ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 107 : สังหารอย่างรวดเร็ว

ตงฟางซั่วครอบครองดาบนามว่า ‘ดาบอัคคีเขียว’ และเขาพุ่งตัวไปยังผลไม้ที่ช้างเกล็ดเงินคอยปกปักษ์อยู่ มันเป็นผลไม้วิญญาณระดับกลาง และมันมีประโยชน์มากมาย

ใกล้กันกับผลเขาเงินนั้นมีช้างเกล็ดเงินชราคอยปกป้องอยู่ มันยกงวงสูงขึ้นเหนืองาทั้งสอง และในจังหวะที่ตงฟางซั่วกำลังจะไปถึง งวงนั่นก็ได้ฟาดลงมาอย่างแรง

“สังหาร!” ตงฟางซั่วเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ช่วงท้ายของระดับแปรสภาพ ดาบอัคคีเขียวส่องแสงขึ้น ดูเหมือนเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำนั่นจะมีพลังอันน่าอัศจรรย์

ช้างชราได้กระทืบลงกับพื้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ก้อนหินขนาดใหญ่กระเด็นจากผืนดิน และถูกส่งไปหาตงฟางซั่วด้วยแส้จากงวงของช้างชรา

หินได้พุ่งไปด้านหน้าอย่างรุนแรง แต่ชั่วขณะที่สัมผัสกับพลังงานจากดาบของตงฟางซั่ว หินได้ถูกบดขยี้เป็นเศษเล็กเศษน้อย ช้างเกล็ดเงินชราได้ฉีดลำแสงสีเงินจากงวงเข้าใส่ตงฟางซั่ว

ตงฟางซั่วตะโกน “ข้าจะสังหารเจ้าให้ได้ในวันนี้!”

ชายหนุ่มฟันดาบแปดครั้งติดต่อกัน ส่งลำแสงดาบแปดสีเข้าใส่การโจมตีที่เข้ามา จากนั้นจึงแทงดาบเข้าใส่ช้างเกล็ดเงินชรา

ชิ้ง! เคร้ง!

ช้างเกล็ดเงินเป็นสัตว์ที่มีพลังการป้องกันสูง ดังนั้นการโจมตีของตงฟางซั่วจึงล้มเหลว ด้วยไม่อาจแทงทะลุหนังพวกมันได้ หลังจากการโจมตีล้มเหลว ช้างชราได้สวนกลับในทันที

ตงฟางซั่วมั่นใจในฝีมือของตนมาก และไม่เต็มใจจะยอมแพ้ต่อผลเขาเงินตรงหน้า การต่อสู้ของมนุษย์ และสัตว์จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันกับผู้อื่น การต่อสู้ของพวกเขาร้อนแรงขึ้นเช่นกัน

ในตอนนั้นเอง ร่างสีขาวขนาดเล็กได้พุ่งเข้ามาท่ามกลางสนามรบด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองได้ทัน ร่างเล็กนั่นคือเสี่ยวไป่ที่หดกลับไปขนาดตัวเท่าเดิมนั่นเอง ตอนนี้เขาพุ่งตัวไปยังผลเขาเงิน โดยใช้ประโยชน์จากภูมิประเทศ จึงสามารถเคลื่อนที่ได้โดยที่ไม่ถูกตรวจจับ และมาถึงผลเขาเงินในที่สุด หลังจากคาบผลไม้ไว้ในปาก มันก็รีบหลบหนีออกมา

ตงฟางซั่วเพิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสจากช้างเกล็ดเงิน เมื่อเขาสังเกตเห็นเสี่ยวไป่ขโมยผลไม้ตรงหน้าไป จึงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “เจ้าแมวป่ามาจากที่ใดกัน? นี่เจ้ากล้าขโมยของข้ารึ?”

เสี่ยวไป่ส่งสายตายั่วยุตงฟางซั่ว ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นอีก

ตงฟางซั่วเดือดดาลอย่างมาก เขาไล่ตามเสี่ยวไป่ แต่ตอนนั้นเองช้างชราได้ปลดปล่อยการโจมตีสุดท้ายแห่งความสิ้นหวัง งาของมันยาวขึ้นสองเท่า ก่อนจะแทงมาที่ตงฟางซั่ว

งาทั้งสองเป็นอาวุธแห่งโชคชะตาของช้างเกล็ดเงินชรา และมันไม่อาจป้องกันหรือปัดป้องได้ ตงฟางซั่วสัมผัสได้ถึงอันตราย และหันกลับไปทันที ก่อนจะฟันดาบไปที่ช้างเกล็ดเงิน แม้จะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังได้รับบาดแผลลึกที่เอวแม้จะฟันโดนที่หูของช้างชราก็ตาม

“ข้าจะมาจัดการเจ้าภายหลัง” ตางฟางซั่วกล่าว เป้าหมายหลักคือผลเขาเงิน ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาเสี่ยวไป่แทน

“หยุดเจ้าสัตว์นั่นไว้!” ตงฟางซั่วตะโกน

การตะโกนนั่น ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพออกจากสนามรบทันที และพยายามไล่จับเสี่ยวไป่ แต่เจ้าเสือน้อยวิ่งไวกว่าพวกเขามากนัก เวลาเดียวกัน ช้างเกล็ดเงินร้องเสียงดัง และพุ่งเข้าใส่กลุ่มนักล่าสิ่งโตคลั่งโดนไม่สนใจชีวิตของตนเอง

โชคไม่ดี ที่ปีศาจชั้นสูงมีจำนวนน้อยกว่า ช้างหนึ่งตัวจึงถูกสังหารในที่สุด เมื่อจัดการช้างเกล็ดเงินแล้ว กลุ่มน่าล่าสิงโตคลั่งจึงทิ้งคนไว้สองถึงสามคนเพื่อจัดการซากของช้าง ส่วนที่เหลือติดตามตงฟางซั่ว และไล่จับเสี่ยวไป่

“ตายซะ เจ้าสัตว์ขี้ขโมย!” ตงฟางซั่วเพิ่มความเร็วขึ้น และทันใดนั้นเขาก็ขว้างอาวูธที่ซ่อนอยู่ใส่เสี่ยวไป่

ฟึ่บ! ฟึ่บ!

อาวุธลับนั่นได้พุ่งมาที่เสี่ยวไป่อย่างรวดเร็ว ขณะที่มันกำลังถึงตัว เสี่ยวไป่ได้ม้วนตัว และกลิ้งลงกับพื้นทันที ด้วยร่างกายที่เล็กลงจึงทำให้เขาหลบอาวุธลับนั่นได้อย่างง่ายดาย แต่การทำเช่นนั้น ทำให้ความเร็วลดลงอย่างมากเช่นกัน และทำให้ผู้ไล่ตามจับเขาได้ทันในที่สุด

“ตาย!” ตางฟางซั่วแทงดาบอัคคีเขียวเข้าใส่เสี่ยวไปส่งลำแสงเพลิงสีเขียวออกจากปลายดาบ

ในตอนนั้น เสี่ยวไป่ไม่อาจหลบหลีกการโจมตีตรงหน้าได้ ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการโจมตีของยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพ ความเร็ว และพลังโจมตีที่ไม่อาจประเมินได้ ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ได้กระโดดลงมาจากต้นไม้ใกล้เคียง และเหวี่ยงกระบี่เข้าหาดาบ

ดาบอัสนีคลั่ง!

นี่คือวิชาดาบระดับสามที่เซี่ยงเส้าหยุนเชี่ยวชาญมาก่อน มันมีสามกระบวนท่า และเซี่ยงเส้าหยุนกำลังใช้กระบวนท่าแรก ‘อัสนีบ้าคลั่งร่วงหล่น’

เซี่ยงเส้าหยุนนอนรออยู่ที่นี่มาตลอด เขาให้เสี่ยวไป่ไปหลอกล่อศัตรูเพื่อที่จะได้เริ่มสังหาร เขาโจมตีด้วยพลังทั้งหมด ผสานสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดในการโจมตีนั่น อาจกล่าวได้ว่าการโจมตีนี่มีลักษณะคล้ายกับนามของมัน ด้วยลงมาจากบนท้องฟ้าราวกับอัสนีบาตล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า

ตงฟางซั่วเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ต่อสู้มาอย่างโชคโชน และยังเป็นคนที่คอยระมัดระวังตัวอยู่เสมอ กระนั้น เขาก็ไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นกับดัก และสัตว์ตัวน้อยตัวนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงของใคร

เขามัวแต่สนใจเสี่ยวไป่อย่างเต็มที่ ในขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนพุ่งเป้าไปที่เขาอย่างเต็มที่เช่นกัน ดังนั้น กว่าจะสังเกตเห็นการโจมตีที่เข้ามานั้น ก็สายไปเสียแล้ว

“บ้าฉิบ!” เมื่อสัมผัสได้ถึงกระบี่นั่น เขาจึงละทิ้งการโจมตีเสี่ยวไป่ทันที และใช้พลังเพื่อสร้างเกราะสีเขียวโอบล้อมตัวเอง

ตู้ม!

ก่อนที่เกราะป้องกันของตงฟางซั่วจะกางเสร็จสิ้น เซี่ยงเส้าหยุนก็ฟันลงมาก่อน การโจมตีครั้งแรกของเซี่ยงเส้าหยุนด้วยกระบี่ราชันผ่าเมฆา ชั้นของสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดติดบนใบมีดที่ได้รับความเสียหาย ขณะที่การฟันได้ทำลายเกราะกำบังของตงฟางซั่ว

โลหิตพุ่งออกไปทั่วทุกหนแห่ง

“อ๊าก!”

ตงฟางเสียแขนข้างหนึ่งไปเสียแล้ว ทำให้เขาร่ำไห้อย่างน่าเวทนา แต่ด้วยยังคงเป็นยอดฝีมือ แม้จะเจ็บปวดหนักเพียงใดก็ยังคงไม่ลืมที่จะตวัดดาบเข้าใส่เอวของเซี่ยงเส้าหยุน

เคร้ง!

ตงฟางซั่วคาดหวังว่าจะสามารถสังหารได้ด้วยการโต้กลับนั่น แต่เมื่อตวัดดาบไปยังเอวของเด็กหนุ่ม เสียงดาบกระทบนั่นบอกกับเขาว่ามันล้มเหลว

ผลกระทบนั่นส่งผลให้เซี่ยงเส้าหยุนลอยขึ้น และขณะที่แขนที่ถูกตัดของตงฟางซั่วกำลังตกถึงพื้น โดยปราศจากเกราะชั้นในระดับราชา เซี่ยงเส้าหยุนจะต้องถูกสังหารเป็นการแลกเปลี่ยน

“ช่างคู่ควรกับการเป็นยอดฝีมือช่วงท้ายของระดับแปรสภาพนัก เขาสามารถโจมตีได้แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนโชคชะตาได้ เขาจะต้องตายในวันนี้” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเอง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง

“หยุดอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้!” กลุ่มของตงฟางซั่วได้มาถึงในที่สุด

ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้น สองคนเป็นยอดฝีมือระดับแปรสภาพ พวกเขาทั้งสองชักอาวุธออกมาก่อนจะพึ่งเข้าหาเซี่ยงเส้าหยุน พยายามไม่ให้เขาสังหารตงฟางซั่ว

“ไม่มีผู้ใดหลบหนีจากการตายได้ หากข้าต้องการให้มันตาย” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยแววตาเฉียบคม

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset