เเม้แต่เจ้าของร้านยังส่ายหัวเมื่อเห็นจี้เฟิงเยี่ยนเลือกหินก้อนใหญ่ก้อนนั้น
หินก้อนนี้ถูกเก็บไว้ในร้านของเขาเป็นเวลาครึ่งปี และตลอดมาไม่มีใครยอมเดิมพันมันหรือแม้กระทั่งมองมันด้วยซ้ำ
เป็นเพราะขนาดที่ใหญ่เกินไป ทำให้ไม่มีใครสามารถคาดเดาหรือระบุคุณสมบัติของมันได้
หินก้อนนี้เคยถูกเสนอขายให้แก่คุณหนูซูมาก่อน แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่สามารถระบุได้ว่าหินนี้มีแร่จริงหรือไม่ ทำให้หินถูกทิ้งไว้ในร้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
การตัดสินใจเรื่องหินก้อนนี้ของจี้เฟิงเยี่ยน ทำให้คนที่มุงดูและเจ้าของร้านเห็นเป็นเรื่องตลก
อย่างไรก็ตามซูหลิงเฉิงพอใจมากกับผลลัพธ์เช่นนี้ หลังจากที่จี้เฟิงเยี่ยนได้เลือกหินของนางแล้ว ก็ถึงเวลาที่นางจะเริ่มเรื่องหินของตัวเองด้วยเช่นกัน
ซูหลิงเฉิงนั้นใช้สัญชาตญาณและนิ้วอันบอบบางของนาง ในการเลือก นางนั้นเกิดมาพร้อมกับสัมผัสพิเศษที่ไวต่อสิ่งของมีค่ามาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นนางจึงค่อนข้างมั่นใจว่าการเลือกของนางจะไม่ผิดพลาด
ในที่สุดซูหลิงเฉิวก็หยิบหินขนาดฝ่ามือมาได้ 1 ก้อน นางใช้มือที่บอบบางและละเอียดอ่อนเคราะห์หินและลูปมันอย่างทะนุถนอม “ข้าเลือกก้อนนี้”
เจ้าของร้านเดินไปหาซูหลิงเฉิงทันทีด้วยความกระตือรือร้น และติดป้ายสีแดงบนหินนั้น โดยระบุชื่อว่าซูหลิงเฉิงเป็นผู้เลือก
ซูหลิงเฉิงหันมากล่าวกับจี้เฟิงเยี่ยนว่า “เนื่องจากเจ้าเป็นผู้เลือกก่อน ดังนั้นข้าจะเป็นคนผ่าแร่หินก่อน”
จี้เฟิงเยี่ยนยักไหล่อย่างเฉยเมย ‘เอาที่สบายใจเลย’
ทันใดนั้นเจ้าของร้านก็สั่งลูกน้อง ให้มาผ่าแร่หินของซูหลิงเฉิง
หินของซูหลิงเฉิงนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรนัก ภายใต้การผ่าหินที่รวดเร็วและค่อยๆเฉือนปราณีต ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นหน้าของแร่อย่างเเจ่มชัดถนัดตา
ทันทีที่แร่กำลังจะถูกเปิด บรรยากาศภายในร้านก็เริ่มคึกคัก
“โอ้โห นั่นมันแร่ทองคำนี่ เห็นไหมมันคือแร่ทองคำ”
“โอ้โหพระเจ้า หลายปีมาแล้วข้าไม่เคยเห็นทองคำเลย”
ทางร้านคึกคักไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่าหินที่ซูหลิงเฉิงเลือกจะเป็นหินทองคำ
แร่ทองคำนั้น แทบจะอยู่จุดสูงสุดในบรรดาแร่หายากทั้งหมด ขนาดในเมืองหลวงที่เจริญแล้ว ยังไม่ค่อยจะเจอแร่ทองคำเลย และส่วนใหญ่ในทันทีที่พบเจอ แร่ชนิดนี้จะถูกส่งมอบให้แก่ราชวงศ์ หรือถ้าพบแร่ทองคำนี้ในท้องตลาด ราคามันก็จะสูงเสียดฟ้าจนคนธรรมดาไม่มีทางซื้อไหว
แม้ในเมืองจีจะมีแร่ทองคำอยู่ 3 ชิ้น ทว่าแต่ละชิ้นก็มีราคาสูงลิบลิ่ว
จะไม่ได้สกัดหินทั้งหมด แต่ทุกคนก็มั่นใจแล้วว่าผู้ชนะย่อมเป็นซูหลิงเฉิง
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันจะมีหินก้อนใด ที่ราคาสูงและหายากยิ่งกว่าหินทองคำ
จี้เฟิงเยี่ยนต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
แร่ทองคำของซูหลิงเฉิงนั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่โตนัก มีขนาดเพียงภาพเล็กๆภาพหนึ่ง แต่แร่ทองคำก้อนนี้ย่อมมีมูลค่าหลายเหรียญทองในท้องตลาดแน่
เมื่อเจ้าของร้านได้ถือแร่ทองคำเอาไว้ในมือ ดวงตาของเขาก็พลันลุกวาว เขามั่นใจว่ามูลค่าของทองคำก้อนนี้มันต้องเกินราคาของแร่หินดิบทั้งหมดในร้านของเขาอย่างแน่นอน
“คุณหนู ทองคำของท่านขอรับ” เจ้าของร้านยื่นแร่ทองคำให้ซูหลิงเฉิงด้วยมือที่สั่นเทา
ซูหลิงเฉิงวางแร่ทองคำเล็กๆบนฝ่ามือนางอย่างตั้งใจ และมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนอย่างยั่วเย้า
ผู้คนที่มาดูส่งเสียงโห่ร้อง และแสดงความยินดีแก่ชัยชนะของซูหลิงเฉิง
“เจ้าของร้าน รบกวนเจ้าบอกราคาของแร่ทองคำก้อนนี้ให้นางทราบสักหน่อยเถอะ” ซูหลิงเฉิงกล่าวอย่างพึงพอใจ
เจ้าของร้านกลืนน้ำลายเเล้วกล่าวว่า “คุณหนู ข้าไม่กล้าประมาณเกี่ยวกับราคาของแร่ทองคำหรอกขอรับ เเต่ข้าว่ามันอาจจะอยู่ที่ราคา 13,000 บาทเหรียญทอง”
อะไรนะ 13000 เหรียญทอง!!
สำหรับเมืองเล็กๆอย่างเมืองจี นี่เป็นตัวเลข… ที่ได้แต่เพ้อฝันเท่านั้น
ซูหลิงเฉิงมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความพึงพอใจ “ถึงตาเจ้าแล้ว”