ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 122

“เราจะต้องจบมันโดยไว” เซี่ยงเส้าหยุนคิด ในตอนนั้นเองเขาเริ่มเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวไปท่ามกลางอสรพิษจระเข้ ทองคําทั้งห้าตัวเขาฟันดาบหมาป่าทองคําทั้งซ้าย และขวาขณะพุ่งตัวผ่านฝูงจระเข้

 

วิชาดาบหมาป่าทองคํา! เต็มพลัง!

 

เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ใช้วิทยายุทธ์ด้วยทักษะอันไร้ที่ติ วิทยายุทธ์จะได้รับการเสริมพลัง พลังงานจากดาบพุ่งผ่านอากาศพร้อมเสียงโหยหวนของหมาป่า และตัดหัวของสัตว์ร้ายทั้งห้ากระเด็นไปไกล

 

แต่หลังจากการโจมตีนั่น ดาบหมาป่าทองคําก็ถูกทําลายลง อสรพิษจระเข้ทองคํามีหนัง และเนื้อแข็งเกินไปสําหรับดาบเล่มนั้น หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของงเซี่ยงเส้าหยุนดาบคงไม่สามารถทะลุผ่านหนังของพวกมันได้ ดังนั้นการตัดหัวของสัตว์ร้ายทั้งห้าจึงเป็นภารกิจสุดท้ายของดาบหมาป่าทองคํา

 

ในตอนนั้นเอง อสรพิษจระเข้ทองคําตัวใหญ่ได้มาถึง มันไม่ได้เข้าโจมตีทันทีเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวอื่น มันจับจ้องไปที่เซี่ยงเส้าหยุน และแลบลิ้นเหมือนงู มันกําลังสังเกตคู่ต่อสู้ราวกับรู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นคนทรงพลังซึ่งต้องโจมตีแบบหนักหน่วง 

 

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนมองไปที่สัตว์ร้าย มันก็เริ่มล่าถอยไป ดูราวกับไม่ต้องการต่อสู้กับเซี่ยงเส้าหยุน

“เฮ้ย อย่าหนี้สิ เจ้าเป็นอาหารเย็นของข้านะ!” เซี่ยงเส้าหยุนพุ่งไปข้างหน้า และแทงดาบหมาป่าทองคําไปที่อสรพิษจระเข้ทองคํา

ศิษย์คนอื่นเมื่อเผชิญกับปีศาจชั้นสูงเช่นนี้คงจะหนีอย่างไม่คิดชีวิตแม้แต่วินาทีเดียว แต่แทนที่จะหนี เซี่ยงเส้าหยุนกลับไล่ตามสัตว์ร้าย นี่เป็นผลจากความจต่างระหว่างความแข็งแกร่งของทั้งสอง

 

เช้ง!

 

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนฟันดาบไปที่อสรพิษจระเข้ทองคํา มันไม่อาจทะลุผ่านหนึ่งของสัตว์ร้าย และเกิดเสียดังก้องกังวานหนังของสัตว์ร้ายตัวนี้หน้าพอจะทนทานอาวุธขั้นสาม ด้วยเหตุนี้ ดาบที่ฟังอยู่แล้วก็ยิ่งแตกสลายลงไปอีกครั้ง

 

ด้วยความเจ็บปวด อสรพิษจระเข้ทองคําได้โต้กลับและปล่อยลําแสงสีทองเข้าใส่เด็กหนุ่ม เซี่ยงเส้าหยุนพลิกร่างกายไปด้านข้างของสัตว์ร้ายก่อนจะกระแทกด้วยหมัด

 

หมัดอัสนีบาต!

 

เซี่ยงเส้าหยุนใช้วิชาหมัดที่บรรลุถึงขั้นกลาง เมื่อหมัดถูกปล่อยออก หมัดซึ่งเต็มไปด้วยพลังสายฟ้าสีม่วงโดยกําเนิดและเมื่อมันสัมผัสกับผิวของจระเข้ก็ระเบิดออก กระแสไฟฟ้าเผาไหม้ผิวหนังของอสรพิษจระเข้ทองคําจนไหม้เกรียม สัตว์ร้ายพลิกตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด สร้างความยุ่งเหยิงเป็นวงกว้าง

 

เซี่ยงเส้าหยุนไม่ต้องการปล่อยสัตว์ร้ายไป เข้าไปด้านหลังของจระเข้ กอดหนางของมัน และทุ่มอสรพิษจระเข้ทองคําไปรอบข้าง

 

ตู้ม! ตู้ม!

 

เซี่ยงเส้าหยุนทุ่มสัตว์ร้ายไปที่ก้อนหินใกล้กันหลายครั้งจนมันตาย เขาได้รับแต้มเพิ่มอีกครั้ง เพียงสองวันเท่านั้นแต่เขากลับรวบรวมแต้มได้ถึงหกร้อยหกสิบแต้ม เป็นความเร็วที่ไม่มีศิษย์คนใดทําได้เช่นนี้

 

หลังจากสังหารอสรพิษจระเข้ทองคํา เขาไม่เดินทางต่อเขาแล่เนื้อ และย่างอสรพิษจระเข้ทองคํา ด้วยใช้พลังงานมากมายตลอดทั้งวัน ได้เวลาเติมเต็มแล้ว

 

หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนกินเสร็จ เขาพบว่ามีสิ่งที่น่าตกตะลึงในร่างกายของเขา พลังงานโลหะหลั่งไหลเข้าสู่ดวงดาวภายในแม้พวกมันจะเป็นสัตว์ที่ดุร้าย แต่ก็มีความบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ด้วยความสามารถในการจ้องมองภายใน เขาสามารถเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

 

นี่ไม่ใช่อสรพิษจระเข้ทองคําตัวแรกที่เขากิน แต่ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน มีเพียงตัวที่เป็นปีศาจชั้นสูงเท่านั้นหรือถึงจะมีพลังงานโลหะบริสุทธิ์?” เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิด

 

แม้ว่าโลหะเหล่านี้จะบางเบามาก แต่ก็ยังเติมเต็มพลังงานของเขาได้มหาศาล พวกมันยังเพิ่มความตคุ้นเคยระหว่างเขากับธาตุโลหะได้อีกด้วย

 

“เนื้อของสัตว์ปีศาจสามารถเพิ่มพลังชีวิตได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราสัมผัสได้ถึงพลังงานไหลเวียนจากการกินเนื้อสัตว์ร้าย” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง ขณะที่จิตใจหลงไปกับข่าวลือที่เขาได้ยินเกี่ยวกับความลับของหุบเขาแม่น้ําทองคําหรือความลับนั่นจะเกี่ยวข้องกับอสรพิษจระเข้ทองคําจํานวนมากเช่นนี้

 

เขาจ้องไปที่เสี่ยวไป และพบว่ามันมีความสุขกับมื้ออาหารเช่นเดียวกับเขา เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวไปเองก็สัมผัสได้ถึงพลังงานโลหะเช่นกัน เขานึกถึงสิ่งที่สหายตัวน้อยกล่าวไว้ก่อนหน้าด้วยเป็นสถานที่ซึ่งเสี่ยวไปสัมผัสได้ถึงออร่าที่หนาแน่นบางทีเขาอาจจะต้องเผชิญหน้ากับบางสิ่งโดยบังเอิญที่ไหนสักแห่งในหุบเขาแห่งนี้

 

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มนั่งสมาธิ ผลักดันระดับยุทธ์ให้บรรลุก้าวข้ามขั้นระดับดวงดาวขั้นเจ็ด เมื่อถึงจุดนั้น เขาสามารถบรรลุได้ตลอดเวลาตามที่ใจต้องการ แต่เขายังคงระงับความก้าวหน้านั่นไหวและสร้างรากฐานของตนเองต่อ การเร่งรีบไม่เคยเป็นเรื่องดี

 

วันถัดมา เขานํากล้ายไม้ทองคําให้เสี่ยวไปกินด้วยต้องการช่วยให้มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในปัจจุบันเสี่ยว ไปได้กลายเป็นปีศาจชั้นสูง และไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเซี่ยงเส้าหยุนเลย

 

แต่สําหรับเซี่ยงเส้าหยุน นั่นก็ยังห่างไกลเกินกว่าคําว่าพอเขาต้องการให้เสี่ยวไปเป็นราชาปีศาจให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันเขาจะสามารถทะยานไปบนท้องฟ้าได้เพียงแค่ขี่เสี่ยวไป ท่องเที่ยวไปทั่วทุกหนแห่งอย่างง่ายดาย เสี่ยวไปไม่รีรอกลืนกล้วยไม้ทองคําทันที เขาเองก็จําเป็นต้องใช้พลังงานมหาศาลในการเติบโต และกล้ายไม้ทองคําก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากต่อเขา

 

เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มเดินทางอีกครั้ง และเข้าไปในป่าลึกเขาได้พบกับอสรพิษจระเข้ทองคํามากมายระหว่างทาง พวกมันแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ทําให้การเดินทางช้าลงมากเขารู้สึกได้ว่ากําลังมุ่งหน้าไปยังรังของอสรพิษจระเข้ทองคําการต่อสู้อันขมขึ้นจะทําให้เขาอารมณ์ดีขึ้น

 

สามวันผ่านไป เซี่ยงเส้าหยุนสามารถรวบรวมได้ถึงสองพันห้าร้อยแต้ม ซึ่งเขาได้รับจากการสังหารปีศาจชั้นสูงมากมายระหว่างเดินทาง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ขณะที่เสื้อผ้าขาดวิ่น และเขรอะไปด้วยเลือด

 

หากไม่ใช่เพราะเกราะชั้นในระดับราชาที่เขาสวมใส่เขาคงตายไปนานแล้ว ด้วยเหล่าอสรพิษจระเข้ทองคํามีการป้องกันและการโมตีที่น่ากลัว ความประมาทจะทําให้เขาถูกสังหารได้โดยง่าย

 

วันนี้ ด้วยเสี่ยวไปได้เข้าร่วมการต่อสู้ เมื่อมันขยายร่างทําให้ดูน่าเกรงขาม และน่ากลัวพอกันกับอสรพิษจระเข้ทองคํา เขาสามารถเห็นได้ว่ามีสัตว์ร้ายตัวไหนจู่โจมเข้ามาขณะที่ร่างกายเปล่งออร่ารุนแรง

 

เพราะเหตุนี้ อสรพิษจระเข้ทําคําที่เป็นปีศาจชั้นสูงขั้นสามได้ถูกเสี่ยวไปกัดจนตาย แม้จะได้รับชัยชนะ แต่ร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นกัน ในขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนไม่ได้ใช้มือเปล่าต่อสู้อีกต่อไป เขาตัดหัวของปีศาจชั้นสูงอีกสองตัวด้วยกระบี่ราชันผ่าเมฆา ก่อนจะถอยกลับไปพร้อมกับเสี่ยวไป เขาพบว่าหากเดินทางต่อจะพบกับปีศาจชั้นสูงช่วงท้ายอีกมากมาย

 

เซี่ยงเส้าหยุนต้องการเพียงปรับอารมณ์ของตนเองและ ได้พบกับกับความลับที่ซ่อนอยู่โดยบังเอิญ แต่เขามั่นใจว่าการมีชีวิตรอดนั้นสําคัญเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งสองซ่อนตัว และเริ่มรักษาบาดแผลโดยหลบอยู่หลังก้อนหิน

 

พวกเขาอยู่ในสภาพที่แย่มาก หากถูกซุ่มโจมตีในตอนนี้สิ่งต่าง ๆ จะต้องลําบากขึ้นมาก แต่แทนที่จะเป็นอสรพิษจระเข้ทองคํา กลับเป็นศิษย์จากสถาบันอื่นมาพบตัวเขาแทน

“เหอะ เหอะ พบเจ้าแล้ว เจ้ามีความสามารถนักหรือหมาย นี่เจ้าสามารถเข้ามาถึงส่วนลึกของหุบเขาได้เชียวหรือ?” เสียงที่น่ากลัวดังขึ้น

 

เนื่องจากบาดแผลของเขา เซี่ยงเส้าหยุนจึงหาที่หลบซ่อนอย่างมิดชิด แต่ถึงกระนั้น บุคคลเหล่านี้กลับสามารถเข้าถึงตัวได้โดยที่ไม่ทันสังเกต เป็นข้อสังเกตได้ว่าเขาสามารถปกปิดตัวตนได้ดีเพียงใด

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset