บทที่ 46 บริวารโอสถ
ปีศาจเพลิงยกฝ่ามือขึ้นสูงด้วยความเกรี้ยวกราด ใบหน้าดุร้ายบิดเบี้ยวน่ากลัวราวจะระเบิดออกเป็นเสี่ยง!
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
จ้าวต้าจื่อที่กำลังรินชาร้องอุทานอย่างตื่นตระหนก…กาน้ำชาในมือร่วงหล่นลงก่อนแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แม้ต้องการก้าวออกไปปกป้องทว่าขาทั้งสองข้างกลับไร้เรี่ยวแรงตอบสนอง
ปีศาจเพลิงพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างเร็วแรงด้วยท่าทีเดือดดาลเยี่ยงอสุรกายโบราณ! พร้อมแผ่จิตสังหารรุนแรงออกจากร่างกายที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง จ้าวต้าจื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆ อย่างหวาดผวาจนแทบสิ้นสติ ทว่าเยี่ยฉวนผู้เป็นต้นเหตุยังนั่งขัดสมาธิบนแผ่นหินสีเขียวอย่างสงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหว
แม้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอีกสิบก้าว เขาก็ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติงเช่นนั้น!
ร่างไฟลุกพุ่งตัวเข้าไปอีกสามก้าวจนอยู่ในระยะประชิด…การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวฉวัดเฉวียนอยู่บนอากาศ ถึงกระนั้นเยี่ยฉวนก็ยังไม่กระพริบตา
ปีศาจเพลิงวาดแขนที่มีเปลวไฟลุกไหม้อยู่บนฝ่ามือฟาดลงโดยแรง จนลมพัดชายเสื้อคลุมของเยี่ยฉวนปลิวสะบัด แต่แล้วกลับหยุดชะงักห่างจากอกของอีกฝ่ายเพียงครึ่งนิ้ว…
ในนาทีสุดท้ายเขาพลันหยุดมือ…
“ตีต่อสิ…ตีข้าสิ ผู้เฒ่าเปลวเพลิง…ท่านมีพลังมหาศาลนักไม่ใช่รึ?! เหตุใดจึงลังเลล่ะ?”
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าเรียบเฉยขณะหัวเราะเย้ยหยัน เขาคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่กล้าลงมืออย่างแน่นอน!
หากปีศาจเพลิงสามารถหาวิธีเอาตัวรอดจากความเป็นตายด้วยตนเองได้ คงไม่บากหน้ามาร้องขอความช่วยเหลือถึงที่นี่ ยามนี้เยี่ยฉวนเปรียบเสมือนแสงสว่างและความหวังเดียว หากสังหารเขา…ก็เท่ากับตัดหนทางที่จะรอดชีวิต
“ข้ามียาเม็ดชำระไขกระดูกอยู่หนึ่งขวด ยินดีมอบให้เจ้าทั้งหมด!” ปีศาจเพลิงหมุนแหวนคลังสมบัติบนนิ้วของเขาก่อนหยิบขวดโหลที่บรรจุยาเม็ดชำระไขกระดูกชั้นดีมากกว่าสิบเม็ดออกมา
ยาเม็ดชำระไขกระดูกนอกจากจะหาซื้อตามท้องตลาดได้ยากยิ่งและยังมีราคาสูงลิ่ว ตอนนี้ชายชรากลับนำมันมาเป็นข้อต่อรองกับเยี่ยฉวน ขวดยาในมือเขาหากนำไปขายในตลาดมืดคงสร้างเม็ดเงินเหลือคณานับ!
ดวงตาของจ้าวต้าจื่อเป็นประกายวาววับ ยาเพียงเม็ดเดียวที่ได้รับจากศิษย์พี่ใหญ่ครั้งก่อนทำให้เขาบรรลุสู่ขั้นซิวฉืออย่างสมปรารถนา หากใช้ยาเม็ดในขวดนั้นเล่า! ทักษะของเขาคงก้าวหน้าเป็นยอดฝีมือขั้นซิวฉือ หรืออาจบรรลุไปถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าเป็นแน่!
ขณะที่เจ้าอ้วนตาลุกวาวกับของกำนัลชิ้นนั้น เยี่ยฉวนกลับหลับตานิ่งไม่ยินดียินร้ายพลางส่ายศีรษะ “ยาเม็ดชำระไขกระดูกเหล่านั้นเป็นชั้นเลิศจริง แต่ข้าไม่ต้องการ…มันไร้ประโยชน์สำหรับข้า”
“ข้ายังมีเคล็ดวิชาสุริยันแผดจ้ายินดีถ่ายทอดให้เจ้า…ทักษะการฝึกตนขั้นสูงที่แข็งแกร่งยิ่งในยุทธภพ หากฝึกฝนจนบรรลุจะทำให้มีร่างสุริยันแผดเผา ข้าทุ่มหมดหน้าตักแล้ว! ว่าอย่างไร?!” ปีศาจเพลิงขบกรามแน่นขณะกล่าวข้อเสนออีกครั้ง
เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะของสำนักเบญจลักษณ์ ไม่สามารถถ่ายทอดให้บุคคลภายนอกได้ ทั้งยังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงชีวิตของเขามาโดยตลอด เคยมีศิษย์จากสำนักอื่นเสนอเคล็ดวิชาลับของสำนักตนเองมาแลกเปลี่ยน แต่เขาไม่ตอบตกลงเพราะความซื่อสัตย์ ทว่ายามนี้กลับยอมนำศักดิ์ศรีมาแลกเพราะชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ปีศาจเพลิงยอมทำทุกวิถีทางถึงเพียงนี้ แต่เยี่ยฉวนยังยืนกรานคำเดิม “เคล็ดวิชาสุริยันแผดจ้าแข็งแกร่งจริงดังว่า แต่ทักษะของเจ้ายังมีข้อบกพร่องที่อันตรายยิ่ง ผู้เฒ่าเปลวเพลิง…เจ้าฝึกตนจนบรรลุร่างสุริยันแผดเผามาทั้งชีวิต แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาดที่แม้แต่เจ้าก็แก้ไม่ตกอยู่ไม่ใช่หรือ? หากข้าฝึกตนแล้วสักวันต้องตกอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับเจ้าในยามนี้จะทำอย่างไร?!”
เยี่ยฉวนปฏิเสธของกำนัลและข้อเสนอทุกอย่างจากอีกฝ่าย พร้อมอธิบายเหตุผลอย่างใจเย็น
ชายชราร่างเปลวเพลิงอาจคิดว่าเคล็ดวิชาสุริยันแผดจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เขามี แต่สำหรับเยี่ยฉวนผู้เคยเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ผู้ครองดินแดนอรัญญิก ย่อมรู้เคล็ดลับกระบวนการฝึกตนของเคล็ดวิชานี้ดีกว่าหลายประการ ดังนั้นเขาจึงมองออกว่าร่างสุริยันแผดเผาของปีศาจเพลิงมีความบกพร่อง และยังขาดประสิทธิภาพอันสมบูรณ์
“ไอ้หนู! เจ้าล้อข้าเล่นรึ?!”
ชายชราจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาเดือดดาลขณะที่เปลวไฟบนร่างของเขาโหมรุนแรงยิ่งขึ้น! เยี่ยฉวนปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมดโดยสิ้นเชิง เช่นนี้เห็นทีชีวิตของเขาคงถึงคราวพินาศจริงเสียแล้ว ทันใดนั้นเขาหันไปอีกทางก่อนใช้ฝ่ามือคว้าอากาศที่ว่างเปล่า เพื่อใช้พลังดึงตัวจ้าวต้าจื่อที่ยืนอยู่ข้างลานกว้างให้ลอยเข้ามาใกล้ทันที! ตอนนี้เจ้าอ้วนถูกจับเป็นตัวประกัน ร่างที่เต็มไปด้วยไขมันสั่นสะท้านด้วยความหวาดหลัว
สถานการณ์บีบบังคับให้เขาต้องกระทำเรื่องร้ายกาจ! เขาฝึกฝนเคล็ดวิชาอันแข็งแกร่งเหนือผู้อื่นมาทั้งชีวิต แต่กลับต้องพบจุดจบหายนะเช่นนี้ เขารู้สึกเกลียดชังผู้คนทั้งโลกและโกรธแค้นชะตากรรมที่ตนต้องเผชิญ หากอย่างไรเขาก็ต้องตาย เช่นนั้นเขาจะสังหารผู้อื่นให้ร่างฝังกลบไปพร้อมตน!
“ศะ…ศิษย์พี่ใหญ่! ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยขอรับ!”
จ้าวต้าจื่อร่ำไห้ขณะตะโกนขอความช่วยเหลือ ในความหวาดผวาแฝงไปด้วยความขุ่นเคืองไม่น้อย…เหตุใดผู้ที่ต้องรับหน้าก่อนและบาดเจ็บแทนเป็นเขาทุกที?!
“ปล่อยเขา…ถ้าเจ้ายังไม่อยากตาย!”
เยี่ยฉวนเห็นท่าทางร้ายกาจพร้อมทำลายล้างทุกสิ่งอย่างของปีศาจเพลิงเช่นนั้น จึงคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้ว เขากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใช่ว่าข้าจะแล้งน้ำใจไม่ต้องการช่วยเหลือเจ้า เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไร?! เร่งบอกมา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้งสิไอ้หนู!” ปีศาจเพลิงปล่อยจ้าวต้าจื่อเป็นอิสระพร้อมจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวน ความหวังก่อเกิดขึ้นราวผู้ดำผุดดำโผล่อยู่กลางท้องมหาสมุทรเป็นเวลานานที่ไขว่คว้าเชือกจากเรือลำใหญ่ไว้ได้!
“สำนักหมอกเมฆาเชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชสมุนไพรหลากชนิด ดังนั้นจึงมียาอายุวัฒนะจากปราณฉีในธรรมชาติ การซึมซับพลังจากปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินควบคู่ไปกับการใช้ปราณฉีหล่อเลี้ยงเพื่อปรุงยาอายุวัฒนะ จะสามารถฟื้นฟูร่างกายของเจ้าทีละน้อยจนหายดี เจ้าจะเห็นว่าในสำนักของข้ามียอดเขามากมาย แต่ยอดเขาเมฆาอินทนิลแห่งนี้ที่ข้าพำนักอยู่เป็นมรดกเพียงอย่างเดียวที่ท่านเจ้าสำนักทิ้งไว้ให้ ทั้งปราณฉีจากธรรมชาติและปราณจิตวิญญาณแห่งฟ้าดินยังไหลเวียนกันอย่างหนาแน่น…”
เขาหยุดชะงักครู่หนึ่งพลางเผยสีหน้าลังเล ก่อนสบตาปีศาจเพลิงขณะกล่าวต่อ “ทว่ายอดเขาเมฆาอินทนิลแห่งนี้ เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับบุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด ดังนั้นเจ้าไม่สามารถพักรักษาตัวที่นี่ได้ นอกเสียจาก…”
ใบหน้าปีศาจเพลิงเคร่งเครียดและขุ่นมัว…เปลวไฟบนร่างกายของเขาลุกไหม้ไม่หยุดหย่อนและค่อยๆ แผดเผาร่างกายและดวงจิตของเขาจนร้อนรนแทบทนไม่ได้ หลังจากได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนั้นก็พอรู้ว่าตนต้องทำอย่างไร จึงเอ่ยตอบเสียงแผ่ว “ตกลง! เช่นนั้นข้าขอฝากตัวเป็นศิษย์แห่งสำนักหมอกเมฆา จากนี้ข้าจะปฏิบัติต่อท่านด้วยความเคารพ และยินดีเรียกท่านว่าศิษย์พี่ใหญ่เช่นเดียวกับศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ!”
“อะไรนะ?!”
จ้าวต้าจื่อร้องอุทานเสียงดังก่อนวิ่งหนีออกห่างจากปีศาจเพลิง พลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา!
แม้สำนักหมอกเมฆาไม่มีข้อกำหนดอายุและระดับทักษะของศิษย์ที่รับเข้ามาใหม่อย่างชัดเจน แต่ปีศาจเพลิงผู้นี้ล่วงสู่วัยชราแล้ว ทั้งทักษะการฝึกตนของเขายังแข็งแกร่งและบรรลุขั้นที่สูงเกินควร หากเขาฝากตัวเข้าเป็นศิษย์จริง เจ้าอ้วนไม่อยากคาดเดาเหตุการณ์เมื่อถึงกำหนดการประลองระหว่างศิษย์ทุกห้าวันเลย…ศิษย์ผู้ใดก็ตามที่ประลองกับชายชราผู้มีร่างสุริยันแผดเผาจะต้องถูกควักหัวใจออกมากินเป็นแน่!
“การฝากตัวเป็นศิษย์และเรียกข้าว่าศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่เพียงพอ! ข้าจะต้องถ่ายทอดเคล็ดวิชาลับเพื่อช่วยเหลือเจ้าให้รอดพ้นจากหายนะ เจ้าคิดว่ากระบวนการเหล่านั้นเป็นเรื่องง่ายรึ?!”
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะขณะริมฝีปากกำลังบริกรรมคาถาเคล็ดวิชา กระทั่งพันธะเลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากปลายนิ้ว เขาส่งกระแสจิตควบคุมให้มันลอยเด่นอยู่ตรงหน้าปีศาจเพลิงก่อนกล่าวออกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ยามนี้ข้าต้องทำการซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณโอสถเพื่อให้พืชสมุนไพรเจริญเติบโตโดยไร้สิ่งรบกวน ดังนั้นข้าต้องการบริวารโอสถมาช่วยเหลือ หากเจ้ายินดี…จงกลืนพันธะเลือดหยดนี้ลงไป”
ปีศาจเพลิงยืนมือไปรับพันธะเลือดที่ลอยอยู่ตรงหน้า เขาไม่ตอบรับในทันทีทว่ากลับเงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าคล้ำหม่นเผยความลังเลและไม่แน่ใจ…
เลือดเพียงหนึ่งหยดแต่มีความสำคัญลึกซึ้งยิ่ง ยอดฝีมือผู้มีทักษะการฝึกตนเป็นเลิศสามารถควบคุมร่างหรือแม้แต่ดวงจิตของผู้อื่นได้โดยใช้พันธะเลือดเพียงหยดเดียว
ปีศาจเพลิงผ่านร้อนผ่านหนาวพบเจอประสบการณ์มามากมายจึงรู้ซึ้งถึงจุดประสงค์แท้จริงของเยี่ยฉวน หากเขาจะรักษาตัวที่นี่จะต้องเป็นบริวารโอสถหรืออีกนัยหนึ่งก็คือบริวารของอีกฝ่าย และหากเขากลืนพันธะเลือดนี้ลงไป เยี่ยฉวนจะกลายเป็นผู้ควบคุมทั้งชีวิตของเขาโดยทันที…นับจากนี้เขาไม่อาจคิดทำร้ายหรือทรยศไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ
บรรยากาศโดยรอบมีเพียงความเงียบ ปีศาจเพลิงนิ่งงัน ส่วนเยี่ยฉวนเพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบสองสามครั้งอย่างสงบ โดยไม่ได้กล่าวคำใดเพื่อเกลี้ยกล่อม…
เขาได้รับบทเรียนล้ำค่าหลังถูกฝังอยู่ในสุสานเทพเจ้านานหลายล้านปี ว่าตนไม่ควรมองข้ามและปล่อยให้ภยันตรายวนเวียนอยู่รอบกาย เคล็ดวิชาปีศาจกลืนกินสวรรค์ที่เขาได้มาจากที่นั่นสามารถแก้ไขปัญหาการถูกบริวารทรยศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“นับจากนี้…ข้า ปีศาจเพลิง ยินดีติดตามรับใช้ศิษย์พี่ใหญ่ผู้มีเกียรติ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตท่านจะเติบใหญ่ ไม่เป็นเพียงปลาที่ว่ายวนอยู่ในสระน้ำอันคับแคบ”
ปีศาจเพลิงถอนหายใจขณะก้มลงคำนับหลังจากชั่งใจอยู่เป็นนาน หากเขายังไม่รีบตัดสินใจร่างกายของเขาคงถูกเปลวเพลิงร้อนแรงแผดเผาจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน อีกประการคือความคิดที่ปรากฏขึ้นแวบหนึ่งว่าเยี่ยฉวนผู้นี่ไม่ธรรมดา…หากเขาติดตามรับใช้ต่อไป อนาคตเขาอาจประสบความสำเร็จและกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่! ครั้นกลืนพันธะเลือดลงคอ ทันใดนั้นก็ปรากฏเกิดกระแสจิตที่ละเอียดอ่อนประสานเชื่อมจิตใจของทั้งคู่
“อย่าได้ลังเลในสิ่งที่เจ้าตัดสินใจ…หลายปีต่อจากนี้เจ้าจะรู้ว่าการติดตามรับใช้ข้านั้นนับเป็นเกียรติเพียงใด ถึงเวลานั้นหากมีผู้อื่นที่เหมือนเจ้ามาอ้อนวอนเพียงใด ข้าก็จะไม่ยอมรับเขา”
เยี่ยฉวนมองไปยังปีศาจเพลิงผู้มีใบหน้าว่างเปล่า
จ้าวต้าจื่อที่สังเกตการณ์อยู่ไม่ห่างคิดว่าสถานการณ์นี้ไม่น่าวางใจ ยามนี้เขาอยากจะหนีไปจากศิษย์พี่ใหญ่เหลือเกินเพราะกลัวว่าหลังจากนี้ตนจะตกที่นั่งลำบาก ปีศาจเพลิงยอมพ่ายแพ้เป็นบริวารของเยี่ยฉวนอย่างจำยอม…ส่วนเยี่ยฉวนกล่าวยอมรับเช่นนั้น ไม่กลัวว่าปีศาจเพลิงจะแว้งกัดตนภายหลังเชียวหรือ?!
ปีศาจเพลิงเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เช่นกัน ดวงตาของเขาวูบไหวอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก่อนที่เขาจะทันยกมือขึ้นโจมตีอีกฝ่าย หัวใจของเขาพลันหยุดเต้น แขนขาทั้งหมดอ่อนแรงลงเพราะความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่ว ดวงจิตร้าวรานราวถูกกริชล่องหนกรีดแทงจนร่างกายสั่นสะท้าน ไม่นานอาการต่างๆ จึงค่อยทุเลาลง
“เป็นพระคุณเหลือเกินที่ท่านไม่สังหารข้า…” ปีศาจเพลิงเห็นรอยยิ้มยากจะเข้าใจของเยี่ยฉวน จึงรับรู้ทันทีว่าครู่นี้เกิดสิ่งใดขึ้นกับตน
“เอาล่ะ จงรักษาตัวบนยอดเขานี้อย่างระมัดระวัง”
เยี่ยฉวนพยักหน้ารับ ครั้นเห็นเปลวไฟโหมกระหน่ำที่ลุกไหม้อยู่รอบกายปีศาจเพลิงเริ่มแผดเผารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบควบคุมไม่ได้ จึงยกมือขึ้นแล้วเริ่มทำการช่วยเหลือ
สมัยที่เขายังเป็นมหาปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญการซ่อนเร้นสวรรค์ด้วยฝ่ามือ เขามีสหายใกล้ชิดที่โดดเด่นล้ำเลิศ ทั้งยังเปี่ยมด้วยทักษะแข็งแกร่งมหาศาล ราชินีเนตรอสูรสีคราม ราชาโอสถหัตถ์วิญญาณ หรือแม้แต่บริวารอสูรผู้อื่นล้วนเป็นมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง! สิ่งใดดลใจให้เขาเลือกปีศาจเพลิงกุ้งแห้งผู้นี้เป็นบริวารกันนะ?!
เขาอยากเล่าเรื่องราวในอดีตชาติให้ทุกคนฟังเสียเหลือเกิน แต่ไม่ว่าผู้ใดก็คงคิดว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเท่านั้น…ใครเล่าจะเชื่อว่ามันเคยเป็นความจริง!
เยี่ยฉวนสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไป ก่อนหันไปสั่งให้จ้าวต้าจื่อนำกล่องบรรจุเข็มเงินออกมา และจัดการแก้ไขปัญหาตรงหน้าด้วยตนเอง…