บทที่ 26 ถูกต้อง! ถูกต้อง! ถูกต้องทั้งหมดเลย! (ตอนปลาย)
“ร่างกายของสามียังคงมีความแตกต่างระหว่างลักษณะภายนอกและลักษณะภายใน รวมถึงรูปลักษณ์ของลักษณะร่างกายอีกด้วย เพราะเหตุใดจึงไม่สามารถวิเคราะห์แยกกันได้?…ประโยคต่อไปคือ… “
สีข้างของลั่วกังกระตุกเกร็งเล็กน้อยจากอาการตกตะลึงและสับสน หน้าผากของเขาผุดเป็นเม็ดเหงื่อจำนวนหนึ่ง
“มนุษย์ตงเก๋า?” นี่คือหนังสือทางการแพทย์ประเภทไหนกัน?
มาจากยุคสมัยไหน.. ใครเป็นคนเขียนมันขึ้นมา?
ลั่วกังไม่รู้… เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นท่าทางของลั่วกังที่ดูเปลี่ยนไป ทั้งเหล่านักศึกษาแพทย์แผนจีนและเหล่านักศึกษาวิจัยสมุนไพรต่างมองกันอย่างสับสน และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ…. ถ้าหากลั่วกังตอบคำถามนี้ไม่ได้ การแข่งนี้ก็จะจบลงทันที..
“มันเป็นหนังสือที่….หาได้ยากนัก”
อาจารย์หลี่เคอหมิงเผย “ในสายวิชาแพทย์ในมหาลัยแห่งนี้ คงมีไม่เกินสามคนเท่านั้นที่สามารถท่องจำหนังสือเล่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์ รวมถึงตัวอาจารย์ด้วยเช่นกัน “
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วกังก็เกิดความลังเลอยู่ภายในใจ เขานิ่งค้างไปอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวอย่างหมดแรง
“ผะ…ผมไม่รู้..”
แพ้แล้วอย่างงั้นเหรอ..?
เหล่าเด็กใหม่หน้าซีดเผือด พวกเขาต่างมองเหตุการณ์นี้อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้ง ๆ ที่พกพาความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม แม้ว่าจะเป็นคำถามถึงสิบข้อ แต่อีกฝ่ายกลับตอบได้ทั้งหมดอย่างไม่มีผิดเพี้ยน นี่พวกเขาแพ้แล้วงั้นหรือ?
“เจ๋ง!”
เพื่อนร่วมคณะของซูเย่ต่างส่งเสียงเชียร์กันในทันที
พวกเขาชนะ!
ฮาฮ่า! แม้ว่าจะเป็นฝ่ายที่โดนท้า แต่พวกเขาก็ชนะ!
ในภายภาคหน้าคงไม่มีใครกล้ามาดูถูกพวกเขาว่าหมดหวังที่จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกแล้ว!
อาจารย์หลี่เคอหมิงมองไปยังซูเย่ด้วยความพึงพอใจและยอมรับ เขากำลังจะประกาศชัยชนะให้กับฝั่งซูเย่ แต่แล้วลั่วกังก็เงยหน้าขึ้น พูดว่า “ผมขอให้เขาเป็นคนเฉลยคำถามนี้ด้วยได้รึเปล่า?”
หืม?
เหล่าเด็กใหม่เกิดอาการชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเข้าใจเหตุการณ์
ถ้าหากว่าถามเอง ตอบไม่ได้เอง หรือเป็นคำถามที่ถูกโมเมขึ้นมาเอง คะแนนในข้อนี้ก็คงจะเป็นโมฆะ!
ทุกคนต่างลืมคำนึงถึงจุดนี้ไปเลย..
ทุกคนรีบหันไปมองจดจ้องกับซูเย่พร้อมความสงสัยใคร่รู้ในดวงตาของพวกเขา
อาจารย์หลี่เคอหมิงเองก็มองซูเย่ด้วยสายตาแบบเดียวกัน
ซูเย่แย้มยิ้มยกมุมปากขึ้นอย่างเรียบง่าย ก่อนจะกล่าวแบบสบาย ๆ ว่า”ดวงตาทั้งสองข้างของมนุษย์แบ่งออกเป็นห้าวง…หูทั้งสองข้างถูกเรียกได้ว่าเป็นวังแห่งการสดับรับฟัง…จมูกนั้นทำหน้าที่ได้ดีต่อสภาพอากาศ และลมหายใจก็ดีต่อดิน มีเพียงแค่ลิ้นเท่านั้นดีสำหรับน้ำและไฟ”
ลั่วกังรีบหันไปมองยังอาจารย์หลี่เคอหมิงทันที
อาจารย์หลี่เคอหมิงยิ้มออกมาก่อนพยักหน้าเล็กน้อย “เป็นคำตอบที่ถูกต้อง”
ร่างของลั่วกังสั่นสะท้านราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น สีหน้าหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เขาหมดหวังแล้วแม้ว่าจะพยายามมาตั้งมากขนาดนี้
แม้ว่าเขาจะได้โอกาสตอบคำถามแล้ว…แต่เขากลับตอบไม่ได้….
