บทที่ 37 วัดความรู้การตรวจชีพจร (ตอนต้น)
ในบัญชีหลักอย่างเป็นทางการของแอป Question มีผู้ใช้งานจำนวนมากเข้ามาพิมพ์ข้อความเอาไว้เชิงตั้งคำถาม และบางส่วนก็ถึงขั้นด่าทอด้วยคำหยาบคาย
นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มคนอีกส่วนหนึ่งเข้าไปเขียนข้อความโจมตีที่หน้าบัญชีของ “คนเก็บขยะ” ในแอป Question โดยตรงอีกด้วย
“หลอกลวง!”
“ขี้โกง! ฉันต้องสูญเสียเงินส่วนแบ่งเพราะนายคนเดียว!”
“ทำเกมห่วย ๆ แบบนี้ อย่าทำออกมาเลยดีกว่า!”
ข้อความด่าทอยังคงไหลรัวเข้ามาในระบบเรื่อย ๆ ไม่มีท่าทีที่จะหยุด
…
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนในเวลาอันรวดเร็ว
บริษัทผู้ผลิตแอปพลิเคชัน Question ต้องรีบจัดตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาเฉพาะกิจ
แม้แต่ชายหนุ่มหัวหน้าทีมผลิตรายการก็ยังถูกสืบสวนด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาต้องการตีแผ่ความจริงให้ชาวเน็ตได้รับรู้ มิฉะนั้นแล้ว ต่อให้เขาสามารถเอาตัวรอดไปได้จากเหตุการณ์วิกฤตครั้งนี้ แต่ในอนาคตข้างหน้า ตำแหน่งหัวหน้าทีมผลิตของเขาก็คงไม่มั่นคงอีกต่อไป
ชายหนุ่มคิดว่าตนเองยังอายุน้อยและมีอนาคตอีกยาวไกล จึงไม่อยากให้รายการตอบคำถามแจกเงินในเน็ต ต้องมาทำลายชีวิตของเขาลงอย่างไม่มีเหตุผล
เมื่อการตรวจสอบข้อมูลรอบด้านได้ผลสรุปออกมา ผู้ควบคุมการตรวจสอบภายในบริษัทก็แจ้งผลลัพธ์ต่อที่ประชุมด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่พบการเจาะระบบของแฮกเกอร์ และก็ไม่พบว่ามีคนในปลอมตัวเข้าไปเล่นเกมด้วยเช่นกัน”
ชายหนุ่มหัวหน้าทีมผลิตรายการรีบรับแฟ้มเอกสารไปเปิดดูด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นผลลัพธ์ของการสืบสวนด้วยตาตนเอง สีหน้าของเขาจึงแสดงความโล่งใจมากขึ้น
“เอาล่ะ เหนื่อยกันหน่อยนะทุกคน”
เขาพยายามพูดให้กำลังใจทีมงาน ก่อนจะนำผลการสืบสวนภายในองค์กรโพสต์ลงไปในเว็บ Weibo
“การสืบสวนได้ผลสรุปออกมาแล้ว ตลอดระยะเวลาการแข่งเกมตอบคำถามที่มีปัญหาทั้ง 4 วันนั้น ไม่พบการทำผิดกฎด้วยการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ และผู้ใช้งาน “คนเก็บขยะ” ก็ไม่ใช่ทีมงานหรือแม้แต่เด็กฝึกงานปลอมตัวเข้าไปเล่นเองแน่นอน ทั้งนี้ ทางทีมงานกำลังหาทางติดต่อเจ้าของล็อกอิน “คนเก็บขยะ” ให้ได้ และถ้าหากเจ้าตัวพบเห็นข้อความนี้ กรุณาแสดงตัวออกมามอบคำอธิบายให้กับทุกคนได้คลายความสงสัยด้วยเถอะครับ”
ทันทีที่แถลงการจากองค์กรโพสต์ลงไปในเว็บ Weibo
“พูดมาได้ยังไงว่าไม่ใช่คนในหรือเด็กฝึกงาน ใครจะรู้บ้างว่าคนเก็บขยะมีตัวตนจริงหรือเปล่า? ถ้า
คนเก็บขยะมีตัวตนจริงนะ วันนี้ก็จงแสดงตัวออกมาสิ ฉันขอท้าทายนายเป็นการส่วนตัว วันจันทร์ที่ถึงนี้
จะมีการแข่งขันชิงรางวัล 100,000 หยวน เรามาประลองความรู้กันอีกครั้ง ถ้านายสามารถตอบคำถามทั้ง 10 ข้อได้ถูกต้อง เงินรางวัลก็จะเป็นของนาย แต่ถ้านายไม่ปรากฏตัว นั่นก็เป็นไปได้เพียงอย่างเดียว ว่านายคือหนึ่งในทีมงานที่ปลอมตัวเข้ามาเล่นเกมนี้!”
เจ้าของล็อกอิน “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” พิมพ์ข้อความประกาศกร้าว
เพียงเท่านี้ พวกเขาก็จะได้รู้แล้วว่าคนเก็บขยะมีตัวตนจริงหรือไม่!
และแล้ว ก็มีกระแสเรียกร้องให้ผู้ใช้งานล็อกอินคนเก็บขยะแสดงตัวตนออกมา
ถ้าเก่งจริงก็ออกมาพิสูจน์ความสามารถของตนเองด้วยการตอบคำถาม มูลค่า 100,000 หยวนสิ!
จากกระแสเรียกร้อง เพียงไม่นานก็กลายเป็นกระแสกดดันให้ผู้ผลิตแอปพลิเคชัน Question นำเจ้าของล็อกอินคนเก็บขยะออกมาเปิดเผยหน้าตา
แต่ถึงแม้จะมีกระแสกดดันหนักหน่วงสักเท่าไหร่ ทีมงานก็ไม่เคยติดต่อ “คนเก็บขยะ” ได้สำเร็จเลยสักครั้ง
นั่นเป็นเพราะว่า “คนเก็บขยะ” ได้ถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันของพวกเขาออกไปแล้วนั่นเอง…
“แม่งเอ๊ย แบบนี้มันตั้งใจมาเอาเงินพวกเราแล้วก็ชิ่งหนีเลยนี่หว่า!”
ชายหนุ่มหัวหน้าทีมผลิตรายการระเบิดเสียงคำรามด้วยความฉุนเฉียว และทำได้เพียงออกคำสั่งให้ทีมงานพยายามติดต่อคนเก็บขยะต่อไป…
…
มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หอพักชาย
ซูเย่กำลังนั่งค้นหาข้อมูลสำหรับการบริจาคเงินช่วยเหลือคน
ในที่สุดเขาก็ได้เจอแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า “สมาคมสังคมสงเคราะห์”
มันเป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานสังคมสงเคราะห์แห่งชาติ ซูเย่จึงเชื่อว่ามันจะเป็นแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์
“ฉันเติบโตมาโดยที่มีคุณตาคุณยายเป็นคนเลี้ยงดู คุณพ่อเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนคุณแม่ก็แต่งงานใหม่ ต้องการความช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาสำหรับเทอมที่กำลังจะมาถึง”
“ต้องการทุนการศึกษาสำหรับเด็กกำพร้าเป็นจำนวนมาก”
“หนูชื่อหลี่หลี่ เป็นเด็กกำพร้า ต้องการรับบริจาคค่าเทอม 500 หยวน ได้โปรดทำบุญทำทานแก่ผู้ด้อยโอกาสด้วยนะคะ”
ข้อมูลผู้ต้องการเงินบริจาคปรากฏขึ้นในสายตาของซูเย่
เมื่อกดเข้าไปดูในแต่ละหัวข้อ ก็จะมีชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของผู้รับบริจาคแจ้งเอาไว้อย่างชัดเจน
“เฮ้อ”
ซูเย่ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเริ่มต้นโอนเงินบริจาค
2000 หยวน
3000 หยวน
500 หยวน
ยิ่งอ่านข้อมูลของคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากเท่าไหร่ ซูเย่ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากเท่านั้น
ขณะนี้ เขาโอนเงินบริจาคไปแล้ว 48,900 หยวน
“ติ้ง!” แล้วเสียงที่อยากได้ยินก็ดังขึ้นในหัวของซูเย่
ชายหนุ่มรับทราบว่าคะแนนศีลธรรมของเขาเพิ่มขึ้นมาแล้วอีก 1 แต้ม
“ต้องบริจาคเงิน 50,000 หยวนขึ้นไปสินะ”
ซูเย่ดวงตาเป็นประกายแวววาว
เมื่อรวมเข้ากับเงินที่เขาให้ชายชราคนเก็บขยะไปก่อนหน้านี้เป็นจำนวน 1,100 หยวน มันก็ได้ผลลัพธ์ออกมาที่ 50,000 หยวนพอดี
“งั้นหมายความว่าทุก ๆ การบริจาคเงิน 50,000 หยวน เราก็จะได้แต้มศีลธรรมเพิ่มขึ้นมาอีก 1 แต้มสินะ”
ซูเย่ก้มหน้ามองยอดเงินในบัญชีของตนเอง
“ยังเหลืออีก 50,000 พอดีเลย”
หลังจากคิดอะไรบางอย่างได้ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากหอพัก
เขาตรงไปที่ตู้เอทีเอ็มประจำมหาวิทยาลัย และถอนเงินในบัญชีออกมาเป็นเงินสดจำนวน 50,000 หยวน เรียบร้อยดีแล้วเขาก็แวะซื้อขนม รวมถึงสมุดกับปากกาอีกชุดใหญ่จากซูเปอร์มาร์เก็ตข้างทาง หลังจากนั้น ซูเย่ก็เดินทางไปยังหมู่บ้านของคุณตาคนเก็บขยะอีกครั้ง
เขาเคาะประตูบ้านคุณตา
“นั่นใครน่ะ?”
เสียงของชายชราคนเก็บขยะดังออกมาก่อนที่ประตูจะเปิดแง้มออก
“ผมเองครับคุณตา”
ซูเย่พูดในขณะที่ยืนอยู่หน้าประตู แสงไฟจากด้านในส่องลอดออกมา ทำให้ชายชราสามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน
“ที่แท้ก็เป็นพ่อหนุ่มนี่เอง”
เมื่อเห็นว่าเป็นซูเย่ คุณตาก็ยิ้มแย้มด้วยความตื่นเต้น
แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะได้พูดอะไร ถุงกระดาษใบหนึ่งก็ถูกยัดใส่ในมือของเขา
เมื่อซูเย่แน่ใจว่าคุณตาเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน เขาก็รีบหายตัวไปทันที
ชายชรายืนงงอยู่ตรงนั้น ประหลาดใจว่าตนเองตาฝาดหรืออย่างไร แต่ถุงกระดาษในมือก็คือสิ่งที่ยืนยันชัดเจนว่าเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มผู้มีบุญคุณคนนั้นได้มายืนอยู่ตรงนี้จริง ๆ
เมื่อชายชราเปิดถุงกระดาษออกดูสิ่งที่อยู่ด้านใน ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งด้วยความ
ซาบซึ้งใจ
แต้มศีลธรรม + 1
เมื่อเดินออกมาห่างจากหมู่บ้านของชายชรา เสียงสัญญาณแจ้งเตือนการได้รับแต้มเพิ่มก็ดังขึ้นในหัวซูเย่
“ตอนนี้เราก็มี 9 แต้มแล้ว เหลืออีกแค่แต้มเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถเปิดจุดลมปราณได้สำเร็จสักที แล้วหลังจากนี้ เราก็จะสามารถเพิ่มพลังได้รวดเร็วมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า!”
ซูเย่เผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เงินจำนวน 50,000 หยวนที่เขามอบให้แก่ชายชรา น่าจะทำให้ชีวิตของคนเก็บขยะดีขึ้นบ้างเล็กน้อย
แม้วันพรุ่งนี้ซูเย่จะมีกำหนดเรียนพิเศษทางด้านแพทย์แผนจีน แต่ชายหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าตนเองยังคงห่างไกลที่จะสามารถช่วยเหลือผู้คนด้วยการเที่ยวไปรักษาใครต่อใครได้ตามใจชอบ
…
บ่ายวันต่อมา
เมื่อหมดคาบเรียนประจำวัน ซูเย่ก็รีบตรงไปที่ศูนย์การแพทย์หมิงเต๋ออย่างไม่รอช้า
ที่ศูนย์การแพทย์แห่งนั้น สองพ่อลูกหลี่เคอหมิงและหลี่ชินเอ้อได้รอคอยเขาอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อเห็นว่าซูเย่มาตรงกำหนดเวลา อาจารย์หลี่เคอหมิงก็ยิ้มแย้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“จำสิ่งที่เธอเรียนไปเมื่ออาทิตย์ก่อนได้ไหม?”
หลี่เคอหมิงถามด้วยรอยยิ้มหลังตรวจคนไข้เพียงคนเดียวในโรงพยาบาลเสร็จสิ้น
“จำได้ครับ” ซูเย่พยักหน้าตอบรับหนักแน่น
ระหว่างที่เขาพูด คนไข้คนใหม่ก็เดินเข้ามาพอดี
“ลองดูสิ” หลี่เคอหมิงผายมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ซูเย่เดินตรงเข้าไปและเริ่มจับชีพจรคนไข้
ส่วนใหญ่แล้วคนไข้ที่มายังแผนกแพทย์แผนจีนมักจะเป็นคนแก่ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง และพวกเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหลี่เคอหมิงเป็นอาจารย์สอนอยู่ในมหาวิทยาลัย ดังนั้น ผู้ที่เป็นคนไข้จึงไม่ถามอะไรมากมาย
“ชีพจรฉินม่าย หมายถึงชีพจรจมครับ”
ซูเย่พูดหลังจากตรวจชีพจรเสร็จสิ้น
“ไม่เลวเลย”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าด้วยความพอใจ
“หืม?”
ซูเย่มองหน้าผู้เป็นอาจารย์ด้วยความสงสัย หลี่เคอหมิงรู้คำตอบได้อย่างไรในเมื่อตนเองยังไม่ได้ลองจับชีพจรคนไข้เลยสักครั้ง?