เกอซีย่อมรู้ดีว่าการเผยสมบัติอันล้ำค่าของตนให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้มิใช่ความคิดที่เฉลียวฉลาดนัก แม้พวกเซี่ยวหลีจะรับรู้ได้ว่าอาหารที่นางปรุงขึ้นไม่เพียงมีรสชาติที่ยอดเยี่ยม ทว่ายังอุดมไปด้วยพลังชีวิตเปี่ยมล้น ถึงกระนั้นกลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่านางหยดทิพย์ธาราลงไปในอาหารแต่ละสำรับที่ถูกปรุงออกมาด้วย
แม้การได้ครอบครองทิพย์ธาราจะนับได้ว่าเป็นความลับอันสำคัญยิ่ง ทว่าเหตุใดนางกลับสามารถเผยเรื่องนี้ต่อหนานกงยวี่ได้อย่างไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ? หรือแท้จริง ภายในใจของนางได้ยอมรับให้หนานกงยวี่เป็นผู้ที่สามารถไว้วางใจได้ไปแล้ว ?
ภายในใจของเกอซีเต้นโครมคราม เข็มเงินในมือพลันไถลเคลื่อนพลาดไปจากจุดอันพึงควร
ชายหนุ่มส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ ทว่าสุ้มเสียงของเขากลับเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนใจ มันให้ความรู้สึกราวกับกำลังถูกลูกแมวน้อยข่วนเกาหัวใจให้คันยุบยิบ
หญิงสาวรีบชักมือกลับด้วยรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย “เจ้า…..เป็นอย่างไรบ้าง ?”
หนานกงยวี่หน้ายุ่งตอบคำ “เจ็บสิ”
ได้ยินเช่นนั้นภายในใจของหญิงสาวยิ่งเต้นโครมครามจนแทบจะกระเด็นทะลุออกมาจากอก นางย่อมรู้ดีแก่ใจว่าอีกฝ่ายเพียงแกล้งทำออเซาะทว่าเขาก็ช่างมีเสน่ห์เกินห้ามใจเหลือเกิน ยิ่งเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาประดุจมารปีศาจร้ายนั้นก็ยิ่งเสมือนหัวใจกำลังถูกหลอมละลาย
ขณะถอดถอนแท่งเข็มเงินออกจากร่างของอีกฝ่าย ใบหน้าของหญิงสาวยังคงแดงก่ำ คำถามเพียงแผ่วเบาดังขึ้น “ครานี้รู้จักเจ็บแล้วหรือ ? ก่อนหน้านี้เจ้ามัวแต่ไล่จุมพิตข้าจะรู้สึกเจ็บได้อย่างไร ? เช่นนี้ย่อมสมควรแล้ว !”
ยามนี้อาการของหนานกงยวี่นับว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย หากได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และถูกต้องอีกสักระยะร่างกายย่อมสามารถฟื้นคืนสู่สภาพปกติดังเดิม ทว่าดังที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นถ้ำเพลิงหรือแม้กระทั่งโอสถที่เกอซีจัดให้ ล้วนเป็นเพียงการประทังอาการ ทว่ามิอาจนับได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เมื่อวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดของปีหน้ามาเยี่ยมเยือน พิษเหมันต์ในร่างของเขาย่อมกลับกำเริบ
นางต้องครุ่นคิดค้นหาหนทางขจัดพิษเหมันต์ในร่างของหนานกงยวี่ให้ได้อย่างสมบูรณ์
ในหัวเริ่มขุดคุ้ยค้นหาสารพัดวิธีการเยียวยา สารพัดส่วนประกอบโอสถ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ในบทบันทึกสรรพชีวิต เกอซีลองเชื่อมโยงโอสถแต่ละตัวเข้ากับอาการป่วยของหนานกงยวี่ทีละตัวด้วยหวังจะพบสิ่งที่สามารถให้การรักษาความเจ็บป่วยซึ่งมีอาการคล้ายคลึงกับโรคร้ายของชายหนุ่มให้มากที่สุดเท่าที่พอจะเป็นได้
ช่วงขณะนั้นเองที่หนานกงยวี่เรียกให้ชิงหลงเข้ามาช่วยชำระร่างกาย เมื่ออาภรณ์ถูกเปลี่ยนให้รู้สึกสบายขึ้นแล้ว ชายหนุ่มจึงกลับเข้ามาในห้องเพื่อเอนกายอีกครา
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยชิงหลงค่อย ๆ ปลีกตัวออกไปอย่างเงียบงัน ยามนี้คงเหลือแค่เพียงหนานกงยวี่กับเกอซีอีกครา ทว่าเกอซีกลับยังไม่ทันรู้ตัวเมื่อยามนี้นางยังคงหมกมุ่นอยู่กับความครุ่นคิดใคร่ครวญจนหัวปั่น
ความรักความอาทรปรากฏอย่างท่วมท้นในแววตาของหนานกงยวี่ยามเมื่อเขาแย้มยิ้มพลางเหยียดฝ่ามือของตนออกกุมอุ้งมือน้อยที่เนียนนิ่มของหญิงสาว “ซีเอ๋อยังห่วงอาการของข้าอยู่หรือ ?”
เกอซีรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว นางรีบบิดข้อมือหลีกหนีการเกาะกุมของอีกฝ่ายทว่ากลับต้องพบว่าตนมิอาจกระทำได้ดั่งใจปรารถนา จึงได้แค่เพียงจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยอาการขุ่นเคือง “แล้วอย่างไรเล่า ? ข้าเป็นหมอย่อมต้องใส่ใจต่ออาการของคนไข้ อีกทั้ง อาการเช่นนี้ล้วนนับว่าเป็นโรคที่แปลกประหลาดยิ่ง !”
หนานกงยวี่ตัดสินใจจะทำตัวไม่รู้ทันเรื่องที่นางพยายามบ่ายเบี่ยงความจริง ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเมื่อเขาเริ่มไถ่ถาม “ซีเอ๋อเจ้าล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่พลังยุทธของเจ้าเลื่อนขั้นหรือไม่ ?”
หญิงสาวส่ายศีรษะ สิ่งที่รู้มีเพียงเรื่องราวบอกเล่าจากปากของชิงหลงเท่านั้น
สีหน้าของหนานกงยวี่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมยามเมื่อน้ำเสียงลุ่มลึกของเขาเอ่ยขึ้น “ข้ากำชับทุกคนในตำหนักราชันมัจจุราชแล้วว่าห้ามมิให้ผู้ใดแพร่งพรายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ซีเอ๋อ เจ้าต้องจำไว้ว่าเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้หาได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับเจ้าไม่ เจ้าเพียงได้รับบาดเจ็บ และได้รับการรักษาจากข้าผู้นำพาเจ้ามารักษาตัวที่นี่คืนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าต้องไว้ใจข้า เข้าใจไหม ?”
ภายในใจของนางยังหวาดหวั่นแม้หญิงสาวจะผงกศีรษะรับทว่ากลับยังคงความกังขาว่าเขาจะรับมือเช่นไร ยิ่งโดยเฉพาะกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติอย่างยากจะอธิบายเยี่ยงนี้
ยิ่งเมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่นางต้องต่อสู้กับช่วงชีวิตแห่งความเป็น และความตายก็ยิ่งอดรู้สึกหวั่นใจมิได้ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ใดหมายชีวิตข้า ?”
นางได้ยินชัดเจนว่ามือสังหารกลุ่มนั้นคือคนจากองค์กรปีศาจสยบแดนดิน เพียงมิรู้ว่าองค์กรปีศาจสยบแดนดินจะทรงอำนาจอิทธิพลมากเพียงไร
หนานกงยวี่ตอบอย่างไม่อาทรร้อนใจ “องค์กรปีศาจสยบแดนดินเป็นองค์กรในตลาดมืด มันคือหนึ่งในสามองค์กรนักฆ่าระดับสูงสุดแห่งทวีปหมีหลัว ทั้งยังสามารถรักษาระดับของตนไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมานานปี”
“หนึ่งในสามองค์กรนักฆ่าฝีมือเลิศ ? พวกมันมีอำนาจมากไหม ?” ยามเมื่อไต่ถามออกไป หญิงสาวยังคงมีสีหน้าครุ่นคิด
อีกฝ่ายเพียงส่งยิ้มอ่อนบางก่อนจะก้มลงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู “ไม่มีผู้ใดทรงอำนาจเท่ากับบุรุษของเจ้าอีกแล้ว !”
“ชิ !” เกอซีผลักอีกฝ่ายออก แม้ใบหน้ายังแดงก่ำทว่านางยังคงต่อปากต่อคำไม่เลิก “ข้าจะจัดการศัตรูของข้าด้วยตัวเอง ! ข้าจัดการเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดจากเจ้าหรอก ฮึ ! ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปีศาจสยบแดนดินหรือมันผู้ใดที่ต้องการสังหารข้า ข้าก็จะทำให้มันผู้นั้นได้สำนึกเสียใจที่ต้องมาเกิดบนโลกนี้ !”
***จบตอน ไม่มีผู้ใดทรงอำนาจเท่ากับบุรุษของเจ้าอีกแล้ว***