ตอนที่ 647 ความคิดที่ไม่อาจเข้าใจได้
หลี่หมิงฉวีไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้จริงๆ พูดออกไปแบบนั้นแต่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไรกลับไม่รู้เลย
เฉิงนั่วเห็นสีหน้าของเหยียนเฟิงเคร่งขรึมลง จึงรีบเปลี่ยนบรรยากาศ “วันนี้พวกเรามาคุยกันเรื่องเหยียนเค่อ อย่ามาขัดแย้งกันเองภายในเลย”
เหยียนเฟิงก็ไม่อยากไปเอาเรื่องเอาราวกับไอ้เด็กอมมือคนนี้สักเท่าไหร่ จึงเอ่ยตัดบทเรื่องเมื่อครู่ไปก่อน “อือ ถือซะว่าเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”
เหยียนเฟิงเป็นคนเอ่ยลบล้างเรื่องเมื่อครู่ก่อน ดังนั้นหลี่หมิงฉวีก็ไม่ได้หาเรื่องต่อ จึงเอ่ยตามชายหนุ่ม “เรามาคุยเรื่องเหยียนเค่อต่อดีกว่า”
ความจริงเฉิงนั่วไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเรื่องเหยียนเค่อ สำหรับพื้นฐานครอบครัวของซย่าเสี่ยวมั่ว ข้อมูลของเหยียนเฟิงกับหลี่หมิงฉวีต้องละเอียดครบถ้วนกว่าของตนแน่นอน คนสองคนที่มองมาที่เขารอให้เขาเอ่ยพูด ทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
“เมื่อคืนซย่าเสี่ยวมั่วนอนค้างที่คอนโดของเหยียนเค่อ” สิ่งที่เฉิงนั่วให้ข้อมูลได้ก็มีเพียงข่าวสารเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ มองมองว่าคนทั้งคู่มีปฏิกิริยาอย่างไรจากนั้นก็เอ่ยพูดต่อ “วันนี้ตอนเช้าเหยียนเค่อไปส่งซย่าเสี่ยวมั่วที่ทำงาน”
“ฉันไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้” เหยียนเฟิงรู้สึกรำคาญข่าวซุบซิบไร้สาระของเฉิงนั่ว “ให้ลองให้ลูกน้องลองคำนวณดูแล้ว ที่คือธุรกิจทั้งหมดที่เหยียนเค่อมีอยู่ แต่ว่าก็ไม่แน่ใจว่าคือทั้งหมดแล้วหรือเปล่า ฉันคิดว่าก่อนแต่งงานเหยียนเค่อคงจะโอนบางส่วนให้เป็นชื่อของซย่าเสี่ยวมั่ว”
“อย่างนั้นถ้าทรัพย์สินของเหยียนเค่อกลายเป็นชื่อซย่าเสี่ยวมั่วแล้วมันก็ดีต่อนายน่ะสิ”
การวิเคราะห์ของเฉิงนั่วทำเอาคนฟังแทบกระอัก ขนาดหลี่หมิงฉวียังเข้าใจเลย แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ชื่อของซย่าเสี่ยวมั่วแต่ก็ถูกควบคุมโดยเหยียนเค่ออยู่ดี ขอแค่เหยียนเค่อยังมีชีวิตอยู่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับซย่าเสี่ยวมั่วสักเท่าไหร่
เหยียนเฟิงกลับคิดได้ถึงอีกเรื่องหนึ่ง “อย่างนั้นมันก็จะยิ่งอยากที่จะมาแย่งสมบัติของตระกูลกับฉันน่ะสิ”
ถ้าเกิดเหยียนเค่อโอนทรัพย์สมบัติของตัวเองให้เป็นชื่อของซย่าเสี่ยวมั่ว ความคิดแรกน่าจะเป็นการกลับมาแย่งสมบัติของตระกูลกับเขา
“สองสามีภรรยาคู่นี้คิดกันมาดีจริงๆ แต่เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอก” ตอนนี้หลี่หมิงฉวีเพียงแค่อยากแย่งซย่าเสี่ยวมั่วกลับมา ต่อให้หล่อนไม่ชอบเขาก็ไม่เป็นไร เขาชอบหล่อนก็พอ
เฉิงนั่วก็รู้สึกพูดไม่ออก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องของคนรักกันสองคนแท้ๆ แต่พอมาอยู่ที่พวกเขาทำไมกลายเป็นว่าสองคนนั้นเป็นคนชอบวางแผนไปได้
“ได้ อย่างนั้นเรามาเตรียมคิดวิธีรับมือกันดีกว่า” ตระกูลเฉิงถูกเหยียนเค่อโจมตีจนกลัวไปหมดแล้ว ตอนนี้ไม่กล้าที่จะสู้กันซึ่งๆ หน้าจริงๆ เฉิงนั่วเองตอนนี้ก็เหมือนกับขาดเส้นเลือดใหญ่ ทางที่ดีเขาพยายามที่จะไม่ออกหน้าทำอะไรทั้งสิ้น
หลี่หมิงฉวีลองเอ่ยความประสงค์ของตัวเอง “วันนี้ตอนบ่ายฉันจะไปหาซย่าเสี่ยวมั่ว”
เหยียนเฟิงเหล่สายตาไปมองเขา แต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เฉิงนั่วเริ่มสงสัยว่าสมองของหลี่หมิงฉวีโดนเหยียนเค่อทำลายไปแล้วหรืออย่างไร “นายจะไปทำไม หาเรื่องเดือดร้อนให้เหยียนเค่อหรือให้ตัวเองกันแน่ คราวที่แล้วที่โดนมันเบาไปหรือไง”
หลี่หมิงฉวีได้ยินชายหนุ่มพูดจบก็นิ่งไปพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะล้มเลิกความคิดของตัวเอง
เขาไม่ได้เจอซย่าเสี่ยวมั่วมานานมากแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วต้องลืมเรื่องของเขากับหล่อนในอดีตไปแล้วแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปคบกับเหยียนเค่อหรอก ดังนั้นเถ้าตนไปปรากฏตัวตอนนี้ซย่าเสี่ยวมั่วอาจจะนึกถึงความทรงจำอันสวยงามในอดีตได้ สลัดเหยียนเค่อทิ้งแล้วกลับมาซบอกเขาแทน
ถ้าเฉิงนั่วได้รับรู้ความคิดของหลี่หมิงฉวีคงต้องกระอักออกมาแน่ๆ ถึงแม้คณชายใหญ่อย่างเขาจะดูไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ ทำธุรกิจก็ไม่ได้รุ่งโรจน์ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความคิดที่เป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ เขา
ถ้าเทียบกับคนที่ดูราวกับโรคจิตที่วันๆ เอาแต่คิดจะทำร้ายคนอื่นอย่างเหยียนเฟิงและคนที่เอาแต่คิดจินตนาการฟุ้งซ่านไปวันๆ อย่างหลี่หมิงฉวี ตนถือว่าเป็นปกติเอามากๆ ถึงแม้เขาจะไม่มีความสามารถมากนักแต่ก็พอจะปกป้องธุรกิจของตัวเองไม่ให้ล่มจมได้ แต่พอหลังจากที่มาอยู่กับคนพวกนี้ สถานะของตัวเองยังได้รับผลกระทบไปด้วยเลย ช่างน่าปวดหัวจริงๆ
ตอนที่ 648 เดาไม่ออก
“แหม ประธานเหยียนยอมมาทำงานเหรอเนี่ย” เบลล์ใช้ลิฟต์ส่วนตัวของเหยียนเค่อ พอเดินเข้าไปในตัวลิฟต์ก็เจอกับเหยียนเค่อเข้าพอดี
เหยียนเค่อรับคำเสียงต่ำ “เอาสรุปรายงานมาให้ผมด้วย แผนการที่คุณเขียนผมก็อ่านแล้ว มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ของตระกูลเหยียนบ้าง”
“ประธานเหยียน คุณนี่มันจริงๆ เลยนะ ฉันคุยเรื่องส่วนตัวกับคุณอยู่แท้ๆ แต่คุณกลับมาคุยเรื่องงานกับฉัน แบบนี้จะร่วมงานกันได้อย่างมีความสุขไหมเนี่ย” เบลล์เอ่ยแซวยิ้มๆ
เหยียนเค่อกำลังอารมณ์ดีเลยไม่ได้ตอบโต้หล่อน “ช่างคุณแล้วกัน ผมไม่อยากอธิบายแล้ว อีกเดี๋ยวรายงานผมด้วยว่าทางตระกูลเหยียนมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
“ค่ะ” เบลล์ลอบยิ้ม ซย่าเสี่ยวมั่วได้เพชรไปครองจริงๆ หวงเนื้อหวงตัวขนาดนี้ช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ
เบลล์เคลียร์เอกสารด่วนเสร็จเรียบร้อยกำลังจะเข้าไปรายงานพร้อมกับคุยเรื่องความเคลื่อนไหวล่าสุดของตระกูลเหยียน แต่พอเธอเดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนจนคนฟังแทบจะบ้าของเหยียนเค่อ คนปลายสายนอกจากซย่าเสี่ยวมั่วแล้วไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้แน่ๆ
“อือ ได้ เดี๋ยวตอนเย็นฉันไปรับ” มือของเหยียนเค่อเปิดเอกสาร แต่มันเป็นไปอย่างเชื่องช้า เห็นไดด้ชัดว่าชายหนุ่มแทบจะไม่ได้อ่านมันเข้าหัวเลยด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าทางปลายสายพูดอะไร เหยียนเค่อจึงได้รับคำอย่างอ่อนโยน “ฉันรู้แล้ว”
“อือ บายบาย”
…บายบาย? เบลล์ทำหน้าสยอง ในสายตาของเธอขนาดคำว่า “ลาก่อน” ยังดูไม่ค่อยเข้ากับลุคของชายหนุ่มเลย แต่เขากลับมีวันที่พูดคำว่า “บายบาย” ออกมา…เฮ้อ เพราะใช้ชีวิตอยู่มานานเรื่องอะไรแปลกๆ เลยได้เห็นหมดสินะ
พอเหยียนเค่อคุยโทรศัพท์เสร็จเห็น เบลล์ทำหน้าราวกับเห็นผีก็เริ่มไม่สบอารมณ์ “ทำหน้าอย่างนั้นหมายความว่าอะไร”
“ฮะฮะฮะ” เบลล์หัวเราะอย่างฝืดๆ ไม่มีการเปรียบเทียบก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด คนอย่างพวกเธอในสายตาของเหยียนเค่อคงเทียบไม่ได้แม้แต่เส้นผมของซย่าเสี่ยวมั่ว
เหยียนเค่อยื่นมาออก ส่งสัญญาณให้หล่อนยื่นเอกสารมาให้
เบลล์เบ้ปากออกมา น้ำเสียงเศร้าๆ “คุณทำแบบนี้คนอื่นจะเข้าใจผิดว่าคุณต้องการมือหล่อนนะคะ”
“อย่างนั้นเธอก็คงต้องไปขอพรแล้วล่ะ” เหยียนเค่อรับเอกสารมาวางตรงหน้าแล้วเล่มเปิดดูทีละแผ่น
เบลล์ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดโจมตีของชายหนุ่ม ในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างแล้วเอ่ยพูดไป “ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมชวีหน่ายถึงชอบคุณ”
“ผู้จัดการชวีไม่ได้น่ารำคาญเท่าคุณ” เหยียนเค่อจนปัญญาที่จะทำตัวปกติอย่างกับเจ้านายลูกน้องทั่วไปกับ เบลล์จริงๆ ถ้าหล่อนไม่ได้โดนเขาจิกกัดสักประโยคสองประโยคคงไม่สบายใจ
เบลล์ยักไหล่ แสดงท่าทีว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตน “มีตรงของท่านประธานเหยียนที่ไม่หว่านเสน่ห์บ้าง”
“ถ้าซย่าเสี่ยวมั่วคิดแบบคุณก็ดีสิ” ทุกครั้งที่เหยียนเค่อยื่นมือออกไป ปฏิกิริยาของซย่าเสี่ยวมั่วก็คือกำเงินมือไว้แน่น ราวกับว่าถ้าเขาแย่งหล่อนก็ไม่มีทางให้
“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณผู้หญิงเหยียนเป็นคนไม่ธรรมดา คนธรรมดาอย่างฉันเทียบไม่ได้หรอก” เบลล์นับถือความนิ่งของซย่าเสี่ยวมั่วจริงๆ น่าจะเป็นเพราะว่าเหยียนเค่อก็รักษาไม่หายแล้วเลยเหมาะจะเป็นของหล่อน
คำว่า “คุณผู้หญิงเหยียน” ทำให้ใจของเหยียนเค่ออ่อนยวบลงทันที น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นด้วย “ใช่สิ คนสมองกลวงไม่มีทางเหมือนกับคนปกติอยู่แล้ว”
“ทนไม่ไหวแล้ว เรามาคุยยเรื่องตระกูลเหยียนกันดีกว่า” จู่ๆ เบลล์ก็ไม่รู้ว่าตนว่างจนต้องไปหาเรื่องคุยเรื่องพวกนี้กับเหยียนเค่อทำไม จึงเริ่มเข้าเรื่องที่เป็นทางการ
เหยียนเค่อพยักหน้า ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเข้าปีใหม่ แต่ว่าการกระทำของเหยียนเฟิงไม่ได้น้อยเลย “เหยียนเฟิงเริ่มไปกวาดซื่อหุ้นภายในของตระกูลเหยียนแล้ว เฉิงนั่วกับหลี่หมิงเจ๋อต่างก็มีส่วน คุณมีความเห็นอย่างไรบ้าง”
“พวกนั้นกะจะครอบครองให้หมดไง” เหตุผลมันก็เห็นกันชัดๆ อยู่ พอ เบลล์พูดจบสายตาเริ่มสั่นนิดหนึ่ง
“เหมือนว่าตอนแรกเหยียนเฟิงจะมีหุ้นอยู่แค่เจ็ดเปอร์เซ็นต์ เฉิงนั่วกับหลี่หมิงเจ๋อไม่มีเลย ตอนนี้พวกนั้นมีอยู่เท่าไหร่แล้ว”
“ตอนนี้พี่ฉันมีอยู่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ อีกสองคนที่เหลือคนละประมาณสี่เปอร์เซ็นต์ ล้วนไปซื้อพวกหุ้นที่กระจัดกระจายด้วยราคาสูง” เหยียนเค่อยืดหัว ถึงแม้เขาจะไม่สนใจบริษัทตระกูลเหยียน แต่ว่าการกระทำของเหยียนเฟิงมันดูมีกลิ่นแปลกๆ ราวกับว่าอยากจะบีบให้พ่อตนลงจากตำแหน่งแล้ว
หรือว่าตอนนี้ไม่อยากจะเสแสร้งต่อไปอีกแล้ว
Related