ตอนที่ 23 ขอบคุณ
จ้าวหลานตื่นตั้งแต่เช้า นางเห็นไป๋จื่อยังหลับอยู่ จึงคิดจะลงจากเตียงไปเตรียมน้ำล้างหน้าให้นางเงียบๆ ทว่าเพิ่งจะลงถึงพื้น ไป๋จื่อก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ขยี้ตาพลางกล่าวว่า “ท่านแม่พักเถอะ ข้าจะไปตักน้ำเอง”
“ไม่ต้องๆ เจ้านอนต่ออีกหน่อย มือซ้ายของข้ายังใช้ได้ มีแรงอยู่ แค่ตักน้ำกะละมังเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
“โธ่ท่านแม่…ท่านฟังข้านะ กะละมังไม้นี้หนักมาก มือข้างเดียวของท่านจะถือไหวได้อย่างไร รีบนั่งลงเถิด ข้าจะไปตักน้ำเอง” นางยกกะละมังไม้กำลังจะออกไป ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอกพอดี
ครั้นเปิดประตูไปดู ก็พบว่าเป็นอิงจื่อและมารดาของนาง
“ท่านน้ามาหาข้าหรือ” ไป๋จื่อกวาดสายตามองอิงจื่อที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่ายครั้งหนึ่ง ในมือของอิงจื่อถือตะกร้าไม้ไผ่อยู่ใบหนึ่ง บนนั้นมีผ้าคลุมไว้ ข้างในใส่อะไรบางอย่างไว้ด้วย
มารดาของอิงจื่อเบียดเข้ามาในเรือน นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไป๋จื่อ เมื่อวานเจ้าช่วยชีวิตอิงจื่อไว้ พวกข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย เมื่อครู่ไปสกุลไป๋มา พวกเขาบอกว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจึงมาหา”
ไป๋จื่อยิ้ม ทั้งยังโบกมือ “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเจ้าค่ะ เป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน เพียงแค่ช่วยเหลือกันเท่านั้น”
อีกฝ่ายยิ้ม “สำหรับเจ้าอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับพวกข้าแล้ว เจ้าเป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตอิงจื่อไว้ ข้าพูดจาด้วยคำสวยหรูไม่เป็นหรอก เอาเป็นว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป หากพวกเจ้าสองแม่ลูกต้องการความช่วยเหลือ ได้โปรดเอ่ยปากกับข้า ขอเพียงข้าทำให้ได้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธ”
“เช่นนั้นดีเหลือเกินเจ้าค่ะ ต่อไปข้าต้องหาเรื่องลำบากท่านน้าให้มากๆ หน่อยแล้ว” ไป๋จื่อพูดพลางยิ้มแป้น
มารดาของอิงจื่อเห็นนางพูดจาอย่างสบายๆ ในใจก็รู้สึกเบิกบานเช่นกัน เหตุใดก่อนหน้านี้นางถึงไม่รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดูเช่นนี้
นางรับตะกร้าไม้ไผ่จากในมือของอิงจื่อ แล้วนำไปวางบนแผ่นไม้ที่จ้าวหลานนั่งอยู่ ทั้งยังพูดยิ้มๆ ว่า “พวกข้าเป็นคนในป่าเขา ไม่มีของดีอะไรเท่าไร พวกเจ้าสองแม่ลูกได้รับบาดเจ็บทั้งตัวเช่นนี้ คนสกุลไป๋ก็ขี้เหนียวเสียเหลือเกิน ดูแล้วคงสร้างความลำบากให้พวกเจ้าแน่นอน ในบ้านของข้าเลี้ยงแม่ไก่ไว้หลายตัว ออกไข่ออกมาจำนวนหนึ่ง จึงนำมาให้พวกเจ้าสองแม่ลูกเล็กน้อย ให้พวกเจ้าบำรุงร่างกาย จะได้หายเร็วขึ้นสักหน่อย”
คนในป่ายากจน จะกินเนื้อได้ก็ต่อเมื่อเป็นช่วงตรุษจีน อาหารประเภทเนื้อสัตว์ในชีวิตประจำวันก็อาศัยไข่ไก่นี่แหละ บ้านไหนๆ ก็ซ่อนมันไว้ราวกับของมีค่าก็ไม่ปาน
จ้าวหลานรีบปฏิเสธ “แม่อิงจื่อ เจ้านำไข่ไก่นี้กลับไปเถอะ ข้าจะรับสิ่งของของเจ้าได้อย่างไร น่าอายนัก”
“น่าอายอะไรกัน ไข่ไก่พวกนี้ล้วนออกมาจากไก่ของบ้านข้า ในบ้านของข้ายังมีอยู่อีก พวกเจ้ากินอย่างวางใจเถอะ” มารดาของอิงจื่อกล่าว
ไป๋จื่อยิ้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วเจ้าค่ะ ถือเสียว่าพวกข้าหยิบยืมมา วันหน้าเมื่อพวกข้ามีเงินใช้เหลือเฟือ ย่อมต้องคืนให้พวกท่าน”
มารดาของอิงจื่อหัวเราะพลางพยักหน้า “ได้ ถือเป็นอันตกลงกันแล้วนะ”
หลังจากนางกล่าวอีกสองประโยค ก็ถึงจะพาอิงจื่อจากไป
ทั้งสองคนเพิ่งไป ไป๋จื่อก็รีบเปิดผ้าคลุมตะกร้าไม้ไผ่ เห็นเพียงไข่ไก่อย่างน้อยสิบกว่าฟองวางอยู่ด้านใน ตรงหน้าปรากฏภาพของไข่ดาวขึ้นมาในทันที ทำเอานางต้องกลืนน้ำลายเลยทีเดียว
คิดดูแล้วก็อับอายจนเหงื่อตกเช่นกัน นางเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ยี่สิบสาม มีเงินเดือนหลายล้าน นับเป็นคนเก่งในหมู่คนเก่ง มีสิ่งใดที่อร่อยแล้วยังไม่เคยกินบ้าง ทว่าบัดนี้กลับกลืนน้ำลายให้กับไข่ไก่ตรงหน้า
“ท่านแม่ พวกเราต้องซ่อนไข่ไก่นี้ให้ดี เมื่อครู่มารดาของอิงจื่อไปที่สกุลไป๋มา คนสกุลไป๋ย่อมต้องรู้ว่านางนำของมาให้ คนนิสัยเช่นพวกเขา อาจจะตามมาเพื่อนำข้าวของไปก็ได้ ไข่ไก่พวกนี้ จะให้พวกเขาไปไม่ได้แม้แต่ฟองเดียว”
จ้าวหลานมองเรือนหลังเล็กที่ว่างเปล่าไปทั้งสี่มุม สีหน้าขมขื่นนัก “ทว่าที่แห่งนี้ออกจะใหญ่โต จะนำไปซ่อนไว้ที่ใดเล่า”
……….
ตอนที่ 24 เทือกเขาลั่วอิง
นางจำได้ว่าปีก่อนนางไปเก็บผักป่า ระหว่างทางหลับมาเห็นองุ่นป่าด้วย จึงเก็บกลับมาจำนวนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เยอะมาก นางเกรงว่านำกลับไปที่เรือนใหญ่แล้วจะไม่พอแบ่ง จึงซ่อนไว้ในเรือนเล็ก ครั้นตกกลางคืนคนในเรือนใหญ่หลับกันแล้ว ถึงค่อยนำออกมาให้จื่อเอ๋อร์กิน
ใครจะรู้ว่ามีเด็กหนุ่มปากมากในหมู่บ้านเห็นที่นางเก็บองุ่นป่าเข้า ยังไม่ทันตกดึกเขาก็ไปบอกไป๋เสี่ยวเฟิง เจ้าเด็กนั่นลากพี่น้องสกุลไป๋พวกนั้นมา เกือบจะถล่มเรือนเล็กของนางจนพังพินาศ จนกระทั่งหาองุ่นป่าพบแล้วถึงจะยอมเลิกรา และเพราะเรื่องนี้เอง นางยังถูกแม่สามีต่อว่าไปตั้งครึ่งค่อนเดือน
ทั้งสองคนกำลังปรึกษาว่าควรซ่อนอย่างไร หูจ่างหลินก็ยกชามเขามา
“พวกเจ้าสองแม่ลูกกำลังทำอะไรกันอยู่หรือ” หูจ่างหลินเข้ามาในเรือนพร้อมเสียงหัวเราะ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่ากำลังอารมณ์ดี
ไป๋จื่อคิดหาหนทางได้ในทันที นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านลุงหู เมื่อครู่อิงจื่อกับแม่ของนางนำไข่ไก่มาให้ พวกข้ากำลังกลัดกลุ้มเพราะไม่รู้จะวางไว้ที่ใด หรือจะไปวางในในบ้านของท่านเสียเลย สุดท้ายแล้วจะได้ไม่ตกไปอยู่ในมือของคนสกุลไป๋”
หูจ่างหลินร้องอ๋อเสียงหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยความแปลกใจ “นางก็นำไข่ไก่มาให้พวกเจ้าหรือ”
เด็กสาวพยักหน้า “เมื่อวานหูเฟิงงมอิงจื่อขึ้นมาไว้บนฝั่ง ข้าก็เข้าไปช่วยเล็กน้อย นางจึงนำไข่ไก่มาให้พวกข้า”
หูจ่างหลินส่งชามที่ถือไว้ให้นาง พลางยิ้มว่า “ดูสิ นี่เป็นไข่ไก่ที่นางให้เหมือนกัน ข้าต้มไว้หลายลูก เลยนำมาให้พวกเจ้าสองแม่ลูกเสียสองลูก รีบกินตอนที่ยังร้อนเถิด”
ไป๋จื่อรับไว้ด้วยความยินดี ถึงอย่างไรตนเองก็มีไข่ไก่ และกำลังวางแผนจะนำไปวางไว้ในบ้านของเขา นางไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยแล้ว
นางหันไปมองแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลอดชั้นเมฆข้างนอกนั่น จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “ท่านลุงหู ภูเขาที่อยู่ใกล้หมู่บ้านหวงถัวของเราที่สุดคือลูกใดหรือ”
ลุงหูกล่าวโดยไม่ต้องคิด “พวกเรามีเทือกเขาลั่วอิงที่เชื่อมต่อกันไม่ขาดตอน ราวกับมังกรขนาดยักษ์ที่มีต้นไม้เกิดขึ้นบนตัวมากมายจุติบนโลก ได้ยินว่าอีกด้านหนึ่งของเทือกเขาลั่วอิงอยู่ในเขตแดนของราชวงศ์โจว”
ไป๋จื่อยิ้ม “เช่นนั้นหากราชวงศ์โจวอยากบุกแคว้นฉู่ของพวกเรา เพียงข้ามเทือกเขามาก็ได้แล้วสิเจ้าคะ”
ลุงหูโบกมือ “ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น ได้ยินว่าลึกเข้าไปในเทือกเขาอันตรายมาก มีสัตว์ป่าดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าผู้ใดเข้าไปในเทือกเขาลึก ล้วนไม่มีชีวิตรอดกลับมา ในนั้นเป็นหนทางสู่ความตายตามคำบอกเล่าของคนโบราณ ถึงแม้จะเป็นกองทัพใหญ่ ก็ไม่กล้าเข้าไปเสี่ยงอันตายโดยไม่คิดหรอก”
“เช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปยังเทือกเขาลั่วอิงเลยหรือเจ้าคะ” ไป๋จื่อขมวดคิ้ว
ลุงหูส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก ไม่มีใครกล้าไปยังเทือกเขาลึก ทว่ายังมีคนไปบริเวณรอบนอกอยู่ มีพรานใจกล้าบางคนไปล่าสัตว์ที่รอบนอกเทือกเขาด้วย ก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนเข้าไปเก็บสมุนไพร เพราะมีสมุนไพรดีๆ อยู่บนเขามากมาย ทว่าก็มีอันตรายให้ได้พบเห็นทุกที่ไป หมอหลายคนเข้าไปเก็บสมุนไพรต้องเสียชีวิต ตอนนี้จึงมีคนเข้าไปเก็บสมุนไพรที่นั่นน้อยยิ่ง”
จ้าวหลานมองท่าทางครุ่นคิดของไป๋จื่อ รีบถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงถามเรื่องพวกนี้”
“ข้ากำลังจะไปเก็บผักป่าพวกนั้นกลับมา และคิดว่าจะถือโอกาสหาดูว่ามีสมุนไพรที่ข้ารู้จักหรือไม่ เมื่อวานพูดกับท่านหมอลู่ไว้แล้ว ขอเพียงข้าหาสมุนไพรได้ เขาจะช่วยข้านำมันไปขายที่ร้านยาในอำเภอ” ไป๋จื่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
ลุงหูกวาดสายตามองรูปร่างผอมบางของไป๋จื่อ ก่อนจะพูดอย่างเบิกบานใจ “เอาอย่างนี้ เมื่อวานหูเฟิงกล่าวว่าจะเข้าไปล่าสัตว์ในเขา เดิมทีคิดไว้ว่าวันนี้ตามข้าไปปลูกถั่วลิสงเสร็จแล้วค่อยไป เช่นนั้นข้าจะไปปลูกถั่วลิสงเพียงลำพัง แล้วให้หูเฟิงพาเจ้าเข้าไปในเขา หากเป็นเช่นนี้พวกข้าจะได้วางใจลงได้บ้าง”
ไป๋จื่อรู้สึกอบอุ่นใจเล็กน้อย ลุงหูช่างเป็นคนดีนัก เขาคิดเผื่อนางอย่างรอบคอบโดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน