ตอนที่ 59 ตามหาไข่ไก่
คิดจะนำนางไปขาย เพื่อแต่งงานกับบุตรชายของคนอื่น เหอะ ฝันไปเถอะ
นางหมุนกายจากไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะชนเข้ากับแผงอกของใครบางคนเข้า นางคลำจมูกป้อยๆ พลางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วมองเขา “เหตุใดเจ้าเดินชอบไม่ส่งเสียงเสมอเลย”
หูเฟิงเลิกคิ้ว “แอบได้ยินว่ามีคนวางแผนจะขายเจ้า รู้สึกอย่างไรบ้าง”
ไป๋จื่อแค่นหัวเราะเสียงเบา ก้าวเท้าเดินไปยังเรือนไม้ที่เพิ่งซ่อมเสร็จ “ก็ไม่อย่างไร พวกเขาคิดจะขายข้า เช่นนั้นก็ต้องดูว่าข้าตกลงหรือไม่ ข้าไม่ใช่ไป๋จื่อคนก่อนแล้ว ที่จะปล่อยให้พวกเขารังแกโดยไม่รู้จักต่อต้าน เป็นอย่างที่เจ้าว่า ผู้ใดไม่ยุ่งกับข้า ข้าก็จะไม่ยุ่งกับคนผู้นั้น หากผู้นั้นมายุ่งกับข้า ข้าจะเอาคืนเป็นสองเท่า พวกเขาไม่ทำดีกับข้า ข้าย่อมไม่ทำดีกับพวกเขาเช่นกัน เจ้าคอยดูเถอะ”
ดูท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเด็กสาวผู้นี้สิ คล้ายกับว่าต่อกรกับคนสกุลไป๋ เป็นเรื่องที่ง่ายดายถึงเพียงนั้น กลับกัน เขาไม่รู้สึกสงสัยในตัวนางเลยสักนิด ในสายตาของเขา ท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวบนใบหน้าของนาง ไม่ใช่การอวดดีหรือมั่นใจในตัวเอง นางมั่นใจมากว่าจะจัดการทุกอย่างได้ และเขาเชื่อนาง
“ซ่อมเรือนเสร็จแล้ว ข้ากลับก่อนล่ะ” หูเฟิงก้าวเท้ายาวๆ จากไป รีบร้อนเหมือนเช่นตอนมา
“ท่านแม่ ท่านพักสักหน่อยก่อน ข้าจะไปเก็บกวาดเรือน” แม้เรือนจะซ่อมเสร็จแล้ว แต่ในเรือนยังคงรกมาก บนพื้นยังมีคราบน้ำที่เหลือจากฝนตกห่าใหญ่เมื่อคืน เดิมทีหญ้าแห้งที่ปูไว้ก็มีรอยน้ำอยู่มากมาย แต่โชคดีที่เรือนไม่ใหญ่นัก ลองเก็บกวาดดูแล้วใช้เวลาไม่นาน
ทว่านางยังไม่ทันเก็บกวาดเสร็จ หลิวซื่อและหญิงชราก็ออกมาจากในเรือนใหญ่ ก่อนจะกล่าวกับจ้าวหลานที่นั่งอยู่ในลานบ้านว่า “เอากุญแจเรือนไม้ของสกุลหูมา”
กุญแจดอกนั้นอยู่กับตัวของจ้าวหลานจริง ทว่าของสิ่งนี้กลับไม่ใช่ของสกุลไป๋ จ้าวหลานย่อมไม่ให้พวกนางโดยง่าย
“พวกท่านต้องการกุญแจไปทำอะไร” จ้าวหลานถาม
แม่สามีแค่นหัวเราะ “จะทำอะไรได้ ดูสิว่ามือเจ้าบาดเจ็บ จื่อยาโถวก็ไม่ว่าง ช่วยเจ้าไปนำเสื้อผ้าและผ้าห่มกลับมา เจ้าอย่าถือดีหน่อยเลย” ความวุ่นวายก่อนหน้านี้ พวกนางจับจ้าวหลานกลับมาจากเรือนใหญ่ของหูจ่างหลิน จึงยังไม่ได้ไปที่เรือนเล็กนั้น ไข่ไก่ที่บ้านของอิงจื่อนำมาให้จะต้องซ่อนอยู่ในเรือนเล็กนั่นแน่นอน
จ้าวหลานย่อมรู้ว่าพวกนางมีแผนการอะไร จู่ๆ พวกนางก็บอกว่าต้องการช่วยนางไปหยิบของ นี่ไม่ใช่การกระทำโดยทั่วไปของพวกนางเช่นกัน ในใจนางต้องสงสัยแน่อยู่แล้ว ยิ่งไม่กล้ามองกุญแจให้พวกนางโดยง่าย
“ไม่ต้องหรอก อีกเดี๋ยวไป๋จื่อเสร็จแล้ว ข้าไปเอาของกับนางก็ได้”
หลิวซื่อถลึงตามองจ้าวหลาน ก่อนจะเพิ่มเสียงกล่าวว่า “โอ๊ย…ยังจะไปเอาเองอีกหรือ เกรงว่าความหมายของการเมามายไม่ได้อยู่ที่สุรา[1]หรืออย่างไร อยากจะไปพบหน้าคนรักเก่าให้ได้หรืออย่างไร”
จ้าวหลานโมโหจนตัวสั่น พลางชี้หลิวซื่อ “เจ้าอย่าใส่ร้ายผู้อื่น ข้ากับพี่ใหญ่หูไม่มีอะไรกันทั้งนั้น เจ้าใส่ร้ายข้าไม่ว่า แต่อย่าพูดจามั่วซั่วทำลายชื่อเสียงของพี่ใหญ่หู”
“ดูเจ้าพูดเข้าสิ เหมือนกับที่หูจ่างหลินพูดนัก ต่างก็ปกป้องกันเช่นนี้ ยังบอกว่าไม่มีอะไรกันอีกหรือ ใครจะไปเชื่อกัน”
ไป๋จื่อที่อยู่ในเรือนได้ยินคำพูดของนางชัดเจน ในใจคิดว่ายายแก่และสตรีชั่วร้ายแซ่หลิว ปกติขี้เกียจจะตายไป ไม่ว่าเรื่องใดล้วนสั่งให้คนอื่นไปทำ แต่ไหนแต่ไรตนเองไม่ทำงาน วันนี้ดีเช่นนี้ ขอไปช่วยนางนำผ้าห่มกลับมาด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อนึกถึงไข่ไก่ที่แม่อิงจื่อนำมาให้เมื่อเช้า ชัดเจนว่าแม่อิงจื่อมาที่สกุลไป๋ก่อน ครั้นเห็นว่านางและท่านแม่ไม่อยู่ ถึงได้ไปหาที่สกุลหู พวกนางต้องเห็นไข่ไก่ในตะกร้านั่นแล้วแน่นอน ถึงคิดฉวยโอกาสไปหยิบของ ตามหาและยึดไข่ไก่มาเป็นของตน
เมื่อยึดมาได้แล้ว สิ่งของนั่นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับพวกนาง ด้วยนิสัยของหญิงชราและหลิวซื่อ ถึงปม้ไข่ไก่นั่นจะเน่าเสีย ก็จะไม่ยอมให้นางและท่านแม่กินเป็นอันขาด
………..
ตอนที่ 60 ไม่กินเหล้ามงคล จะกินเหล้าลงโทษ
โชคดีที่เมื่อเช้าพวกนางระแวดระวัง วางไข่ไก่ไว้ในบ้านของลุงหู ตอนนี้ถึงแม้พวกสกุลไป๋ไปพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางหาไข่ไก่เจอแม้แต่ครึ่งฟอง
ไป๋จื่อเดินออกไปจากในเรือน มองหญิงชราและหลิวซื่อพลางยิ้มกริ่ม “ท่านย่า ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ พวกท่านล้วนเป็นคนยุ่งงาน ให้พวกท่านไปช่วยข้าหยิบของ ช่างไม่ใช่เรื่องดีเอาเสียเลยกระมัง”
บัดนี้เมื่อหญิงชราสกุลไป๋เห็นไป๋จื่อ นางพลันรู้สึกลนลาน โดยเฉพาะตอนที่เด็กมสาวยิ้มให้ตน ในใจนางยิ่งรู้สึกขนลุก เป็นความขยะแขยงที่บอกไม่ถูก ทั้งยังมีความน่าพรั่นพรึงอย่างน่าประหลาดอยู่เล็กน้อย นางไม่กล้ามองดวงตาของไป๋จื่อตรงๆ สุดท้ายก็สะบัดมือด้วยความรำคาญ “ไร้สาระ อย่าไม่กินเหล้ามงคล จะกินเหล้าลงโทษ[2] เอากุญแจมา สิ่งของของสกุลไป๋พวกเรา จะวางไว้ในบ้านของคนอื่นเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร แค่ช่วยทำเรื่องเล็กๆ เรื่องสองเรื่อง ใช่ว่าต้องเสียเงินทำใหม่เสียเมื่อไร”
ไม่คิดว่านางจะพูดเช่นนี้ออกมาได้ เสื้อผ้าของไป๋จื่อและจ้าวหลาน ไม่มีตัวไหนใส่พอดีและสมบูรณ์เลย ทั้งเก่าขาด หลวมโคร่ง มีแต่รอยปะเต็มไปหมด มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าเก่าที่คนสกุลไป๋อย่างพวกเขาไม่ใส่แล้ว จึงยกให้พวกนางสองแม่ลูกทั้งสิ้น
ไป๋จื่อกล่าวกับจ้าวหลาน “ท่านแม่ ในเมื่อท่านย่ากับท่านป้าสะใภ้ใหญ่กำลังว่าง ก็ให้พวกนางไปเถิดเจ้าค่ะ ข้ายังยุ่งอยู่เลย มือของท่านก็ยังเจ็บ ได้รบกวนพวกนางสักเที่ยวพอดี”
จ้าวหลานยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทว่าบุตรสาวออกปากแล้ว นางย่อมมีเหตุผลแน่นอน จึงไม่พูดมาอีก เพียงควักกุญแจออกจากในอก แล้วส่งให้หลิวซื่อ
หลิวซื่อรับกุญแจมา จากนั้นก็รีบร้อนออกจากประตูลานบ้านไปพร้อมกับแม่สามี มุ่งหน้าไปยังบ้านของหูจ่างหลิน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” จ้าวหลานรีบดึงไป๋จื่อมาถาม
บุตรสาวเข้าไปพูดใกล้ๆ หูนาง “มากกว่าครึ่งเพื่อไข่ไก่ที่บ้านอิงจื่อให้มาเมื่อเช้า ไม่เป็นไรเจ้าคะ ให้พวกนางควานหาไปเถิด ถึงอย่างไนในเรือนก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
จ้าวหลานเข้าใจในทันที บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นมาจางๆ “ดูท่าทางพวกนางต้องกลับมาพร้อมความผิดหวังแน่”
ไป๋จื่อประคองมารดาเข้าเรือน ในเรือนถูกเก็บกวาดจะสะอาดแล้ว หญ้าแห้งชื้นแฉะบนเตียงก็ถูกนางโยนออกไปทั้งหมดแล้ว ก่อนจะปูบนเตียงโล้นๆ ด้วยเสื้อผ้าเก่าสองชิ้น
“ท่านแม่ ท่านนั่งก่อน ข้าจะไปตักน้ำมาให้ท่านล้างหน้า” ถึงปากจะพูดว่าจะไปตักน้ำล้างหน้า ทว่านางพบว่าในเรือนไม่มีกะละมังโดยสิ้นเชิง กะละมังเดียวที่ใช้สำหรับล้างหน้า ถูกนำไปที่เรือนไม้แล้ว
จ้าวหลานเห็นบุตรสาวมีสีหน้าเรียบเฉย จึงรีบถามว่า “ไม่มีกะละมังก็ไม่เป็นไร นำผ้าบิดหมาดๆ มาเช็ดให้ข้าก็พอ”
ไป๋จื่อไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบผ้าออกไป จากนั้นนิ้วมือเรียวบางก็บิดผ้าในมืออย่างแรง ไฟโทสะในใจค่อยๆ เกิดขึ้น นางไม่อาจจินตนาการได้เลย ว่าไป๋จื่อและจ้าวหลานก่อนหน้านี้อยู่ในบ้านหลังนี้ มีชีวิตที่ทรมานถึงเพียงใด
นางนำผ้าตรงไปที่เรือนใหญ่ ลานบ้านด้านหลังเรือนใหญ่มีโอ่ง ปกติภายในจะใส่น้ำไว้เสมอ และน้ำในโอ่งนี้แทบจะเป็นผลงานการแบกหามของไป๋จื่อและจ้าวหลานตลอดหลายปี ผู้ชายในบ้านหายหัว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยยื่นมือเข้าช่วย ราวกับว่างานในบ้านหลังนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่พวกนางสองแม่ลูกควรทำ
เด็กสาวตรงไปที่ข้างโอ่งในลานบ้านด้านหลัง ฝาโอ่งน้ำยังคงปิดอยู่ ก่อนจะได้ยินเสียงของไป๋เสี่ยวเฟิงดังมาจากลานบ้านด้านหลัง “ไป๋จื่อ มาฝนหมึกให้ข้า”
ไป๋เสี่ยวเฟิงจะทำการบ้านอยู่ในร่มไม้ทุกวัน เพราะในเรือนมืดสลัว หญิงชราต้องการประหยัดค่าน้ำมันตะเกียง จึงให้เจ้าใหญ่และเจ้ารองสร้างเพิงเล็กๆ ขึ้นในลานบ้าน ทั้งยังวางโต๊ะไม้ตัวใหญ่ไว้ตัวหนึ่ง ให้ไป๋เสี่ยวเฟิงใช้สำหรับเขียนหนังสือและอ่านหนังสือโดยเฉพาะ
ไป๋จื่อกวาดสายตามองเขาครั้งหนึ่ง ทว่าไม่สนใจเขา นางมุ่งตรงไปเปิดฝาโอ่งน้ำ แล้วตักน้ำด้านในออกมากระบวยหนึ่ง ก่อนจะบิดผ้าเปียกในมือจนแห้งอีกครั้ง
[1] การเมามายไม่ได้อยู่ที่สุรา หมายถึง มีเจตนาแฝง
[2] ไม่กินเหล้ามงคล จะกินเหล้าลงโทษ หมายถึง ไม่รู้จักให้เกียรติ ไม่รู้จักดีหรือเลว