เขาพ่ายแพ้
เด็กปีหนึ่งจากคณะแพทย์ทั้งหมด ซึมอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเช่นนั้น อาจารย์หลี่เคอหมิงก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ “วันนี้ลั่วกังและซูเย่ได้แสดงให้อาจารย์ได้เห็นแล้วถึงประสิทธิภาพที่เกินความคาดหมาย แม้ว่าความรู้ของพวกเธอในตอนนี้นั้นจะมากกว่าระดับที่พวกเธอกำลังเรียนรู้ แต่อาจารย์ก็หวังว่าพวกเธอจะยังคงพยายามเรียนรู้อย่างแข็งขันต่อไปเรื่อย ๆ”
เขากล่าวออกมาขณะที่มองไปยังลั่วกัง “ลั่วกังเอ๋ย เธอยังเป็นเพียงแค่เด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะก้าวเข้ามา หนทางข้างหน้ายังอีกไกลนัก จงอย่าได้ท้อแท้ใจไปเลย บางทีตอนนี้เธอเองก็อาจจะเก่งกว่าซูเย่ในตอนที่เขาอายุเท่าเธอก็ได้ “
หืม?
ลั่วกังเงยหน้าขึ้นอย่างช้า ๆ นั่นสินะ… ตัวเองเองเพิ่งจะอายุ 18 ปี ในขณะที่ซูเย่คนนั้นอายุ 22 ..เขายังมีเวลาอีกตั้งสี่ปี.. เขาจะต้องเก่งกว่าซูเย่ให้ได้!
ความมั่นใจที่เคยหายไปเริ่มกลับคืนมาทีละเล็กละน้อย
“การจะเรียนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนได้นั้นจะต้องละทิ้งความเย่อหยิ่งและผลีผลามออกไป แม้ว่าการกระทำของพวกเธอในวันนี้จะดูบ้าบิ่นและขาดความยั้งคิด แต่จิตวิญญาณที่ทุ่มเทต่อการต่อสู้และการเรียนของพวกเธอนั้นช่างน่ายกย่อง แต่จงจำเอาว่า จงเป็นบุคคลที่เจียมเนื้อเจียมตัวและรอบคอบจะเป็นอันดีที่สุด ทั้งในตอนนี้และในอนาคต นี่คือสิ่งที่อาจารย์อยากจะสอนพวกเธอในวันนี้ ไม่ว่าเธอจะยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่เหนือต้นไม้ยังมีป่า เหนือป่ายังมีหุบเขา เหนือหุบเขายังมีท้องนภา ในตอนนี้พวกเธอยังเยาว์วัยนัก และพวกเธอจะต้องพยายามให้มากขึ้น เพื่อผลประโยชน์และข้อได้เปรียบของพวกเธอเองในวันข้างหน้า“
อาจารย์หลี่เคอหมิงมองไปยังเหล่าเด็กใหม่ทุกคน
เหล่าเด็กใหม่จากคณะแพทย์แผนจีนต่างพยักหน้ารับคำสอนของอาจารย์หลี่เคอหมิงกันอย่างจริงจัง จิตวิญญาณที่มอดไหม้ไปเมื่อครู่เริ่มกลับมาปะทุและค่อย ๆ ลุกโหมขึ้นอีกครั้ง พวกเขายังคงเป็นเด็กอยู่ในตอนนี้ จึงไม่แปลกที่คนที่อายุมากกว่า จะมีความรู้ที่มากกว่า แต่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือพวกเขาจะต้องพยายามให้มากขึ้น เพื่ออนาคตสดใสที่รออยู่!
อาจารย์หลี่เคอหมิงหันไปทางเหล่านักศึกษาจากคณะวิจัยสมุนไพรจีนแต่ละคน ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การที่ซูเย่มีความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอเองก็จะมีความสามารถเช่นเดียวกันกับเขาโดยไม่พยายามใดๆ เลย ถ้าหากจะทำให้ได้เช่นเขา พวกเธอก็ต้องพยายามมากกว่าปกติไปอีกสองร้อยเท่า!”
ทุกคนพยักหน้ารับทราบต่อคำแนะนำของอาจารย์หลี่เคอหมิง พวกเขารู้ดีกว่าการที่ซูเย่เป็นนักเรียนที่สุดยอด ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นคนที่สุดยอดได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว พวกเขาเองก็ต้องพยายามให้มาก และพยายามให้มากกว่านักศึกษาแพทย์คณะอื่นๆ ด้วย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกเหยียบย่ำอีกต่อไป
หนึ่งในนักศึกษาวิจัยสมุนไพรจีนคนหนึ่งกำหมัดของตนเองแน่น ดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความแน่วแน่ที่ฉายออกมาอย่างมุ่งมั่น
หลังจากที่สั่งสอนทุกคนแล้ว อาจารย์หลี่เคอหมิงก็หันไปมองซูเย่ด้วยรอยยิ้ม แววตาของเขาเต็มไปด้วยความชอบใจแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มากขึ้น
เขาอยากจะลองดำดิ่งลงไปสัมผัสถึงความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเด็กคนนี้จริงๆ
จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็เอ่ยออกมา
“ตับคอยกักเก็บเลือด ปอดคอยกักเก็บลมปราณ และลมปราณนั้นเริ่มมาจากกระเพาะอาหาร ขณะที่เลือดนั้นเริ่มมาจากม้าม และการงอกงามของเส้นผมก็เช่นกัน ดังนั้นร่างกายของคนเราจึงเกิดความอบอุ่นขึ้น กล่าวโดยฮัวซินจิน… ประโยคต่อไปคือ..!”
ซูเย่ถึงกับชะงักทันที
ไม่ใช่เพราะอาจารย์หลี่เคอหมิงจู่ ๆ ก็คึกคักถามเขาขึ้นมา แต่เป็นเพราะเสียงดิ้ง ที่ดังขึ้นในหัวของเขาต่างหาก
“ดิ้ง~”
ค่าศีลธรรม +1