ภายในใจของจูเฉวี่ยคั่งแค้นไปด้วยความชิงชัง ทว่าเมื่อหวนนึกถึงตราประทับของพระองค์ท่านนางคงทำได้แค่เพียงชำเลืองแลเกอซีด้วยสายตาที่หม่นมัวเย็นชาก่อนจะสะบัดชายเสื้อผละจากไป
ยังไม่ทันที่เงาร่าง และกรุ่นกลิ่นจากเรือนกายของจูเฉวี่ยจะเลือนหายไปจากห้อง เกอซีก็ไม่อาจฝืนระงับทนได้อีก นางกระอักโลหิตออกมาคำโตด้วยสีหน้าซีดขาวไร้สีเลือดที่ยิ่งซีดจางลงไปเรื่อย ๆ
หญิงสาวไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าแค่เพียงผู้มีพลังฝีมือระดับพลังปราณปฐพีสะท้านสะเทือนขยับมือเล็กน้อยกลับสามารถทำให้นางได้รับบาดเจ็บมากมายถึงเพียงนี้
นางอ่อนแอเกินไปเสียแล้ว !
เกอซีกัดฟันฝืนทนต่อความปวดร้าวทั่วเรือนร่างเพื่อส่งตนกลับคืนไปสู่มิติเวท สภาวะในมิติเวทและโลกแห่งความเป็นจริงนั้นประดุจดั่งกระจกเงา ด้วยเหตุนั้นเมื่อนางได้รับอาหารในมิติเวท ในชีวิตจริงนางย่อมจะไม่รู้สึกหิวกระหาย
เช่นนั้นแล้วเมื่อจิตสำนึกแห่งนางถูกส่งเข้าไปในมิติเวทนางจึงยังคงสวมใส่สุดนอนตัวบางที่ยังคงเปรอะเปื้อนคราบโลหิตพร้อมด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่จากอาการบาดเจ็บสาหัส
พลังชีวิตอันมหาศาลในมิติเวทที่หล่อหลอมกลั่นรวมเข้าสู่เรือนกายช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทรมานทำให้เกอซีผ่อนคลายความทุกข์ทนลงไปได้มาก
แม้ว่าต้านต้านจะอยู่เฉพาะด้านในของพระราชวังซูมี่หากแต่เขาย่อมล่วงรู้ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมิติเวท เมื่อเกอซีกลับมาในสภาพที่บาดเจ็บสาหัสต้านต้านจึงส่งเสียงร้องคร่ำครวญโวยวาย “ท่านแม่ ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ ? เจ็บมากไหม ? ต้านต้านช่างไร้ประโยชน์ไม่อาจช่วยท่านแม่ได้เลย”
แม้สีหน้าของเกอซีจะไม่มีความคาดหวังใดหากแต่ภายในใจกลับรู้สึกซาบซึ้ง “ต้านต้านเด็กดี รอให้เจ้าสามารถออกมาจากเปลือกไข่ได้ก่อน เจ้าย่อมสามารถช่วยแม่ได้ !”
“อึ้ม หากต้านต้านออกไปได้เมื่อไร ต้านต้านจะช่วยท่านแม่จัดการเจ้าคนชั่วผู้นั้น ! ผู้ใดกล้าทำร้ายท่านแม่ ต้านต้านจะทำให้พวกมันได้สำนึก !”
น้ำเสียงเล็ก ๆ ไม่ประสาของเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยความโกรธและขึ้งแค้นทำให้เกอซีจินตนาการไปถึงภาพพ่อหนูน้อยกำลังกำหมัดเล็ก ๆ ของตนขยับต่อยตีไปมาปากกล่าววาจาให้สัตย์สาบานไปต่าง ๆ ด้วยท่าทางขึงขัง ความหดหู่เศร้าสลดจิตของหญิงสาวจึงค่อยจางคลายลง
เมื่อเกอซีมาถึงขอบน้ำพุทิพย์ธาราแห่งความสันโดษชั้นเก้า นางดื่มน้ำทิพย์ ความร้อนรุ่มเจ็บทรมานภายในอณูแห่งเส้นชีพจรทั้งหลายพลันมลายสิ้นเพียงชั่วพริบตาประดุจน้ำใสที่ไหลเย็นช่วยชะโลมความแผดเผาไหม้ให้ดับหาย หญิงสาวปล่อยเสียงถอนหายใจยาวออกมาด้วยความรู้สึกที่โล่งสบาย
เมื่อหวนรำลึกถึงจูเฉวี่ยผู้จับจ้องนางด้วยท่าทีรังเกียจวาจาท่าทางล้วนดูหมิ่นดูแคลนราวกับนางกำลังจับจ้องแลดูเหล่าบรรดามดปลวกทำให้ดวงตาของเกอซีสะท้อนประกายแววสังหารโลหิตวูบขึ้น
จูเฉวี่ยงั้นรึ ? ดีมาก ! หนี้แค้นครั้งนี้ข้าจะจดจำไว้ ข้าจะต้องไถ่ทวงคืนจากเจ้าในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
ในสายตาของจูเฉวี่ย เกอซีเป็นแค่เพียงมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น ส่วนใบหน้าของนางก็ได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยไม่สะกิดผิว นางหาได้ใส่ใจไม่
ทว่าจูเฉวี่ยหาได้ล่วงรู้เลยว่า เกอซีผู้นี้คือผู้ได้รับการขนานนามว่า “ยมทูตไป่อู่ฉาง”*
