ตอนที่ 20 องค์หญิงเก้าที่กำลังกวาดพื้นอยู่
“องค์หญิงเก้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ลู่อู๋ซวงมองหลิวฉางเหออย่างฉงน ก่อนเอ่ยเสียงเรียบว่า “องค์หญิงเก้าที่ท่านเอ่ยถึงคือองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยน เยี่ยนปิงซิน? ”
“ถูกแล้ว”
ต่อหน้าผู้ที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนทั้งสองคน อีกทั้งตบะการบำเพ็ญเพียรของหนึ่งในนั้นก็ล้ำลึกอย่างมาก ทำให้หลิวฉางเหอมิกล้าปิดบังใด ๆ
นักพรตฉางเสวียนได้ยินก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะกล่าวอย่างมิแยแสว่า “เป็นถึงองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยนคงจะรู้ข้อตกลงระหว่างแคว้นต้าเยี่ยนและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนดีกระมัง ? ”
“ท่านเซียนท่านเข้าใจผิดแล้ว”
หลิวฉางเหอเหลือบมองนักพรตฉางเสวียนด้วยความหวาดกลัว “ความจริงแล้วพวกเราและองค์หญิงเก้า เดินทางผ่านมายังเมืองชิงเหอที่อยู่มิไกลจากเมืองเสี่ยวฉือ พวกเราได้พักค้างแรมที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง แต่เช้าวันต่อมา จู่ ๆ องค์หญิงเก้ากลับหายตัวไป”
“บนกายขององค์หญิงเก้านั้นมียันต์พิเศษของจวนผู้กล้าอยู่ พวกเราจึงใช้ยันต์อีกแผ่นออกตามหาจนมาถึงที่นี่โดยบังเอิญ”
เอ่ยถึงตรงนี้หลิวฉางเหอก็ประสานมือคาราวะอีกครั้ง พลางเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “องค์หญิงเก้าเป็นพระธิดาที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานที่สุด เพราะมีความจำเป็นจริง ๆ ข้าจึงได้บุกเข้ามาที่นี่โดยพลการ”
“แต่เมื่อมาถึงที่นี่ มิรู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ การเชื่อมโยงระหว่างยันต์ทั้งสองแผ่นก็ถูกตัดขาด พวกเราจึงต้องใช้วิธีสืบหาข่าวขององค์หญิงเก้าด้วยตัวเองแทน”
นักพรตฉางเสวียนจ้องเขม็งไปที่หลิวฉางเหอ เห็นเพียงสีหน้าจริงจัง อีกทั้งระหว่างที่พูดก็มิได้มีท่าทีหลบเลี่ยงสายตาแต่อย่างใด
‘ที่หลิวฉางเหอพูดมาคงจะเป็นเรื่องจริง’
‘หรือว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะวางกลไกสกัดกั้นบางอย่างไว้ ที่แม้แต่ข้าก็มิอาจสัมผัสได้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
นักพรตฉางเสวียนซึมซับความรู้สึกรอบ ๆ กายครู่หนึ่ง แม้จะรู้สึกถึงทิศทางที่คลื่นปราณมากมายไหลเวียน แต่กลับมิรู้สึกถึงไอสกัดกั้นใด ๆ
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เจ้าสำนักผู้เปี่ยมไปด้วยพลัง รู้สึกตระหนกและเลื่อมใสมากขึ้นไปอีก
‘คิดมิถึงว่าผู้อาวุโสท่านนั้นจะวางกลไกสกัดกั้นที่ล้ำลึกเช่นนี้’
‘ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’
‘เขาเป็นคนเช่นไรกันแน่นะ ! ’
“ที่นี่เป็นแดนจิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเรา มีเพียงชาวบ้านธรรมดาอาศัยอยู่ ทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งเร้นกายอยู่ที่นี่ด้วย หากองค์หญิงเก้าอยู่ที่นี่จริง ๆ คงเป็นเพราะนางมิยอมจากไปเอง หาใช่เพราะถูกคนจับตัวเอาไว้ไม่”
นักพรตฉางเสวียนเอ่ยกับหลิวฉางเหอ หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง “เช่นนั้นจงนำคนของเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ หรือไม่ก็ไปเฝ้าที่นอกเมืองเสี่ยวฉือแทน”
“คือ…”
ทันทีที่ได้ยินหลิวฉางเหอก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะมีท่าทีอึกอัก
‘หากคิดดูดี ๆ แล้ว พวกเขาบุ่มบ่ามเกินไปจริง ๆ พวกเขามิควรบุกเข้ามาที่นี่เอง อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นคนของราชวงศ์ต้าเยี่ยน แต่หากหาตัวองค์หญิงเก้ามิพบ พวกเขาจะกลับไปรายงานเรื่องนี้อย่างไรกัน ? ’
หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง หลิวฉางเหอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกข้าจะไปรอองค์หญิงเก้าอยู่นอกเมืองเสี่ยวฉือก็แล้วกัน”
“แคร๊ก ๆๆ ! ”
ขณะที่หลิวฉางเหอหมุนตัวเตรียมจากไปนั้น สตรีผู้งดงามนางหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าประตูร้านขายของชำที่อยู่มิไกลนัก
อีกทั้งในมือยังถือไม้กวาด และกำลังกวาดพื้นอยู่ตรงหน้าร้านขายของชำอีกด้วย
“องค์หญิงเก้า ! ”
หลิวฉางเหอที่บังเอิญเห็นสตรีผู้นั้น และเพียงมองแวบเดียวก็จำได้แล้ว ก่อนจะร้องเรียกขึ้นด้วยความโมโห พร้อมทั้งเหลือบมองไปยังนักพรตฉางเสวียนผู้มีตบะแก่กล้า
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าที่นี่มีเพียงชาวบ้านธรรมดา ทั้งยังมียอดฝีมืออะไรอยู่ที่นี่ด้วยมิใช่หรือ องค์หญิงเก้ามิมีทางถูกคนจับตัวมาแน่”
“แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน ? ”
“นางเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นต้าเยี่ยน ทั้งยังเป็นองค์หญิงเก้าที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด แต่บัดนี้กลับมากวาดพื้นอยู่ที่นี่เนี่ยนะ ! ”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลิวฉางเหอ สีหน้าของนักพรตฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ’
‘เหตุใดองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นต้าเยี่ยนถึงมาอยู่ที่หน้าร้านของท่านผู้อาวุโส อีกทั้งยังกวาดพื้นเช่นนี้ด้วย’
‘หรือว่าจะถูกผู้อาวุโสจับตัวไว้ที่นี่จริง ๆ เยี่ยงนั้นหรือ ? ! ’
‘แต่เพราะเหตุใดกันเล่า ? ’
‘ผู้ที่บำเพ็ญเพียรเช่นผู้อาวุโส ตามหลักแล้วมิน่าจะทำเช่นนี้นี่นา’
‘หรือว่ามีเหตุผลอะไรพิเศษเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
คิดถึงตรงนี้นักพรตฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงจึงสบตากัน จากนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หลิวฉางเหอแค่นเสียง “หึ ! ” ออกมา ก่อนจะเดินตรงไปยังร้านขายของชำ
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนสืบทอดกันมาหลายแสนปี มีภูมิหลังที่น่าอัศจรรย์ก็จริง แต่แคว้นต้าเยี่ยนก็เป็นแคว้นเก่าแก่เช่นกัน”
“มิว่าจะเป็นภูมิหลังหรือพลังอำนาจ หาได้ต้อยต่ำกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไม่”
“การที่องค์หญิงเก้าถูกจับมาที่นี่ ทั้งยังทำงานชั้นต่ำเช่นนี้ พวกท่านดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนควรมีคำอธิบายให้ข้ามิใช่หรือ ? ”
สีหน้าของหลิวฉางเหอที่กำลังโกรธขึ้นตอนนี้จึงดูมิสู้ดีเท่าไรนัก
เวลานี้นักพรตฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงได้เดินตามหลังหลิวฉางเหอไปติด ๆ ขณะเดินไปทางประตูร้านขายของชำ
“องค์หญิง ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่ทำให้ท่านต้องมาลำบากเช่นนี้”
หลิวฉางเหอรีบเดินมาที่หน้าร้านขายของชำ พร้อมกับโค้งกายให้แก่สตรีผู้นั้น
และสตรีที่กำลังกวาดพื้นผู้นั้นก็คือ เยี่ยนปิงซิน จริง ๆ
เยี่ยนปิงซินที่ได้ยินก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหลิวฉางเหอทันที
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? ” หลังจากเยี่ยนปิงซินเห็นหลิวฉางเหอ ใบหน้าของนางหาได้มีความยินดีแม้แต่น้อยไม่ แต่กลับมีสีหน้ามิพอใจแทน
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น นางได้เหลือบมองเข้าไปในร้านอย่างระแวดระวังอีกด้วย
“องค์หญิง ข้าน้อยมาพาท่านไปจากที่นี่พะยะค่ะ”
หลิวฉางเหอเงยหน้าขึ้นมองเยี่ยนปิงซิน พร้อมแววตาอาฆาตที่เผยออกมา ก่อนจะเอ่ยว่า “ผู้ใดกล้าจับตัวท่านมา ข้าน้อยจะ…”
“หุบปาก ! ”
พูดยังมิทันจบเยี่ยนปิงซินก็รีบขัดขึ้นมาทันที “ท่านหลิว ท่านรู้หรือไม่ว่าใครพำนักอยู่ที่นี่ ท่านกล้าพูดจาใหญ่โตเช่นนี้ หรืออยากจะนำภัยพิบัติมาสู่แคว้นต้าเยี่ยนที่ยั่งยืนมาหลายหมื่นปีเยี่ยงนั้นหรือ ? ! ”
“องค์หญิง ท่านหมายความว่าเยี่ยงไรพะยะค่ะ ? ”
หลิวฉางเหอรู้สึกฉงนยิ่งนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเยี่ยนปิงซินแล้วดูมิเหมือนกำลังล้อเล่นแต่อย่างใด หลิวฉางเหอจึงอดที่จะมองเข้าไปด้านในร้านขายของชำมิได้
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป พร้อมกับมีท่าทีตื่นตระหนกและหวั่นเกรง
เพราะคลื่นปราณที่ปกคลุมทั้งเมืองเสี่ยวฉือนั้น ล้วนมาจากร้านขายของชำแห่งนี้ทั้งสิ้น
‘หรือว่าสิ่งนี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าของร้านนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ’
“ท่านช่างพูดจาใหญ่โตเสียจริง ! ”
ระหว่างที่หลิวฉางเหอกำลังสับสนอยู่นั้น นักพรตฉางเสวียนก็เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าเจ้าของร้านนี้เป็นผู้ใดกัน ? ถึงได้กล้าพูดจาวางอำนาจ ช่างน่าขันนัก ! ”
หลิวฉางเหอขมวดคิ้วมุ่น ไอสังหารที่แผ่ออกมาในตอนแรกมลายหายไปสิ้น ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พลางหันไปมองนักพรตฉางเสวียนที่อยู่ทางด้านหลัง
‘ถึงขนาดทำให้ผู้ที่ตบะการบำเพ็ญเพียรล้ำลึกเช่นนี้เกรงกลัวได้ เจ้าของร้านนี้เป็นคนเช่นไรกันแน่นะ ? ’
‘น่าเหลือเชื่อ ! ’
‘คาดมิถึงจริง ๆ ! ’
คิดถึงตรงนี้หลิวฉางเหอก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
เยี่ยนปิงซินหันไปมองนักพรตฉางเสวียนและลู่อู๋ซวง ก่อนเอ่ยถามด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ที่แท้พวกท่านก็รู้จักท่านเย่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“ท่านเย่ ? ”
นักพรตฉางเสวียนและลู่อู๋ซวงมีสีหน้าสงสัยขึ้นมาทันที จนอดมิได้ที่จะประสานสายตากัน
‘หรือว่าองค์หญิงเก้าท่านนี้จะเป็นศิษย์ของท่านผู้อาวุโสแล้วอย่างนั้นหรือ ? ’
‘ช่างมีวาสนายิ่งนัก น่าอิจฉาเหลือเกิน’
คิดได้ดังนั้นสีหน้าของนักพรตฉางเสวียนก็อ่อนลง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน พลางถามพร้อมรอยยิ้มว่า “มิทราบว่าท่านเย่อยู่หรือไม่ ? ”
เยี่ยนปิงซินยิ้มพรายออกมา “อยู่สิ แต่ว่าท่านเย่กำลังวาดภาพอยู่”