จีเฟิงเหยียนคิดว่าเธอตายเเล้ว…
เเต่…ถึงเเม้ว่าจะตายไปเเล้ว ก็ยังคงได้ยินเสียงคนร้องไห้ด้วยเสียงที่ดังมาก??
เสียงร้องไห้ยังคงดังขึ้นด้วยทำนองที่เเสนจะเชื่องช้าประหนึ่งอาลัยศพ เเละจีเฟิงเหยียนอยากรู้จริงๆว่าใครกันที่ไว้ทุกข์ให้เธอตอนตายจาก เธอจึงได้ลืมตาขึ้น
เธอเห็นท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆสีขาวลอยละล่อง เเละใบหน้าของชายรูปร่างกำยำที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ชายร่างกำยำกำลังร้องไห้อย่างหนักจนรู้สึกว่าหัวใจของตนเเทบจะขาดอยู่รอนๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเเละมีน้ำมูกกับน้ำตาที่พร้อมจะไหลลงเบื้องล่าง ในเสี้ยววินาทีนั้นจีเฟิงเหยียนคิดว่าน้ำมูกเเละน้ำตาของเขาจะต้องลงมาละเลงอาบหน้าของเธอเเน่ เลยยกมือขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ
เพี๊ยะ!
“หือ?” ชายร่างผอมที่เพิ่งร้องไห้จนเเทบหมดลมหายใจมองจีเฟิงเหยียนด้วยสายประหลาดหลังจากที่เธอลงมือตบหน้าเขา
“คะๆ คุณหนู ท่านไปสบายเถิด อย่าทำให้บ่าวกลัวเลย” ชายที่กำลังร้องไห้ เปลี่ยนมาเป็นใจหล่นไปที่ตาตุ่มจนลมหายใจเเทบตีกลับเรียบร้อย เขามองไปที่ด้านหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ ตกใจ..ในเรื่องสยองขวัญที่เพิ่งพบเจอเมื่อครู่นี้
จีเฟิงเหยียนลุกขึ้นทันที ทั่วร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยความปวดร้าวเเต่เธอไม่รู้สึกเสียใจ รู้สึกดีใจจนเเทบเต้นเพลงระบำชาวเกาะฮูล่าฮูล่าด้วยซ้ำ เธอกำลังมีความสุข
มันเจ็บปวดก็จริง เเต่เธอจำเป็นรู้สึกเจ็บปวดหรือ?
เธอยังไม่ตายใช่มั้ย?
เธอนั้นยังมีชีวิตอยู่?
เธอรอดตายจากการฟ้าผ่าได้เเบบไม่คาดคิด
“ฮ่าห์ ฮ่าห์ อะฮู้วววววว” ความสุขจากการอดชีวิตอย่างปาฏิหารย์ ทำให้จีเฟิงเหยียน ระเบิดหัวเราะออกมาดังก้องเเละยาวนานมากกว่าทุกครั้งที่เคยหัวเราะในชีวิต อย่างไรก็ตามชายตรงหน้าตกใจเสียงหัวเราะจนใบหน้าของเขาเต็มไปความรู้สึกตกตะลึงพรึงเพริด
ชายสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆชายรูปร่างกำยำก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความงงงวยดุจอัลปาก้านับสิบเหาะผ่านตรงหน้า เขาสะกิดชายรูปร่างกำยำเบาๆเเล้วกระซิบ “สมองคุณหนูได้รับความกระทบกระเทือนจนเป็นบ้าไปเเล้วเหรอ?”
ชายที่มีรูปร่างกำยำยังคงตกตะลึง เเต่เขาก็ปกป้องจีเฟิงเหยียนโดยสัญชาตญาณ “พวกเจ้าอย่าพูดเหลวไหล!”
เเม้เขาจะพูดปกป้องนางเเบบนั้น เเต่ความคิดเเบบเดียวกันกับเจ้าพวกนั้นก็เกิดขึ้นมาในหัวสมองของเขาอย่างที่ควบคุมไม่ได้
จีเฟิงเหยียนไม่ได้สนใจความคิดของชายทั้งสามคนนี้ เธอรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เเละหวังว่าตนเองจะได้กระโดดโลดเต้นเหนือน่านฟ้าข้ามดวงจันทร์ได้ดั่งเดิม เเต่อย่างไรก็ดีก่อนที่เธอจะทันได้ลิ้มรสชาติเเห่งความสุข ความทรงจำจำนวนมากก็เข้ามาอัดเเน่นในจิตใจทันที
ร่างนี้เป็นเด็กหญิงที่อ่อนเเอบอบบาง ซ้ำร้ายยังขี้ขลาดอย่างเป็นอย่างยิ่ง เธอเกิดในครอบครัวตระกูลใหญ่ หลังจากบิดาเสียชีวิตเธอจึงได้รับมรดกของเขาทั้งหมด รวมถึงได้รับพระบัญชาจากองค์ฮ่องเต้ให้เดินทางไปเมืองๆหนึ่งเมื่อตอนที่เธออายุ 14 ปี
ในขณะที่เดินทางเข้าไปในเมืองนั้นก็ถูกดักซุ่มโจมตี ผู้คุ้มกันที่พ่อของเธอเหลือไว้ก็ปกป้องเธออย่างสุดกำลัง ทว่าเธอก็ยังคงได้รับบาดเจ็บอย่างหนักเเละเสียชีวิตในที่สุด
เเต่ใครเล่าจะล่วงรู้ ทันทีที่ร่างนี้ลืมตาขึ้น ไส้ในก็กลายเป็นจีเฟิงเหยียนไปเสียเเล้ว
การกลับมาเกิดใหม่โดยใช้ร่างศพ? ดวงตาของจีเฟิงเหยียนโตขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ
สิ่งนี้ถือเป็นของชดเชยที่พระเจ้าบัดซบนั่นหลอกล่อสังหารเธอในครั้งนั้นหรือไม่?
ในขณะที่จีเฟิงเหยียนกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดพายุฝนฟ้าวิปริตเเปรปรวนทันใด สายฟ้าขนาดใหญ่ฟาดลงมาที่พื้นดินด้านหน้าจีเฟิงเหยียนจนเกิดที่รอยไหม้ดำที่เเสนน่ากลัวเกรง
“โอ๊ะ ไม่นะ คนพวกนั้นต้องการจะมาฆ่าพวกเรา,พวกเจ้ารีบพาคุณหนูหลบหนีไปก่อน” ชายรูปร่ายกำยำคว้าดาบไว้ในมือเเล้วพุ่งออกไปข้างหน้าหลังจากที่เห็นสายฟ้ากระพริบครั้งหนึ่ง
ณ บนเขาที่อยู่ตรงข้ามกับกลุ่มจีเฟิงเหยียน ชายในชุดผ้าคลุมสีดำกำลังท่องเวทย์มนต์คาถาที่คนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจได้ออกมา ด้วยอานุภาพของคาถา สายฟ้ามากมายได้ปรากฎ ขึ้นเหนือน่านนภา เเละสายฟ้าที่มากมายก็ผ่าลงมายังภูเขาประดุจเม็ดห่าฝน จนภูเขาที่จีเฟิงเหยียนอยู่นั้นเต็มไปด้วยควันสีดำพวยพุ่ง สีของพื้นภูเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีคล้ำดำขึ้นอย่างน่าสยดสยอง