[center][img]https://s28.postimg.org/hp86v4fy5/image.jpg[/img][/center]
*เทพไป่อู่ฉางกับเทพเฮ่ยอู่ฉางคือ “สองยมทูตขาวดำ” ซึ่งเป็นลูกน้องของพญายมผู้คุมผืนนรก ยมทูตเฮ่ยอู่ฉางสวมอาภรณ์สีดำหมวกกรวยสูงสีดำมีข้อความว่า “ผู้ใดพบข้าความตายมาเยือน” ใบหน้าขาวแลบลิ้นยาวสีแดงถึงหน้าอกสะดือ มือถือสายโซ่หน้าตาดุดัน คอยจับดวงวิญญาณที่สิ้นอายุขัยที่เป็นคนจิตใจโหดร้าย ทำบาป เทพเฮ่ยอู่ฉางจะใช้โซ่มัดลากไปนรกเพื่อขึ้นศาลรับโทษ
ส่วนยมทูตไป่อู่ฉาง จะสวมอาภรณ์สีขาว สวมหมวกกรวยทรงสูงสีขาว มีข้อความว่า “ผู้ใดพบข้าโชคดี” หน้าตาไม่ดุดัน แลบลิ้นสีแดงยาวถึงหน้าอกสะดือ มีหน้าที่รับดวงวิญญาณคนดีมีศีลธรรม ถือธรรมะเป็นนิจไปรับการพิจารณาในศาลนรกพื่อจะได้เดินข้ามสะพานทองคำไปดินแดนสุขาวดีตะวันตก หรือข้ามสะพานเงินไปสู่สรวงสวรรค์ในแดนใต้ตามบุญกรรมที่ทำไว้ และให้บทลงโทษแก่ผู้กระทำความชั่ว ยมทูตทั้งสองจึงเป็นเสมือนทั้งผู้ให้รางวัลและบทลงโทษแก่ผู้กระทำความดีและความชั่วทั้งหลาย โดยยมทูตทั้งสองมักปรากฏให้เห็นได้ตามทางเข้าของศาลเจ้าจีน อีกทั้งยังมีมีลูกน้องพญายมผู้มีศีรษะเป็นวัว และศีรษะเป็นม้า คอยดูแลอารักขาพญายมในขุมนรกอีกด้วย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.somboon.info/default.asp ?content=contentdetail&id=9696
เกอซีเป็นที่เลื่องลือในฐานะแห่งนักเวชสารพัดพิษ ตัวตนของนางในอดีตก่อนจะมาสู่ร่างนี้ เหล่าคู่อริทั้งหลายต่างล้วนหวาดกลัวไม่กล้าเข้าประชิดภายในระยะสิบก้าว สืบเนื่องด้วย พวกมันย่อมสามารถได้รับพิษร้ายสารพัดชนิดที่ไม่อาจเยียวยารักษาได้จากเงื้อมมือของเกอซีผู้นี้ไม่ว่าจะที่ใดหรือว่ายามใด
หากแม้นว่าจูเฉวี่ยจะสามารถล่วงรู้ได้ก่อนว่ารอยแผลนั้นหาใช่บาดแผลธรรมดาสามัญทั่วไป บางทีนางอาจสามารถใช้กระแสพลังปราณในกายช่วยขับขจัดพิษร้ายออกมาได้ หากทว่าทุกสิ่งกลับกลายสายไปเสียแล้ว ……หึหึ เห็นทีว่านางคงต้องเตรียมใจอยู่ร่วมกับรอยแผลเป็นนั้นไปตลอดตราบชั่วชีวิต !
แม้เกอซีจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก หากแต่หญิงสาวยังคงคว้าเอาพฤกษาเวทที่จับจ่ายมาในวันนี้เพื่อปรุงสกัดสารพิษหลากชนิด
ซึ่งมีทั้งยาชา ยาสลบ พิษสะกัดโลหิตสะกั้นลม ยังอีกสารพัดพิษที่สามารถสร้างความเจ็บปวดหรือปลิดชีพผู้คนลงได้ พิษที่ส่งผลให้ผู้คนตกอยู่ในสภาพที่ทุกข์ทนทรมานอย่างแสนสาหัสกระทั่งต้องร่ำร้องหาความตาย….. การได้เผชิญหน้ากับจูเฉวี่ยทำให้เกอซีตระหนักซึ้งถึงแก่นแท้แห่งโลกว่ามีแต่เพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงสามารถพลิกผันทุกสิ่งภายในเงื้อมมือของตนได้
ก่อนที่นางจะสามารถเปิดผนึกจุดตันเถียนของตนได้ นางย่อมต้องเตรียมหากลยุทธ์ในการปกป้องตนเองไว้ก่อน
ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามอย่างหาใดเปรียบของหนานกงยวี่พลันวาบปรากฏขึ้นในใจ ประกายตาคู่นั้นสว่างไสวเรืองรองเจิดจรัสยามที่มันจับจ้องมายังนาง เกอซีรีบหรี่ดวงตาสะบัดเอาภาพฟุ้งซ่านในหัวออกไป
เมื่อพิษทั้งหมดถูกสกัดตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงสามารถสูดหายใจเข้าได้อย่างโล่งใจ
ครั้นเมื่อกำลังจะออกจากมิติเวท เกอซีสัมผัสขวดกระเบื้องเคลือบในกระเป๋า เมื่อปากขวดถูกเปิดออก กลิ่นหอมบริสุทธิ์อย่างเข้มข้นแตกกระจายลอยฟุ้งไปทั่วในอากาศ สิ่งที่จูเฉวี่ยกล่าวไว้เห็นจะมิผิด สิ่งนี้นับได้ว่าเป็นโอสถชั้นยอด
***จบตอน รอยแผลเป็นคงไว้ชั่วชีวิต***