ตอนที่ 53 ใครกล้าทำนาง
จ้าวหลานตกตะลึงตาค้าง “จื่อเอ๋อร์ เจ้าทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร ผู้ใดสอนเจ้ากัน” ตั้งแต่วันนั้นที่จื่อเอ๋อร์ตายแล้วฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นเด็กสาวก็เปลี่ยนไป ราวเป็นคนอีกคนหนึ่งก็ไม่ปาน
ไป๋จื่อส่ายหน้าให้มารดา “ท่านแม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องเหล่านี้นะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวข้าค่อยบอกท่านก็ได้ พวกเรารักษาบาดแผลกันก่อนเถิด”
หมอลู่ก็ตื่นจากภวังค์ความตกใจ แม้เขาจะไม่เชี่ยวชาญวิชาฝังเข็ม ทว่ากลับเคยได้ยินว่ามีวิชาฝังเข็มชนิดหนึ่ง สามารถทำให้คนไข้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ชั่วคราว ขณะเดียวกับที่ลดความเจ็บปวดให้คนไข้ ก็สร้างเงื่อนไขให้การรักษาที่ดียิ่งขึ้นได้ เรียกว่าวิชาฝังเข็มให้ชา
วิชาฝังเข็มนี้ แต่ไหนแต่ไรเขาเพียงเคยได้ยินเท่านั้น คนที่สามารถทำได้จริง มีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
ทว่าเด็กสาวอายุเพียงสิบสองปีเบื้องหน้านี้ นางทำได้อย่างไร
“ท่านหมอลู่ อย่าเหม่อสิเจ้าคะ รีบจัดกระดูกให้แม่ข้าเร็ว” หากไม่ใช่เพราะตอนนี้นางไม่สะดวกลงมือ นางคนจะรักษาเสร็จอย่างรวดเร็วตั้งนานแล้ว ยังต้องรอถึงตอนนี้หรือ
หมอลู่รู้ดีแก่ใจว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาถาม จึงรีบคำเสียงหนึ่ง แล้วรีบหยิบสิ่งของออกมาจากในล่วมยา แล้วเริ่มลงมือรักษา
ขณะที่ทางหมอลู่กำลังรักษาอยู่ หญิงชราสกุลไป๋ที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังส่งเสียงเอะอะ ทว่าจู่ๆ นางก็มองไปทางจ้าวหลานครั้งหนึ่ง ครั้นเห็นว่าหมอลู่พันแผลให้จ้าวหลานแล้ว นางก็โมโหและร้องเสียงดังขึ้นมา “ใครให้เจ้ารักษานาง ข้าวบอกให้เจ้ารักษานางตั้งแต่เมื่อใด”
ไป๋จื่อก้าวมาข้างหน้า ขวางเบื้องหน้าของท่านหมอลู่ไว้ เพื่อไม่ให้หญิงแก่ผู้นี้ทะเล่อทะล่า บ้าคลั่งเข้าไปลงมือทำลายสิ่งที่หมอลู่กำลังทำอยู่
“ท่านย่า แม่ของข้าบาดเจ็บจนมีสภาพเป็นเช่นนี้ รักษาให้นางไม่ใช่สิ่งที่สมควรแล้วหรอกหรือ”
หญิงชราแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “ควรหรือไม่ข้าไม่รู้ ทว่าข้าขอบอกเจ้าให้ชัดเจน ข้าไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาให้แม่เจ้า เมื่อวานใช้เงินข้าไปสองตำลึงแล้ว วันนี้หากนางตาย ก็อย่าคิดว่าข้าจะควักให้สักแดงเดียว”
“ท่านย่า ไม่ว่าจะเมื่อวานหรือวันนี้ พวกท่านก็เป็นคนทำให้ท่านแม่ของข้าบาดเจ็บ ท่านไม่ให้รักษา เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะไปฟ้องทางการในเมืองเดี๋ยวนี้ เมื่อวานเป็นท่านและท่านป้าสะใภ้ใหญ่ลงมือ วันนี้เป็นท่านลุงใหญ่ลงมือ ข้าอยากจะดูว่า ท่านผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไร”
เมื่อหญิงชราได้ฟังคำพูดนี้ นางพลันโกรธจนคว้าเครื่องมือจะเข้าไปตีไป๋จื่อ
หูเฟิงที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็ยื่นมือออกมาคว้าเครื่องมือในมือของหญิงชราไว พลางกล่าวเสียงทุ้มว่า “ทำอะไร คิดฆ่าคนปิดปากหรือ”
