่างหนัก ซาร์ ทิลอสก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย เกราะพลังเซียนธาตุแสงของพวกเขาแตกละเอียด ซึ่งทำให้พวกเขากระเด็นออกไปและกระอักเลือดออกมา
“คารา ลี่เว่ย เจ้ากำลังทำอะไรกัน ? ” หยุนเทียนที่กำลังต่อสู้อยู่กับกวานหยูไค่ตื่นตระหนกอย่างมากและหน้าซีดเผือด เขาร้องออกมาอย่างกังวล คารา ลี่เว่ยเป็นอะไรที่สำคัญมาก การมาถึงของนางนั้นเป็นตัวกำหนดทิศทางของชัยชนะ ถ้านางช่วยหยางยู่เทียน แผนของพวกเขาในครั้งนี้คงล้มเหลวไม่เป็นท่า
“คารา ลี่เว่ย เจ้าพยายามจะทำอะไรกัน?” ซาร์ ทิลอสลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดขาว เลือดไหลเป็นทางออกมาจากมุมปากของเขา ในขณะที่หน้าของเขาซีดไปด้วยความกลัว ความแข็งแกร่งของคารา ลี่เว่ยนั้นเหนือกว่าเขา ดังนั้นการโจมตีที่ไม่คาดคิดจึงทำให้เขาบาดเจ็บอย่างหนัก
คารา ลี่เว่ยไม่สนใจซาร์ ทิลิส นางมองไปที่เจี้ยนเฉินและตะโกนออกมา “หยางยู่เทียน ข้า คารา ลี่เว่ย ในฐานะตัวแทนของตระกูลคาราจะยื่นมือช่วยเจ้าเอง”
“คารา ลี่เว่ย เจ้าไม่รักษาคำพูด เจ้าตกลงที่จะช่วยข้ารับมือกับหยางยู่เทียน” จากที่ไกลออกไป หยุนเทียนคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงของเขาเต็มไปด้วยความจำใจและเดือดดาล
คารา ลี่เว่ยไม่ได้โกรธและหัวเราะอย่างนุ่มนวลแทน “หยุนเทียน เจ้าคงจะสับสนจริง ๆ ข้าแค่ตกลงว่าจะช่วยพวกเจ้าตามหาหยางยู่เทียน ไม่ใช่ช่วยเจ้าจัดการกับเขา”
“คารา ลี่เว่ย เจ้า เจ้า เจ้า ….” หยุนเทียนเดือดดาลอย่างมากและผิดหวังไปด้วยความโกรธจัด แต่เขาก็หาคำพูดโต้กลับไปไม่ได้ ในท้ายที่สุด เขาตะโกนออกมาด้วยโทสะ “คารา ลี่เว่ย ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจในภายหลังนะ ! ” ตาของหยุนเทียนแดงก่ำและไม่ปรารถนาที่จะยอมรับในสถานการณ์ พวกเขากำลังจะประสบความสำเร็จแล้ว แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคารา ลี่เว่ยจะไปอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน ทำให้ชัยชนะที่แต่เดิมเป็นของเขากลายเป็นของเจี้ยนเฉิน
กลุ่มของคารา ลี่เว่ยช่วยลดความกดดันของเจี้ยนเฉินไปได้เยอะมาก เขาป้องมือไปที่คารา ลี่เว่ย “ท่านคารา ลี่เว่ย ข้าจะจดจำบุญคุณของท่านในวันนี้ และจะทดแทนมันอย่างแน่นอน”
คารา ลี่เว่ยยิ้มอย่างมีความสุข “หยางยู่เทียน ข้าเสี่ยงอย่างมากเพื่อที่จะช่วยเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ลืมสิ่งที่ข้าทำเพื่อเจ้าในวันนี้”
เจี้ยนเฉินไม่ได้พูดต่อ เขาถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า และพูดด้วยเสียงที่ทรงพลัง “กระบี่แห่งการพิพากษา!”
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เจี้ยนเฉินร่ายกระบี่แห่งการพิพากษา พลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ เริ่มที่จะมารวมกันอย่างรวดเร็ว และรวมตัวกันเป็นกระบี่ใหญ่เหนือหัวเจี้ยนเฉินในไม่ช้า
“เร็วเข้า หยุดเขาไว้ พวกเจ้าจะให้เขาร่ายมันสำเร็จไม่ได้” ซาร์ ทิลอสอดทนต่ออาการบาดเจ็บของเขาและตะโกนออกมา ก่อนที่จะควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงเพื่อที่จะใช้กับเจี้ยนเฉินอย่างยากลำบาก
“ซาร์ ทิลอส เจ้าคิดว่าข้าไม่มีตัวตนหรือยังไง ? ” ด้วยเสียงแหลมสูงและมือที่สั่น คารา ลี่เว่ยยิงกระบี่พลังเซียนธาตุแสงออกไปเพื่อป้องกับการโจมตีของซาร์ ทิลอส
หลังจากนั้น เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 6 คนของตระกูลคาราก็ใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามีในการคุ้มกันเจี้ยนเฉิน ทำให้เขาได้เวลาที่มีค่านี้ไป
ไม่มีใครแล้วในตอนนี้ที่เข้ามาขัดขวางการควบรวมของกระบี่แห่งการพิพากษา มันทำให้เจี้ยนเฉินร่ายมันได้สำเร็จ ทันใดนั้นเอง ความกดดันที่ทรงพลังก็แผ่กระจายไปทั่ว คลื่นพลังที่น่ากลัวภายในกระบี่ดูเหมือนจะมีพลังที่จะทำลายโลกได้ ทำให้คนที่อยู่ที่นี่ประหลาดใจ
“แย่แล้ว ถอย ! ” คนที่อยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินทั้งหมดถอยกลับไปด้วยความตกใจ คนของตระกูลซาร์ก็ด้วยเช่นกัน
ท่าทีของซาร์ ทิลอสเริ่มน่ากลัว เขาจ้องไปที่กระบี่ใหญ่เหนือหัวของเจี้ยนเฉินด้วยความมืดมน พร้อมไฟอิจฉาที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ไม่สนที่จะสู้กับคารา ลี่เว่ยอีกต่อไปและถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินหรี่ตาลงและเล็งเป้าหมายไปที่กลุ่มคนของตระกูลซาร์ เขาควบคุมกระบี่ด้วยจิตใจของเขา มันฟันไปที่คนเหล่านั้นด้วยพลังที่ราวกับสายฟ้า
ใขขณะที่กระบี่ตัดผ่านอากาศไป มันก็ทิ้งร่องรอยแสงสีขาวที่งดงามเอาไว้ ในขณะที่ความเร็วของมันนั้นเร็วอย่างไม่มีจำกัด ในตอนที่กระบี่หวดลงมา เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เป็นเป้าหมายรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาติดอยู่กับพลังที่มองไม่เห็น ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย พวกเขาได้แต่ดูกระบี่ตัดผ่านลงมาอย่างทำอะไรไม่ได้
คนเหล่านั้นตกใจอย่างมากจนถึงจุดที่เลือดทั้งหมดของพวกเขาไหลออกไปจากใบหน้า เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ใหญ่ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะหลบไม่ได้นั้น พวกเขาไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะต่อต้านเลย กระบี่ที่ใหญ่มากและทรงพลังมากนี้ได้ทำลายปราการป้องกันสุดท้ายในจิตใจของพวกเขาลงไปแล้ว พวกเขารู้สึกใกล้ชิดความตายมาก ๆ
ในช่วงเวลาคับขันนั้น เสาแสงใหญ่หลายเสาก็ปรากฏขึ้นและพาพวกเขาออกไป สำหรับกระบี่นั้น มันยังคงพุ่งต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลดพลังลง และพุ่งลงไปที่พื้น
ปัง !
เกิดเสียงที่ทรงพลังขึ้นมา พื้นทั่วบริเวณเริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรง ดาบที่ฟันลงไปทำให้เกิดรอยแตกกว้างหลายเมตรและลึกลงไปมากกว่าสิบเมตร และความยาวขยายกว้างออกไปเป็นกิโลเมตร
“บ้าเอ้ย ทำไมกระบี่แห่งการพิพากษาของเจี้ยนเฉินถึงได้ทรงพลังขนาดนี้ ! ? ” เมื่อได้เห็นมัน ใบหน้าของหยุนเทียนที่กำลังต่อสู้อยู่กับกวานหยูไค่ก็ซีดขาว เขาเลิกที่จะสู้และหนี
“แผนที่จะจัดการกับหยางยู่เทียนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถ้ายังดึงดันต่อไป คงมีแต่ตายเท่านั้น ถ้าข้าไม่ไปตอนนี้ มันจะไม่มีโอกาสให้หนีอีกแล้ว” หยุนเทียนคิด
พลังกระเพื่อมขึ้นค้างอยู่อย่างมากบนท้องฟ้า ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน กระบี่ใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาว และพุ่งไปทางกลุ่มของซาร์ ทิลอส
แม้ว่าท่าทีของซาร์ ทิลอสจะมืดมน แต่เขาก็ไม่ตื่นตระหนกหรือสับสน เขาเอาชิ้นหยกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือออกมาจากสาบเสื้อของเขาและเหยียดไปที่เจี้ยนเฉิน “หยางยู่เทียน เจ้าจะต้องทำสำเร็จในวันนี้ ชิ้นหยกนี้เป็นของขวัญที่ข้าได้มาจากท่านบรรพชนของตระกูลซาร์ มันเก็บการโจมตีของเขาเอาไว้ แม้ว่าเจ้าจะมีสมบัติที่ปกป้องเจ้า เจ้าก็ไม่สามารต้านทานการโจมตีจากเซียนราชาได้” กลังจากพูดจบ ซาร์ ทิลอสก็หยดเลือด 1 หยดของเขาลงไปบนหยกอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นเอง แรงกดดันที่ทรงพลังอย่างน่ากลัวก็ออกมาจากหยกนั้น โลกดูเหมือนจะสั่นไหวต่อหน้าแรงกดดันนี้ ในขณะที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงทั้งหมดรู้สึกเหมือนโดนหินก้อนใหญ่กดทับอยู่ที่หน้าอก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาและพุ่งถอยหลังกลับไป
ชิ้นหยกนี้เป็นไพ่ตายสุดท้ายจากตระกูลซาร์ที่จะป้องกันไม่ให้เจี้ยนเฉินสำเร็จระดับ 7 ได้ มันคงจะไม่ถูกใช้ถ้าไม่เป็นช่วงที่สำคัญจริง ๆ แต่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินนั้นเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าท่านประธานคนปัจจุบันสำหรับตระกูลซาร์ เมื่อเจี้ยนเฉินบรรลุระดับ 7 ได้สำเร็จ เขาจะเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่สำหรับแผนของตระกูลซาร์ในการที่จะควบคุมสมาคม
ตาของเจี้ยนเฉินหรี่ลงอย่างรวดเร็ว ท่าทีของเขาเคร่งขรึมเป็นครั้งแรก และเขาคำรามออกมา “นี่คือพลังของเซียนราชา ! ” พลังบรรพกาลเริ่มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจากตันเถียนของเขา และไหลไปทั่วทุกส่วนของร่างกายเจี้ยนเฉินและเพิ่มร่างบรรพกาลของเขาไปถึงจุดสูงสุด ในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่แห่งการพิพากษาเล่มใหญ่ก็หยุดการโจมตีคนอื่นและพุ่งไปที่ซาร์ ทิลอสแทน ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน เขาหวังให้กระบี่นั่นป้องกันซาร์ ทิลอสจากการปล่อยพลังของเซียนราชาออกมา
“ฮาฮ่า หยางยู่เทียน มันสายไปเสียแล้ว ต่อหน้าพลังของท่านบรรพบุรุษ แม้แต่วัตถุเซียนก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้” ซาร์ ทิลอสหัวเราะออกมาเสียงดัง พลังที่รุนแรงจากชิ้นหยกควบรวมเป็นนิ้วยาว 3 เมตร ก่อนที่จะชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน
ด้วยการชี้นิ้วนั้น เวลาดูเหมือนจะหยุดและมิติดูเหมือนจะถูกแช่แข็ง ในตอนนี้เอง นิ้วนั้นก็ดูเหมือนเป็นสิ่งสิ่งเดียวในโลก และสีทุกสีต่อหน้านิ้วนั้นก็ดูจางลง
กระบี่แห่งการพิพากษาหายไปในอากาศทันทีที่เจอกับนิ้วนั้นโดยไม่มีแม้แต่คลื่นพลังปรากฏออกมา สายพลังธรรมชาติที่มองไม่เห็นได้ผ่านทะลุกระบี่แห่งการพิพากษาและระเบิดผ่านการป้องกันของเกราะไหมบรรพกาล และโจมตีไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉินอย่างรุนแรง
เจี้ยนเฉินไม่สามารถต่อต้านได้เลยต่อหน้านิ้วนั้น นิ้วที่เป็นการโจมตีจากเซียนราชานั้นได้รวมเอาความสามารถทุก ๆ อย่างของเซียนระดับราชาเอาไว้ มันปิดการมีอยู่ของเขา และล็อคร่างกายของเขาเอาไว้ และทำให้เขาไม่มีทางที่จะหนีไปได้
พรวด ! เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมากลางอากาศ เสื้อของเขาแตกสลายออก เผยให้เห็นเกราะไหมสีทองที่ทำมาจากเส้นไหมของเทพหนอนไหม ตอนนี้เกราะไม่ได้เปล่งแสง เหมือนกับว่ามันได้ใช้พลังงานของมันหมดไปแล้ว
เจี้ยนเฉินพุ่งกระเด็นไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ และกระแทกอย่างรุนแรงที่ก้อนหินที่อยู่ข้างหลังเขา เสียงระเบิดรุนแรง แนวภูเขาทั้งแนวสั่นไหวเล็กน้อย เจี้ยนเฉินจมลึกลงไปในภูเขาลึก ทำให้เกิดรูลึกร้อยเมตรเข้าไปในหินแข็ง
เจี้ยนเฉินติดอยู่ในภูเขาและกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของบรรพชนของตระกูลซาร์นั้นเหนือกว่าราชาของตระกูลกิลลิกันมาก ด้วยการโจมตีจากนิ้วเดียว มันไม่ได้ทำลายการป้องกันของเกราะไหมบรรพกาลลงอย่างเดียวเพียงเท่านั้น แต่มันยังทำลายร่างบรรพกาลของเขาด้วย และทำให้อวัยวะภายในและซี่โครงของเขานั้นแตกออกเป็นเสี่ยง
ถ้าเกราะไหมบรรพกาลไม่หักล้างพลังบางส่วนไป เขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่านี้มาก
Related