หลิงเหอเเละพรรคพวกที่เหลือในตอนเเรกมีสภาพเหมือนหมูโดนทุบ ขยับนิดก็โอ๊ย ขยับหน่อยก็ร้องหงิงๆ เเต่พอได้กิน”เม็ดยา”ของจี้เฟิงเยี่ยนเข้าไปก็พลันลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น อาการประหนึ่งนักกีฬาอัพยาโด๊ป ต่างการสภาพตอนเเรกชนิดหน้ามือเปลี่ยนเป็นหลังตีน
มีเพียงจีเฟิงเยี่ยนเท่านั้น ที่ยืนนิ่งเเละมุมปากยกยิ้มอยู่ตลอดในยามที่มองดูลูกน้องตัวเองกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จีเฟิงเยี่ยนหาวอย่างเฉื่อยชาหลังจากปล่อยพวกเขาดีใจได้สักพักใหญ่ “เอาล่ะ ในเมื่อพวกท่านหายดีกันเเล้วก็รีบเก็บข้าวเก็บของทำความสะอาดเสียที ไม่เช่นนั้นคืนนี้ทั้งนายทั้งลูกน้องคงได้นอนกันกลางลานโล่ง”
เเม้จีเฟิงเยี่ยนจะเอ่ยปากออกคำสั่ง เเต่เหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายนั้นยังระงับความดีใจไม่ได้ พวกเขาพากันเต้นฮูล่าฮูล่ากันต่ออีกพักนึงถึงได้พอใจเเล้วรวมตัวกันโยกย้ายข้าวของเเละทำความสะอาด
จีเฟิงเยี่ยนนั่งชันเข่าเอามือเท้าคางบนบันได เเล้วมองดูเหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายหยิบไม้กวาดผ้าถูพื้นเร่งรีบทำความสะอาดกัน ในขณะที่นั่งท่านี้นั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงเเกนกลางของตันเถียนตนเอง
ร่างกายบาดเจ็บนั้นมันง่ายดายต่อการรักษา เเต่ถ้าเป็นบาดเจ็บจากเเกนกลางตันเถียนล่ะก็…มันย่อมไม่ง่ายดายเช่นนั้น
ตั้งเเต่จี้เฟิงเยี่ยนยังเด็ก เธอพยายามบ่มเพาะที่จุดตันเถียนเเละบำเพ็ญเพียรอย่างขยันขันเเข็ง จนท้ายที่สุดก็อยู่ ณ จุดที่ห่างจากคำว่าอมตะเพียงก้าวเดียว เเละในจังหวะที่เธอกำลังก้าวข้ามบททดสอบสายฟ้าครั้งสุดท้าย เธอก็พลาดจนถูกมันผ่าเข้าอย่างจัง ในจังหวะนั้นนอกจากชีวิตจบสิ้น เเม้เเต่เเกนกลางสีทองในจุดตันเถียนก็ถูกสายฟ้าบดขยี้ จากสภาพของเเกนกลางยามนี้ คาดว่าจี้เฟิงเยี่ยนต้องบำรุงรักษาเเกนกลางอย่างดีราว 8-10 ปีถึงจะมีโอกาสกลับไปยืนที่จุดเดิมได้อีกครั้ง
พอคิดว่าตัวเองจะต้องเริ่มบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรใหม่ทั้งหมด จี้เฟิงเยี่ยนก็เเทบอาเจียนด้วยความโมโหโกรธา
เธอสาบานกับสวรรค์ ขอเพียงเธอรู้ว่าไอ้บัดซบที่ทำระเบิดบนตึกข้างๆภูเขาเป็นใคร เธอจะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งพวกมันไปยังนรก!!
ในขณะที่จี้เฟิงเยี่ยนกำลังเสียใจเรื่องตันเเถียนของตัวเอง เธอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สวยงาม ยิ่งมองจีเฟิงเยี่ยนก็ยิ่งคิด ท้องฟ้าของเฟิงสุ่ยในเมืองจี้ช่างงดงามเเละเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพลังฟ้าดินอย่างหนาเเน่น มันผิดกับชาติก่อนของเธอลิบลับที่พลังนั้นมีน้อยจนเเทบบำเพ็ญเพียรไม่ได้ ด้วยสภาพเเวดล้อมเมืองจีที่เต็มไปด้วยพลังฟ้าดินเช่นนี้ บางทีการฟื้นตัวของตันเถียนอาจจะใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดไว้เเน่นอน
หลิงเหอเเละพรรคพวกทำความสะอาดกันอย่างขยันขันเเข็ง เเม้กระทั่งล่วงเลยมาถึงค่ำคืนเเรงของพวกเขาก็ไม่ตก จี้เฟิงเยี่ยนที่ได้เเต่นั่งดูก็เริ่มง่วงเหงาหาวนอน มันช่วยไม่ได้ วันนี้เธอเหนื่อยเกินไปจริงๆ ทั้งใช้ยันต์เลือดสะกดจิตเเถมยังใช้พลังจิตมากมายพลังกายอีกมากล้นในการปรุงยาคืนชีวิตอีก เธอจึงลุกขึ้นเเล้วเดินไปเข้านอนอย่างสบายใจ ส่วนเหล่าพรรคพวกของหลิงเหอ เธอนั้นไม่ห่วงเพราะยาคืนชีวิตมันนอกจากรักษาเเผลเเล้วมันยังคืนพลังงานชีวิตอีกด้วย คาดว่าพวกเขาน่าจะมีเเรงทำความสะอาดไปจนถึงรุ่งเช้าเเน่นอน จี้เฟิงเยี่ยนเดินไปถึงเตียงพอหัวถึงหมอนเธอก็นอนหลับไปทันที
ทว่าน่าเสียดายที่คืนนี้เธอนอนหลับไม่สนิทเสียเเล้ว
เธอฝัน ทว่าฝันของเธอมันไม่ใช่ฝันดี ในฝันนั้นเธอเห็นสายฟ้าที่ทรงพลังมากมายคล้ายสายฟ้าจากยันต์ มันมีจำนวนมากมายมหาศาล อีกทั้งยังตรงมาทางเธอ จนเเม้เเต่ในฝันเธอยังต้องกระโดดหลบหนีสายฟ้าด้วยความยากลำบาก ในยามนี้จี้เฟงเยี่ยนถึงกับคิดด้วยความเจ็บปวด ถ้าหลับเเล้วยังฝันร้ายเเบบนี้ มันต่างอันใดตื่นนอนกันหา? เเม้กระทั่งนอนหลับยังมิอาจเป็นสุข นี่สวรรค์ต้องเกลียดฉันปานใด
“นังหนู,รีบตื่นเดี๋ยวนี้ คิดจะนอนฝันดีไปถึงเมื่อไหร่?”
ท่ามกลางเสียงสายฟ้ากัมปนาถอันน่าสะพรึง จู่ๆจี้เฟิงเยี่ยนก็ได้ยินเสียงอาจารย์ผู้ล่วงลับดังขึ้นมาในหู เธอกรีดร้องตกใจเเล้วตื่นขึ้นจากฝันร้านนั่นทันที
จี้เฟิงเยี่ยนใจหายเล็กน้อยเพราะได้ยินเสียงนั้น เเถมพอตื่นขึ้นมาสภาพเเวดล้อมในห้องนั้นเเม้จะคุ้นเคยก็ดูเเปลกตา อีกทั้งเมื่อสัมผัสที่ใบหน้าตนเองก็พบว่ามีเเต่น้ำตาเเละหยาดเหงื่อ เสื้อผ้าของเธอนั้นชุ่มไปด้วยน้ำจนเปียกโชกคล้ายคนออกกำลังกายอย่างหนัก จี้เฟิงเยี่ยนถอนหายใจมองดูท้องฟ้าอย่างเหน็ดเหนื่อย จนกระทั่งรุ่งสางเธอจึงลุกขึ้นเเล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นตัวใหม่เเล้วเดินออกจากห้องนอนไป
“อาจารย์ทิ้งข้อความเอาไว้ในความฝันของฉันงั้นหรือ? ท่านช่างเก่งกล้ายิ่งนัก ขนาดฉันตายเเล้ว อีกทั้งมาเป็นปรสิตติดในร่างคนอื่นเเต่อาจารย์ก็ยังตามหาฉันเจอ” จี้เฟิงเยี่ยนนึกถึงคำสั่งของอาจารย์ที่ดังขึ้นในความฝัน มันเหมือนจริงมากจนเธอไม่เเน่ใจว่ามันคือเรื่องจริงหรือเเค่คิดมากจนหลอนไปเอง
เเม้ว่าเมื่อคืนจะฝันร้ายจนคล้ายได้ออกกำลังทั้งคืน ทว่าเธอกลับรู้สึกว่าทั้งร่างกายเเละจุดตันเถียนกลับฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดใจ