World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 26

ตอนที่ 26 เจ้าแผนการ

วันศุกร์ 11 เมษายน

ฟางผิงโทรบอกอาจารย์ประจำชั้นว่าจะขอลาช่วงเช้าผ่านโทรศัพท์มือถือเก่าๆของพ่อ

หลิวอันกั๋วแสดงความเป็นห่วง เขาบอกให้ฟางผิงพักผ่อนและรักษาสุขภาพด้วย

ตอนนี้ฟางผิงไม่ใช่ฟางผิงคนเดิมแล้ว

เขาคือฟางผิงที่มีโอกาสเข้ามหาลัยวิชายุทธ

การสอบใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าตอนนี้เขาล้มป่วยจริง หลิวอันกั๋วอาจร่ำไห้เลยทีเดียว

หลิวอันกั๋วปล่อยไปก็จนกว่าฟางผิงบอกว่าเขาแค่ไม่ค่อยสบายเล็กน้อย หลังจากพูดเตือนให้รักษาสุขภาพ เขาก็เห็นด้วยอย่างหนักว่าให้ฟางผิงลาหยุดวันนึง

ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของฟางผิงจึงเชื่อว่าลูกชายพวกเขาประสบความสำเร็จจริงๆ

ความเป็นห่วงที่อาจารย์ประจำชั้นแสดงออกมาแทบจะเห็นได้ชัด ถ้าลูกชายพวกเขาไม่มีหวัง อาจารย์ประจำชั้นจะแสดงอาการแบบนี้เหรอ?

ฟางหยวนที่คิดว่าพี่ชายเธอโม้จำเป็นต้องเชื่อแล้วว่าเขาไม่ได้พูดเล่นจริงๆ

สาวน้อยเริ่มกังขาในชีวิต พี่ชายเธอจะสอบผ่านจริงเหรอ?

ฟางผิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของเธอ

…..

ไม่นาน พ่อแม่เขาก็ออกไปทำงาน ส่วนฟางหยวนก็ไปโรงเรียน

ฟางผิงอยู่บ้านคนเดียว

ชั้นบนเงียบมาก แต่ฟางผิงรู้ว่าผู้เช่ายังอยู่ในบ้าน

เจ้าโอตาคุ!

โอตาคุคนอื่นจะเข้าเว็บ ดูทีวีหรือทำอะไรอย่างอื่นตอนอยู่บ้าน

แต่ชายชั้นบน…ฟางผิงยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้เข้าเว็บหรือดูทีวี

เน็ตชั้นบนถูกตัดนานแล้ว แถมอีกฝ่ายยังไม่เคยเปิดดูทีวี

คนอย่างเขา ขณะอยู่บ้านคนเดียว เขาอาจทำอะไรแปลกๆอยู่ก็ได้

ฟางผิงสงสัยมากว่าอีกฝ่ายจะซ่อนตัวเองอยู่หลังหน้าต่างหรือเอาหูแนบพื้น พยายามดักฟังเขา

ฟางผิงไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธมีประสาทสัมผัสแข็งแกร่งขึ้นไหม และมันจะรวมถึงการได้ยินไหม ดังนั้นตอนอยู่บ้าน เขาจึงระวังคำพูด ไม่พูดอะไรผิดๆ

รวมถึงการไปตรวจสอบชั้นบนก่อนหน้านี้และการขอลาหยุด ฟางผิงทำอย่างเป็นระบบ ไม่ได้ทำอย่างกระทันหัน

เขาไม่ได้รีบไปข้างบนเพื่อหาโอกาส ฟางผิงเดินไปเดินมาในบ้าน เขาสวมเสื้อโค้ทแล้วยัดขวดเล็กๆไว้ในแขนเสื้อ หันฝาขาดไปทางฝ่ามือ

เขาทดลองกับถ้วยในบ้านสองสามครั้งจนรู้สึกว่าเขาเทของเหลวลงถ้วยจนคล่อง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ยาไร้กลิ่น แต่เขาไม่รู้ว่ามันมีรสชาติไหม

ฟางผิงรู้สึกกังวล เขาจึงเทผสมน้ำนิดนึงแล้วจิบไปเล็กน้อย

เขาใช้ปลายลิ้นลิ้มรส ทำให้มั่นใจว่าน้ำรสชาติเหมือนน้ำเปล่าปกติก่อนจะพ่นออกมาอย่างเร่งรีบ จากนั้นใบหน้าเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา

ไม่มีสี ไม่มีรสชาติ…มันดีกว่าที่เขาจินตนาการเสียอีก

ผู้ฝึกยุทธก็ยังเป็นมนุษย์ แม้ว่าพวกเขาจะรับรสได้ดีกว่า แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะค้นพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมผสมน้ำ

ฟางผิงไม่คิดว่าจะมีใครระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นแค่เด็กดีไม่เคยขัดคำสั่งอาจารย์

เขานอนอยู่บนเตียงสักพักจนถึงเก้าโมง จากนั้นเขาก็ลุกจากเตียงแล้วไปห้องครัว

เมื่อเขาเขามาในห้องครัว เขาก็หยิบกาต้มน้ำแล้วแสร้งโอดครวญกับตัวเอง “เอ๊ะที่บ้านไม่มีน้ำร้อน?”

“ไม่มีน้ำร้อน ฉันก็กินยาไม่ได้สิ!”

เขาถอนหายใจ หยิบยาเย็นๆกับแก้วแล้วเดินไปข้างนอก

…..

ชั้นสอง

ปัง! ปัง! ปัง!

หวงปินกำลังหาของในกระเป๋า เมื่อเขาได้ยินเสียงเคาะประตู สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป

เขารีบยัดกล่องในมือลงใต้โซฟา กลั้นหายใจและอยู่เงียบๆ

“คุณลุง อยู่บ้านไหม?”

มีเสียงดังมาจากนอกประตู หวงปินขมวดคิ้ว เป็นเจ้าหนูนั่นอีกแล้ว!

สีหน้าเขาแสดงความรำคาญอย่างชัดเจน เขาอยู่ที่นี่เพราะเขาไม่อยากข้องแวะกับผู้คน แต่เจ้าหนูนี่โผล่มาสองครั้งในสองวัน

เขาคิดว่าจะไม่ตอบ แต่หลังครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็ตะโกนตอบไป “อยู่! ฉันอยู่บ้าน!”

…..

นอกประตู

หวงปินเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม “เธอไม่ไปโรงเรียนเหรอ?”

ฟางผิงลูบหน้าผากแล้วกล่าวด้วยสีหน้าแสร้งทำเป็นทรมาณ “ผมไม่รู้ว่าเพราะช่วงนี้ผมเครียดไปไหม ผมรู้สึกเวียนหัว ผมเลยขอลาหยุดช่วงเช้า”

“คุณลุง ที่ห้องมีน้ำร้อนไหม?”

“ผมอยากกินยา แต่ที่บ้านไม่มีน้ำร้อน กว่าน้ำจะเดือดมันนาน ผมเลยขึ้นมาข้างบน…”

หวงปินเข้าใจ แต่เขาก็รำคาญ

เจ้าหนูนี่คิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกันและมาหาเขาตอนที่บ้านไม่มีน้ำร้อนงั้นเหรอ?

แม้ว่าเขาจะรำคาญ แต่หวงปินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันมีน้ำร้อน เข้ามาสิ”

“ขอโทษที่รบกวนนะครับคุณลุง”

“ไม่เป็นไร”

ทั้งสองคุยกันสักพักก่อนที่ฟางผิงจะเข้ามาในห้องพร้อมกับแก้วในมือ

หวงปินชี้ไปทางห้องครัว “กาต้มน้ำอยู่ตรงนั้น เธออยากให้ฉันช่วยไหม?”

“ไม่เป็นไรครับคุณลุง ผมทำเองได้” ฟางผิงโบกมืออย่างรวดเร็วและมองไปยังผ้าม่านที่ปิดลงครึ่งนึงอย่างลวกๆ “ห้องมืดไปหน่อย ผ้าม่านห้องคุณลุงดึงขึ้นไม่ได้เหรอ?”

“เปล่า…”

“โอ้ ผมคิดว่ามันพังซะแล้ว”

หวงปินพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิม ทำไมเจ้าหนูนี่ถึงยุ่งทุกเรื่อง?

หลังเจ้าหนูนี่พูดเตือน เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง การดึงผ้าม่านลงตอนกลางวันมันค่อนข้างไม่เหมาะสมจริงๆ

หวงปินไม่ได้ตามฟางผิงไปห้องครัว เขาเดินไปที่ระเบียงแล้วเปิดผ้าม่าน

ฟางผิงลอบถอนหายใจ เขาพิจารณาคำพูดเหล่านี้หลายพันครั้งอยู่ในหัว

หวงปินเป็นไปตามแผน a T แน่นอนเขามีแผนสำรองในกรณีที่หวงปินไม่อยากเดินไประเบียง

ตอนนี้อีกฝ่ายช่วยเขาลดปัญหาไปมาก

ฟางผิงไม่ได้ชักช้า เขาไปห้องครัว เทน้ำจากกาต้มน้ำจนเต็มแก้วแล้วหยิบขวดเล็กๆออกมาจากแขนเสื้อ เปิดฝาขวดแล้วเทของเหลวข้างในลงกาต้มน้ำ

หลังทำเสร็จ ฟางผิงก็ยัดขวดยาใส่กระเป๋าแล้วเดินออกมาพร้อมกับแก้วในมือ

เมื่อเขาเดินออกมาจากครัว หวงปินก็เปิดม่านแล้ว และกำลังเดินมาทางครัว

ฟางผิงไม่ได้ตื่นตระหนก อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ ถ้าอีกฝ่ายได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นเร็วเกินไป มันจะเป็นปัญหา

เมื่อหวงปินเดินมา ฟางผิงก็ชูแก้วแล้วยิ้ม “ขอบคุณครับคุณลุง”

“ไม่เป็นไร”

หวงปินไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาชะงัก เจ้าหนูนี่ควรออกไปหลังได้น้ำร้อนสิ

ใครจะรู้ล่ะว่าฟางผิงเหมือนไม่ได้สัมผัสถึงความร้อนใจของเจ้าของบ้าน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีเจตนาเดินจากไปไหนเลย

ฟางผิงไม่มีทางเลือก เนื่องจากไม่มีกล้องวงจรปิด เขาจะรู้ได้ยังไงว่าหวงปินดื่มน้ำผสมยาตอนไหน?

เขาได้แต่อยู่ในห้องรอดูอีกฝ่ายดื่มน้ำก่อนจะฉวยโอกาสนั้น

ถ้าเขาพลาดเวลาไปและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายดื่มน้ำตอนไหน ความพยายามของเขาจะสูญเปล่า

ต่อให้ชายคนนี้ไม่สงสัยตอนดื่มน้ำรอบแรก แต่เขาก็จะจับสังเกตได้ภายหลัง

มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง

นอกจากนี้ฟางผิงยังเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก…นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

สถานการณ์เหล่านี้จำเป็นให้ฟางผิงอยู่ในห้องจนกระทั่งเขาเห็นชายคนนี้ดื่มน้ำกับตาตัวเอง

ฟางผิงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเขา เขาถือแก้วจิบน้ำลงไปพร้อมกับยา จากนั้นเขาก็ถาม “คุณลุง ปกติคุณลุงอยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”

“อืม ครอบครัวฉันอยู่ในหมู่บ้าน ฉันมาทำงานเมืองหยางเฉิงคนเดียว”

ฟางผิงก่นด่าในใจ โกหกให้ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ? เห็นเขาโง่ขนาดนั้นเลยเหรอ?

เขาอ้างว่ามาทำงาน แต่ไม่ไปหางาน เขาเช่าบ้าน และกินอาหารหลายร้อยหยวนทุกวัน เขาคิดจริงๆเหรอว่าเขาไม่เคยเห็นคนชนชั้นแรงงานมาก่อน? ฟางผิงแสดงความเห็นใจ แต่ลอบก่นด่าในใจ “ลูกชายของคุณลุงต้องคิดถึงมากแน่”

“ผมก็เป็นแบบนั้น พ่อผมออกไปทำงานกลับบ้านดึก บางครั้งพอไม่เจอหน้าพ่อสักวันนึง ผมก็อดคิดถึงไม่ได้”

“โอ้ เดี๋ยวนะ คุณลุง ผมดูทีวีได้ไหม?”

“พ่อผมเอาสมาร์ทการ์ดออกจากทีวี พ่อบอกว่าผมไม่ควรดูทีวี เพราะผมเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสามแล้ว ผมเลยไม่ได้ดูทีวีมานาน”

สีหน้าของหวงปินเป็นสีเขียวคล้ำ เจ้าเด็กนี่หนังหน้าหนามาก!

มาขอน้ำเป็นเรื่องนึง อยากดูทีวีก็เป็นอีกเรื่อง

นี่ไม่ใช่การรุกล้ำใช่ไหม?

เมื่อพิจารณาว่าเจ้าหนูนี่ยังเด็กและไม่เข้าใจโลก หวงปินก็ข่มความใจร้อนแล้วกล่าว “ของฉัน…”

ก่อนที่เขาจะทันพูดจบ ฟางผิงก็เดินไปห้องนั่งเล่นแล้ว เขาหยิบรีโมตแล้วเปิดทีวี

เมื่อทีวีเปิด ฟางผิงก็กล่าวอย่างมีความสุข “คุณลุง ผมดูทีวีสักพักได้ไหม?”

“บัดซบ!”

หวงปินเกือบด่าแม่เจ้าหนูนี่ในใจแล้ว เขายังไม่ทันตอบตกลงด้วยซ้ำ แต่เจ้าเด็กนี่ก็เปิดทีวีและนั่งบนโซฟาแล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?

เขาอยากบอกเจ้าเด็กนี่ว่าทีวีเสีย แต่ตอนนี้เขาพูดอะไรได้?

เขาเล่นบทพลเมืองดี บวกกับไม่มีคนอื่นอยู่บ้าน เขาเลยไม่มีข้อแก้ตัวไล่เจ้าหนูนี่ออกไป

ถ้าเกิดเขาบอกไปว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอกล่ะ?

อย่างไรก็ตามเขาไม่อยากให้มีใครมาสนใจเขา ตอนนี้ยังเป็นช่วงเช้าอยู่ ถ้าเกิดหลังเขาออกไปข้างนอกแล้วมีคนจับตามองเขาล่ะ?

หลังครุ่นคิดเรื่องนี้สักพัก เขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มข่มกลั้นความหงุดหงิดในใจ “ไม่เป็นไร ถ้าเธออยากดู เธอก็ดูเลย”

“คุณลุงชอบดูฟุตบอลไหม? คุณลุงอยากดูกับผมไหม?”

“ไม่เป็นไร ฉันดูอะไรก็ได้”

หวงปินลอบถอนหายใจอีกครั้ง ก็ได้ เขาจะทนอีกสักพัก เดี๋ยวเจ้าหนูนี่ก็ไปโรงเรียนแล้ว

เจ้าหนูนี่บอกไม่ใช่เหรอว่าขอลาช่วงเช้า?

อย่างมากเจ้าเด็กนี่ก็แค่ดูจนถึงเวลาอาหารเที่ยง

หลังครุ่นคิดจนเสร็จ เขาก็นั่งบนโซฟา เหม่อมองทีวี เขาทำอะไรกับเจ้าหนูนี่ไม่ได้

เมื่อไหร่ชายคนนี้จะดื่มน้ำนะ?

เขาจะปลีกตัวไปทันทีหลังชายคนนี้ดื่มน้ำ สักยี่สิบนาทีเขาจะมาเคาะประตูอีกครั้ง

ยาควรออกฤทธิ์หลังผ่านไปยี่สิบนาที และแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่หมดสติ แต่ก็คงเป็นอัมพาต

หลังดูทีวีไปครึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายก็ยังไม่นึกถึงการดื่มน้ำ

ฟางผิงไม่มีทางเลือก เขาหยิบแก้วน้ำและลุกขึ้นยืน “คุณลุง ผมจะไปเอาน้ำเพิ่ม ผมหิวน้ำมาก ผมจะเอาแก้วมาฝากลุงด้วย”

ฟางผิงเข้าห้องครัวโดยไม่รอให้เขาปฏิเสธ

เขาไม่ได้เติมน้ำในแก้วทันที เขาถือกาต้มน้ำมาห้องนั่งเล่น เทน้ำใส่แก้วตัวเองแล้วเติมน้ำใส่แก้วตรงหน้าหวงปิน

หวงปินไม่ได้พูดอะไร เจ้าหนูนี่ทำตัวตามสบายเหลือเกิน ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากหลีกเลี่ยงความสนใจ เขาคงโยนเจ้าเด็กนี่ออกนอกหน้าต่างไปแล้ว

ฟางผิงไม่สนใจว่าอีกฝ่ายคิดยังไงกับเขา

เขาชำเลืองมองแก้วของหวงปินจากมุมสายตา ฟางผิงไม่ได้แตะต้องแก้วตรงหน้า เขาจดจ่อกับทีวีราวกับลืมเรื่องดื่มน้ำโดยสมบูรณ์

ผู้คนได้รับผลกระทบจากการชี้นำทางจิตวิทยาอย่างง่ายดาย

ถ้าไม่มีน้ำอยู่ตรงหน้าคุณ คุณอาจไม่คิดถึงน้ำดื่ม

อย่างไรก็ตามถ้ามีคนเทน้ำให้คุณ ต่อให้คุณไม่กระหายน้ำ คุณก็อาจหยิบขึ้นมาจิบ

ฟางผิงเทน้ำต่อหน้าหวงปินอย่างจงใจเพื่อทำให้เกิดการชี้นำทางจิตวิทยา

ฟางผิงไม่เป็นไร เพราะเขาเบี่ยงเบนความสนใจโดยดูทีวี แต่เห็นได้ชัดว่าหวงปินไม่มีอารมณ์ดูทีวี ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรทำ การจิบน้ำจะช่วยลดความเบื่อหน่ายของเขา

ไม่กี่นาทีต่อมา หวงปินก็ขยับร่างกายแล้วเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำโดยไม่ได้ตั้งใจ

ฟางผิงรู้สึกว่าหัวใจเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่

เพื่้อปกปิดความผิดปกติ เขาพึมพำกับทีวี “ทำไมไม่ได้คะแนนสักที? เร็วเข้า ยิงเลย!”

อันที่จริงฟางผิงระวังตัวมากเกินไป

หวงปินต้องระวังคนมากมาย กรมสืบสวน ผู้ฝึกยุทธคนอื่น และคนอื่นๆที่น่าสงสัย ฟางผิงไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเป็นแค่วัยรุ่น เป็นแค่นักเรียน

เขาไม่ได้มีปัญหากับเจ้าเด็กนี่ แม้ว่าเขามีความคิดกำจัดเจ้าเด็กนี่ แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงมือใช่ไหมล่ะ?

ทำไมเจ้าหนูนี่ถึงวางอุบายจัดการเขาภายใต้สถานการณ์แบบนี้ล่ะ?

อย่าพูดถึงหวงปินเลย ต่อให้เป็นคนอื่นก็คงคิดเห็นเหมือนกัน

หวังจินหยางมาเยือนโรงเรียนฟางผิง ถ้าฟางผิงกับคนอื่นๆเลี้ยงเครื่องดื่มต้อนรับเขา เขาจะสงสัยเหรอว่ามีคนวางยาพิษเขาในเครื่องดื่ม?

ถ้าเขาสงสัยทุกคนตลอดเวลา เขาคงเป็นโรคจิตหวาดระแวงไปแล้ว

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมาตรการหลายๆอย่างของฟางผิงถึงไม่จำเป็น

หวงปินไม่ได้สงสัยเลย เขายกแก้วขึ้นมาดื่มไปอึกใหญ่ๆ

ผู้ฝึกยุทธไม่ได้ดื่มน้ำเหมือนผู้หญิง พวกเขาไม่ได้จิบแค่อึกเล็กๆ

หลังดื่มไปอึกใหญ่ น้ำในแก้วก็หายไปกว่าครึ่ง

ฟางผิงไม่ได้อยู่ต่อ จู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา “เชี่ย ผมลืมปิดแก๊ส คุณลุง ผมจะไปชั้นล่างแล้วครับ”

หวงปินกระตือรือร้นให้เจ้าหนูนี่ออกไปมาก เขายิ้ม “โอเค ถ้าว่างก็มาเล่นด้วยกันบ่อยๆนะ”

“ขอบคุณครับคุณลุง ผมปิดแก๊สเสร็จ ผมจะกลับมาใหม่”

“…”

หวงปินอยากตบหน้าตัวเองสักป๊าบ สมองเขามีแต่ขี้เลื่อยรึไงถึงได้พูดอะไรไม่เข้าท่าแบบนั้นทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหนูนี่ไม่สนใจบรรทัดฐานทางสังคม? น่าเสียดายบนโลกนี้ไม่มียาแก้ความเสียใจ

หวงปินฝืนพูดตามมารยาทสองสามคำก่อนที่ฟางผิงจะรีบลงไปข้างล่าง

หลังฟางผิงเดินไป หวงปินก็บีบขมับ เขารู้สึกปากแห้ง เขาจึงดื่มน้ำเข้าไปอีกอึก

เขาส่ายหน้าและไม่สนใจฟางผิงอีก เขาเอากล่องออกจากใต้โซฟาที่เขายัดไว้

เมื่อพิจารณาว่าเจ้าเด็กนี่จะมาหาเขาอีก เขาจึงหยิบกล่องเข้าไปในห้องเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเด็กนี่เห็น

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Global Gaowu, Global Martial Arts, Quan Qiu Gao Wu, Toàn Cầu Cao Võ, WBMA, 全球高武
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2018 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง World’s Best Martial Artist เรื่องย่อ ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว! หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย! นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ “สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?” อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset