ซูหลิงเฉิงมองไปที่จี้เฟิงเยี่ยนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาคู่สวยงามของนางกลายเป็นความเย็นชาสุดเเสนจะหยั่ง
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าจี้เฟิงเยี่ยนจะโชคดีถึงขนาดเเค่ผ่าเศษหินแล้วได้รับหินจันทราที่ไม่เคยปรากฏในเมืองจีมาก่อน…มันต้องดวงดีมากถึงเพียงไหน?
และที่น่าหัวร่อกว่านั้นก็คือ เจ้าของร้านบัดซบนั่นดันใช้หินมีค่าควรเมืองมาทำเป็นที่รองขาโต๊ะ!!..เรื่องนี้คงเล่าลือกันไปอีกนาน
แม้แต่คนโง่ที่สุดในอาณาจักรนี้ ก็ยังรู้จักคุณค่าของหินจันทรา
หินจันทรานั้นคือแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์และมีมูลค่ามหาศาลต่อนักปรุงยาอย่างยิ่ง นั่นก็เพราะคุณสมบัติของมัน สามารถยกระดับโอสถใดๆก็ได้ให้มีคุณภาพสูงขึ้น!! จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักปรุงยาหรือแม้กระทั่งผู้ปรุงโอสถของราชสำนักยังแสวงหาหินจันทรานี้แทบทุกวันคืน
ดังนั้นเมื่อใดที่มีหินจันทราปรากฏ คงไม่ต้องกล่าวว่าทั่วราชอาณาจักรจะวุ่นวายกันขนาดไหน?
ในอาณาจักรนี้มีหินจันทราอยู่แค่ไม่เกิน 10 ก้อน
และทุกก้อนมีขนาดเล็กจิ๋วจนน่าสังเวช ทว่าถึงมันจะเล็กเพียงไหน มูลค่าของแต่ละก้อนก็ไม่สามารถเอามาวัดได้ด้วยเงินทอง
ปัจจุบันหินจันทราทั้งหมดได้ถูกมอบให้แก่นักปรุงยาขึ้นชื่อหลายคน แม้กระทั่งซูหลิงเฉิงที่มีฐานะเป็นถึงนางกำนัลรับใช้คนสนิทขององค์หญิงใหญ่ยังได้แต่มองหินก้อนนี้จากที่ไกลๆ …ใช่ นางบังเอิญเห็นหินนี่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น!
การปรากฏขึ้นของหินจันทรา ทำให้ชัยชนะของซูหลิงเฉิงกลายเป็นฝันละเพ้อเพ้อยามบ่ายไปอย่างง่ายดาย
ไม่มีโอกาสที่นางจะหวนกลับมาชนะอีกต่อไป!!
ใบหน้าของซูหลิงเฉิงเต็มไปด้วยความซีดเซียว ความหยิ่งยโสและความมั่นใจบนใบหน้าของนาง ได้หายไปตั้งแต่หินจันทราปรากฏขึ้นแล้ว
เจ้าของร้านยืนตัวสั่นปานลูกนกตกน้ำ ณ บัดนี้เขาไม่รู้เลย ว่าจะพูดอะไรให้สถานการณ์มันพลิกผัน…ถึงอย่างไร เขาก็ต้องช่วยคุณหนูซูให้จงได้!
บุคคลที่มุงดูอยู่เงียบๆ พวกเขาเห็นได้ชัดแล้วว่าผู้ชนะการเดิมพันครั้งนี้คือ จี้เฟิงเยี่ยน ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบที่สุด
จี้เฟิงเยี่ยนยิ้มอย่างพึงพอใจ และมองท่าทีการแสดงออกของเหล่าผู้คนรอบตัว นางมองใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนเจอผีของซูหลิงเฉิง ดูใบหน้าที่โกรธจนตัวสั่นของเจ้าของร้านและใบหน้าที่ตื่นตกใจของผู้ชมที่อยู่รอบๆ….มันช่างวิเศษเเละน่าสนใจอะไรเเบบนี้!!
“ซูหลิงเฉิง ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องทำตามสัญญาแล้วล่ะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนหน้าของจี้เฟิงเยี่ยน แต่ในสายตาของซูหลิงเฉิงมันเป็นดั่งคำสาป..เป็นแววตาของปีศาจผู้ชั่วร้าย
ซูหลิงเฉิงกำหมัดแน่น ทั่วทั้งร่างกายของนางสั่นเทาไปด้วยความโกรธ นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลย ว่านางจะพ่ายแพ้ให้กับนางเเพศยาคนนี้จริงๆ อีกทั้งยังเป็นการพ่ายแพ้ในสิ่งที่นางถนัดมากที่สุดด้วย
ทั่วทั้งร้านเต็มไปด้วยความเงียบ บรรยากาศแลดูหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก ไม่มีใครพูดคุยกัน ทุกคนหดหู่อย่างน่าสงสาร
ใบหน้าเจ้าของร้านซีดลง เขามองไปที่ซูหลิงเฉิงที่กำลังทำท่าทีที่โมโห หัวใจของเขาก็พลันเต้นแรงด้วยความตื่นกลัว ด้วยเวลาครู่หนึ่งเขาก็พอที่จะสงบสติอารมณ์ได้ เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และเดินเข้าไปข้างหน้าแกล้งทำตัวเป็นสงบเงียบ จากนั้นก็ปั้นหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ตามวิสัยของพ่อค้าหน้าเลือด
“ลูกค้าท่านนี้ เดิมพันหินแพ้ชนะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับดวง ท่านทำไมถึงต้องจริงจังขนาดนี้ คุณหนูสู้เพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”
หลังจากที่เจ้าของร้านประโยคนี้จบ ฝูงชนที่อยู่รอบๆก็ต่างพากันพยักหน้าตอบรับอย่างต่อเนื่องเหมือนอุปทานหมู่ พวกเขาเห็นด้วยกับเจ้าของร้านอย่างเต็มที่
“ถูกแล้วมันก็แค่เรื่องพนัน เจ้าจะจริงจังอะไรกันนักกันหนา!!”
“จะใจแคบไปถึงไหน เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถบีบบังคับใครก็ได้โดยอาศัยว่าตัวเองโชคดีกว่าเท่านั้นน่ะหรือ!!”
“ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจชั่วร้ายจริงๆ!!”
“เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดท่านถึงเข้าข้างคนชั่วร้ายถึงขนาดนี้ และบีบให้คนดีถึงทางตัน”
มหาชนโดยรอบเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจ ทุกคนร่วมกันกล่าวว่าร้ายจี้เฟิงเยี่ยนเเละพยายามพลิกสถานการณ์เพื่อช่วยนางฟ้าประจำเมือง ‘ซูหลิงเฉิง’
จี้เฟิงเยี่ยนมองพฤติกรรมของทุกคนแบบนี้เงียบๆ จากนั้นนางเข้ามือขึ้นมาปิดปาก แล้วระเบิดหัวเราะดังลั่น!
เสียงหัวเราะของนางทำให้ทุกคนที่อยู่โดยรอบเงียบกริบทันที และยืนมองดูเด็กสาวที่กำลังหัวเราะด้วยความมึนงง
“เจ้าหัวเราะอะไร มีอะไรให้หัวเราะกันห๊ะ?” ซูหลิงเฉิงขมวดคิ้ว ในขณะที่อีกฝ่ายหัวเราะอย่างสะใจ มันทำให้นางรู้สึกว่านางกำลังถูกนังเด็กเเพศยาคนนี้เยาะเย้ย
จี้เฟิงเยี่ยนหัวเราะอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะหยุดลงเเละยิ้มหวานให้ทุกคนเหมือนเดิม เพียงเเต่นางเปลี่ยนท่าทีจากเฉยเมยเป็นเอามือเท้าคางพร้อมกับเอียนศีรษะอย่างฉงน
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่นึกว่าพวกเจ้าเนี่ยช่างน่าสนใจ ข้ารู้เเล้วล่ะ จริงๆเเล้ว พวกเจ้าตั้งใจจะรวมหัว ‘โกง’ เดิมพันใช่มั้ย?”