หลิวซื่อย่อมต้องการช่วยแม่สามี แม้นางจะไม่กล้าลงมือกับหูเฟิง ทว่าฝีปากยังคงกล้าดังเดิม นางเพียงโก่งคอร้องว่า “ดูสิดู ยังพูดได้อีกหรือว่าบริสุทธิ์ใจกับนางเด็กนี้ อะไรก็ล้วนแล้วแต่ช่วยเหลือ กล้าออกหน้าแทนนางในสกุลไป๋ของพวกข้าเช่นนี้แล้ว เจ้าว่าพวกเจ้าสองคนบริสุทธิ์ใจ แล้วผู้ใดจะเชื่อ”
ชายหนุ่มไม่สนใจคำกล่าวให้ร้ายของหลิวซื่อสักนิด เขาขยับฝ่ามือเล็กน้อย แย่งเครื่องมือในมือของอีกฝ่ายมา แล้วกล่าวเสียงขรึม “มีข้า หูเฟิงอยู่ด้วย ใครกล้าทำนาง พวกเจ้ากล้าก็ลองดู” เขากวาดสายตาเยือกเย็นมองหญิงชราสกุลไป๋ หลิวซื่อ แม้กระทั่งเจ้าใหญ่ที่นั่งแน่นิ่งอยู่บนพื้น รวมถึงสองเจ้ารองและสะไภ้รองที่ยืนอยู่ตรงมุม ไม่กล้าก้าวมาข้างหน้า ทั้งยังมีเหล่าพี่น้องอย่างไป๋ต้าเป่าที่มองดูเรื่องสนุกอยู่ตรงประตูอย่างพร้อมหน้า
เขายืนอยู่เบื้องหน้าไป๋จื่อ ราวกับต้นไม้ขนาดยักษ์ต้นหนึ่ง ขวางลมฝนเบื้องหน้าไม่ให้พัดเข้าหานาง ทำให้เด็กสาวตัวเล็กมีความยินดีที่ได้คนให้พึ่งพิง
ด้านหลังเงาร่างสูงใหญ่ นางรู้สึกถึงความรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความรู้สึกเช่นนี้ ช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ
หัวหน้าหมู่บ้านเห็นบรรยากาศคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง กลัวว่าพวกเขาจะตีกันอีก คราวนี้ลงมือต้องไม่เว้นหนักเบา หากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริงคงไม่ดีนัก จึงรีบกล่าวว่า “เอาล่ะๆ พูดกันให้น้อยๆ หน่อย”
………..
ตอนที่ 54 สองทาง
หัวหน้าหมู่บ้านดึงหูเฟิงออก แล้วเพิ่มเสียงพูดว่า “สองทาง ฟ้องทางการ ให้ฝ่ายราชการมาตัดสิน หรือเก็บเรื่องพวกนี้ไว้กับตัว”
เมื่อพูดถึงฟ้องทางการ หญิงชราสกุลไป๋ก็รู้สึกหวาดกลัวทันที แต่นางไม่ได้โง่ นางรู้ว่าเรื่องนี้นางมีแต่จะเสียเปรียบ เรื่องเมื่อวานยังไม่ทันผ่านพ้นไป วันนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก ทั้งยังดึงครอบครัวของเหล่าหูมาเกี่ยวข้องด้วย
แม้จะบอกว่าเจ้าใหญ่ถูกหูเฟิงตีจนแขนหักทั้งสองข้าง แต่ก็เป็นพวกเขาที่ทำให้หูจ่างหลินบาดเจ็บก่อน หากเรื่องราวไปถึงฝ่ายราชการ พวกขุนนางอาจจะไม่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพวกนางก็ได้
ผนวกกับเรื่องของจ้าวหลานและไป๋จื่อแล้ว เกรงว่าพวกนางสกุลไป๋จะต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่
“แล้วจะเก็บเรื่องพวกนี้ไว้กับตัวอย่างไร” หญิงชราถามหัวหน้าหมู่บ้าน
อีกฝ่ายมองคนก่อเรื่องอยู่หลายครั้ง แล้วกล่าวสรุปเสียเลย “เอาอย่างนี้ ข้าเกิดความคิดหนึ่ง พวกเจ้าลองดูว่าใช้ได้หรือไม่ พวกเจ้าสกุลไป๋ทำให้เหล่าหูบาดเจ็บ ตอนนี้หูเฟิงก็ทำให้เจ้าใหญ่บาดเจ็บ ค่ารักษาของพวกเจ้าสองครอบครัวก็ต่างคนต่างจ่าย ไม่มีใครติดค้างใคร”
หญิงชราเจ็บปวดใจนัก แต่บัดนี้คล้ายกับไม่มีหนทางอื่นแล้ว คิดขู่เข็ญเอาเงินจากหูเฟิง ดูท่าจะไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
นางก่นด่าจ้าวหลานและไป๋จื่ออยู่ในใจเป็นพันเป็นหมื่นรอบ ถลึงตามองสองแม่ลูกอยู่หลายครั้ง อยากจะควักเนื้อบนตัวพวกนางออกมาทีละชิ้น ใช้เนื้อเหล่านี้เป็นการชดใช้หนี้
“ได้หรือไม่ก็กล่าวออกมาสักคำเถิด” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยความรำคาญ
ในที่สุดหญิงชราก็พยักหน้า ขืนไม่ยอมก็หมดหนทางแล้ว หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่ควรพาเจ้าใหญ่ไปจริงๆ ความบุ่มบ่ามในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพราะมัวเมาในเงินตราเหล่านั้น แต่นั่นก็เป็นชีวิตของนางเชียวนะ
หลิวซื่อกำลังลากหมอลู่ไปรักษาบาดแผลให้เจ้าใหญ่ แต่หมอลู่กลับกล่าวว่า “รักษาได้ แต่ต้องตกลงราคากันก่อน อีกเดี๋ยวพวกเจ้าจะได้ไม่ต้องเสียเปรียบให้ข้า”
หญิงชรากล่าวในใจว่าแย่แล้ว นางรีบกุมหน้าผากร้องว่าปวดหัว ทำท่าทางน่าสงสาร
หมอลู่รู้จักลูกไม้เหล่านี้ของนางดี ย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว เขาพูดตามตรงว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ต้องออกค่ารักษาของเหล่าหูแล้ว เช่นนั้นก็ตกลงค่ารักษาของจ้าวหลานกับเจ้าใหญ่เถอะ”
เขามองเจ้าใหญ่ที่แขนบวมทั้งสองข้าง รู้ว่าแขนของอีกฝ่ายมีสถานการณ์เป็นเช่นไร จึงรีบกล่าวว่า “แขนหนึ่งข้างสองตำลึงเงิน ข้ารักษาจ้าวหลานเสร็จแล้ว รวมกับแขนสองจ้างของเจ้าใหญ่ ทั้งหมดหกตำลึงเงิน”
เมื่อหญิงชราได้ยินว่าต้องใช้หกตำลึงเงิน นางก็กระทืบเท้าทันที ไม่ปวดหัวและไม่อึดอัดใจแล้ว บัดนี้นางชี้หน้าหมอลู่ พลางตะโกนว่า “อะไรนะ หกตำลึงเงินเชียว เจ้า เหตุใดไม่ไปปล้นเลยเล่า เห็นพวกข้าสกุลไป๋เป็นหมูในอวยหรืออย่างไร”
หมอลู่ยักไหล่ “ไม่เป็นไร หากเจ้ารู้สึกว่าแพง ก็ไม่รักษาก็ได้ โรงหมอในเมืองห่างจากหมู่บ้านหวงถัวของพวกเราหลายสิบลี้ ตอนนี้พวกเจ้าพาเจ้าใหญ่ไปรักษาในเมืองก็ได้ ดูสิว่าโรงหมอในเมืองจะเก็บเงินพวกเจ้าเท่าไรกัน”
หัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่อีกด้านพูดแทรกว่า “เดือนก่อนเหล่าซุนล้มขาหัก ท่านหมอลู่ไม่อยู่ในหมู่บ้านพอดี ครอบครัวสกุลซุนส่งเขาไปรักษาในเมือง เสียไปห้าตำลึงเงินเต็มๆ เจ้าพิจารณาเอาเองแล้วกัน”
หมอลู่พูดอีกว่า “จะรักษาเจ้าใหญ่หรือไม่ก็แล้วแต่พวกเจ้า แต่ข้ารักษาจ้าวหลานไปแล้ว สองตำลึงเงินของนาง เจ้าต้องจ่ายให้ข้าก่อน”
หญิงชราโมโหจนอยากต่อว่ายกใหญ่อีก ทว่าหลิวซื่อกลับดึงนางไปอีกด้าน แล้วพูดเสียงเบา “ท่านแม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาโมโหนะเจ้าคะ พวกเราให้เขารักษาก่อน รักษาเสร็จแล้วพวกเราค่อยบอกปัดว่าไม่มีเงิน เช่นนั้นเขาจะทำอะไรกับพวกเราได้เล่าเจ้าคะ”
แม่สามีพลันตาเป็นประกาย นี่นับเป็นความคิดที่ดีนัก อยากโกงนางหรือ ดูสิว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นใครที่ถูกโกงกันแน่
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในทันที โทสะแต่เดิมพลันหมดสิ้น ก่อนที่นางจะกล่าวกับหมอลู่ “วันนี้เย็นย่ำแล้ว ขืนไปในเมืองอีกคงจะไม่ทัน เช่นนั้นเจ้าใหญ่ไม่ต้องทรมานทั้งคืนหรือ ช่างเถิด รักษาที่นี่แหละ ลำบากท่านหมอลู่แล้ว”