เสี่ยวซื่อเบ้ปากพร้อมคิดในใจ ‘ความคิดดีที่ไม่ดีมากกว่า!”
เฉินเฉิงเยี่ยกล่าวออกด้วยความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น “ใช่แล้วนายน้อย! นางยืนยันความบริสุทธิ์ของตนแข็งกร้าว หากท่านสามารถยืนยันว่านางเสียความบริสุทธิ์ให้ท่านแล้ว คนในหมู่บ้านก็จะพาตัวนางไปถ่วงน้ำ! ด้วยวิธีนี้ความแค้นและความคับข้องใจทั้งหมดก็จะถูกสะสางหมดสิ้น!”
หลี่ซื่อฮว๋าพยักหน้ารับ “หญิงผู้นี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ไม่ผิดหรอกหากจะสั่งสอนนางซะบ้าง!”
เฉินเฉิงเยี่ยกำลังจะพูดต่อ แต่หลี่ซื่อฮว๋ายกชาขึ้นจิบพร้อมกล่าวแทรก “เมื่อเจ้าได้กล่าวสิ่งที่ต้องการแล้ว จงกลับไปเถิด… ข้าต้องการพักผ่อน”
สิ้นประโยคนั้นเฉินเฉิงเยี่ยคลานเข่าออกมาราวกับสุนัข ขณะที่เสี่ยวซื่อกำลังจะปิดประตูให้นายน้อย เฉินเฉิงเยี่ยก็ลุกขึ้นปิดประตูตัดหน้าเขา!
“นายน้อย… ชายผู้นี้ช่างไร้ยางอายเสียจริง ใช้วิธีการนี้ใส่ร้ายผู้หญิง สารเลวนัก!”
หลี่ซื่อฮว๋าถอนหายใจอย่างเย็นชา “แล้วหากเจ้ารู้ว่านายน้อยของเจ้าไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้าจะยังเป็นสหายของข้าอยู่ไหม?”
เสี่ยวซื่อตอบกลับเสียงแข็ง “ข้าเชื่อว่านายน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น! ข้าชื่นชมท่านอยู่เสมอ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านถึงตอบรับไปเช่นนั้น?”
หลี่ซื่อฮว๋าถอนหายใจ “ดูเหมือนหญิงผู้นี้จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับข้า… นางดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง และเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์!”
“เจ้าบอกว่าจะเป็นสหายที่ดีและจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยผู้นี้ใช่หรือไม่ งั้นจะเป็นการดีหรือไม่ที่จะหาทางออกให้นาง? หลังจากนางกลับมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นแถมยังต้องถูกตีกรอบโดยอาวุโสที่แก่แต่ตัว!”
“แต่ข้าคิดว่านางคงไม่รู้ว่านายน้อยนั้นจิตใจดี… เพราะหากให้ข้าเดาปกติแล้วผู้หญิงทุกคนเมื่อได้ยินชื่อเสียงของท่านก็ต่างเตลิดหนีกันไปหมดไม่ใช่หรือ?”
หลี่ซื่อฮว๋ารู้สึกอับอายยิ่งก่อนจะเดินมาเตะเสี่ยวซื่อ!
“เจ้าคนทรยศ! เมื่อครู่ยังบอกว่าชื่นขมข้าแต่ในวินาทีต่อมากลับบอกว่าข้ามีแต่ชื่อเสียงในเรื่องแย่ ๆ!”
เสี่ยวซื่อรีบร้องออก “นายน้อย โปรดยกโทษ… ข้าทราบความผิดแล้ว!”
หลี่ซื่อฮว๋าไม่สนใจเสี่ยวซื่อต่อไป เขาถือถ้วยน้ำชาพร้อมกับทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
ในตอนนั้นเองหลินชวนฮวาเคาะประตูบ้านอย่างแผ่วเบา
เสี่ยวซื่อรีบเดินไปเปิดประตูด้วยความร้อนใจ
เมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนผู้ทรงเสน่ห์ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกจากอก
“เจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่นี่!?”
หลี่ซื่อฮว๋าหันศีรษะถาม “เสี่ยวซื่อ… ใครมา?”
เนื่องจากหลินชวนฮวาเป็นผู้หญิง เสี่ยวซื่อจึงไม่กล้ายื่นมือเพื่อผลักไสนาง ทำได้เพียงห้ามไม่ให้เข้ามาเท่านั้น
แต่หลี่ซื่อฮว๋าจดจำได้ทันทีว่าหญิงวัยกลางคนนี้คือใคร!
‘หญิงผู้นี้คือแม่เลี้ยงที่คุยกับข้าเรื่องจะส่งลูกสาวมาให้ไม่ใช่เหรอ? ดูเหมือนว่านางจะเป็นแม่เลี้ยงของเด็กผู้หญิงคนนั้น!’
“นายน้อยหลี่… นี่ข้าเอง! ข้าเป็นแม่ของเด็กผู้หญิงที่หนีออกจากบ้านของท่าน!”
หลี่ซื่อฮว๋าเขย่าแก้วชาในมือและไม่ได้ตอบคำใดกลับ
“นายน้อยหลี่… ท่านก็ได้เห็นความงามของนางแล้ว… ไม่สนใจความงามเล็กน้อยนั่นหน่อยหรือ?”
หลี่ซื่อหัวคิดในใจ ‘หญิงผู้นี้เป็นโรคจิตวิปริตหรืออย่างไร?’ แต่เขายังคงต้องสงวนท่าทีจึงเพียงแค่ยิ้มรับ
“จริงดังเจ้าว่า… เด็กสาวผู้นั้นงดงามยิ่งและยังดื้อรั้นกว่าหญิงคนอื่น ข้าอยากจะสอนให้นางรู้จักอ่อนข้อเสียจริง แต่เพราะเหตุใดกันนางจึงไม่เต็มใจที่จะอยู่กับข้าและหนีไป… ไม่กลัวตายบ้างหรือ? กล้าหนีไปได้อย่างไร?”
เมื่อหลินชวนฮวาเห็นว่านายน้อยชอบพอเฉินเถียนเถียนอยู่บ้างจึงรีบเร่งเร้า นี่เป็นโอกาสที่ดีในการหว่านล้อมอีกฝ่าย!
“หากนายน้อยต้องการข้าคิดว่ายังพอมีทาง! ตอนนี้ชื่อเสียงของนางไม่ดีนัก หากท่านยอมรับว่านางเสียตัวให้ท่านแล้ว หญิงผู้นั้นจะถูกส่งไปถ่วงน้ำ หากท่านช่วยเหลือนางได้… บางทีนางอาจจะยอมติดตามท่านไปด้วยความเต็มใจ!”
“เมื่อเวลานั้นมาถึง นายน้องหลี่เพียงแค่เดินออกมาและยอมรับนางเป็นนางบำเรอ ท่านก็จะช่วยชีวิตนางได้และยังช่วยเยียวยาหัวใจผู้เป็นแม่เช่นข้า แล้วเรื่องทั้งหมดก็จะจบลงที่ท่านเป็นผู้ครอบครองนาง”
หลี่ซื่อฮว๋าคล้ายกับพระเจ้าเมื่อเขายืนอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
แต่หญิงสาวตัวน้อยคนนั้นเป็นเพียงชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ที่ไร้หนทางต่อสู้… นางเพียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองแต่ต้องต่อสู้กับคนในครอบครัวที่คอยลอบกัดอีกด้วย!
แม้ว่าเขาอยากจะไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปมากเพียงไรแต่ก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้
“โอ้ งั้นหรือ! ท่านจะยกลูกสาวให้ข้าสินะ… แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นลูกชายของท่านก็คงจะไม่มีวันได้กลับไปที่โรงเรียนอีกแล้วเพราะเขาถูกท่านหลินไล่ออก!”
เมื่อได้ยิน หลินชวนฮวาจึงเอ่ยปากถามอย่างร้อนใจ “ท่านหลินได้รับคำเชิญจากตระกูลของท่านให้ช่วยสอนหนังสือให้กับคนที่ตระกูลบอกกล่าวให้สอนมิใช่หรือ เหตุใดเขาจึงปฏิเสธได้?”
หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มอย่างเย็นชา “ท่านหลินไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นถึงขุนนางยิ่งใหญ่ แม้เราจะเป็นคนเชิญเขามาก็จริงแต่เขาไม่จำเป็นต้องสอนหนังสือให้กับคนฉาวโฉ่!”
เมื่อหลินซื่อฮว๋าได้ยินแบบนั้นนางก็ยิ่งเกลียดเฉินเถียนเถียนมากยิ่งขึ้น!
หากเด็กสาวผู้นี้เข้าไปอยู่ในบ้านของหลี่ซื่อฮว๋าอย่างถูกต้อง ชื่อเสียงของเฉินเฉิงเยี่ยคงไม่ลงเอยเช่นนี้แน่! อย่างไรเสียท่านหลินก็มิใช่ขุนนางยิ่งใหญ่อะไรนัก แต่เขามองไม่เห็นความสามารถของเฉินเฉิงเยี่ยได้อย่างไร?
แต่หากท่านหลินไม่เต็มใจสอนก็ย่อมต้องหาผู้อื่นมาสอนแทนได้!
“ในเมื่อท่านหลินไม่เต็มใจ เราก็คงไม่สามารถบังคับได้ แต่ไม่เป็นไร… หากลูกสาวข้าจะต้องแต่งงาน เราก็ควรได้รับสินสอดทองหมั้นเพราะเดิมทีครอบครัวข้าก็ไม่ได้ร่ำรวยนัก นายน้อยหลี่คิดเห็นอย่างไร?”
หลี่ซื่อฮว๋ายกยิ้มเย็นชา “เจ้าต้องการให้ลูกสาวที่มีชื่อเสี่ยงเสื่อมเสียแต่งงานกับข้า… แล้วยังจะกล้าเอ่ยปากขอสินสอดทองหมั้นอีกหรือ?”
หลินชวนฮว๋าผงะไปครู่หนึ่ง นางไม่คิดว่านายน้อยหลี่จะเป็นคนกลับกลอกเช่นนี้ ก่อนหน้าเขาเอ่ยปากราวกับต้องการชดใช้… แต่ในวินาทีต่อมา เขากลับไม่ให้ราคาฝ่ายเจ้าสาวเลยแม้แต่แดงเดียว!
“นายน้อยหมายความว่าอย่างไร… เถียนเถียนยังเป็นสาวบริสุทธิ์! ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือ?”
เป็นตอนนี้เองที่หลี่ซื่อฮว๋าได้เห็นธาตุแท้ของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า เขารู้สึกสะอิดสะเอียนและไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับนางอีกต่อไป
ความเกลียดชังที่หญิงคนนี้มีต่อลูกเลี้ยงไม่ต่างอะไรจากแม่เลี้ยงของเขาแม้แต่น้อย… เฉินผิงอันช่างโง่เขลานัก คงจะลุ่มหลงในกามอารมณ์เช่นเดียวกับพ่อของเขาไม่ผิดแน่!
“เอาล่ะ หยุดพูดเถิด! ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร… นี่ก็ดึกมากแล้ว หญิงที่แต่งงานแล้วมาอยู่กับข้าในยามดึกเช่นนี้ หากใครรู้เข้าคงไม่ดีนัก… และข้าคงไม่อาจรับผิดชอบท่านได้!”
หลินชวนฮวาใบหน้าแดงก่ำพร้อมกับในใจ ‘ช่างเถิด แม้จะไม่ได้ผล… แต่การได้ขับไล่เด็กสาวผู้นี้ออกไปเพื่อแลกกับเงินก็ไม่ได้เลวร้ายนัก!’
หลินชวนฮวายกยิ้มอย่างมีชัยพร้อมกับจากไป ทิ้งให้หลี่ซื่อฮว๋ารู้สึกเห็นอกเห็นใจเถียนเถียนอยู่ฝ่ายเดียว
ส่วนเสี่ยวซื่อถุยน้ำลายตามหลังนางอย่างดูถูก!