แต่เฉินเฉิงเยี่ยหงุดหงิดทันทีเมื่อได้ยินผู้เป็นแม่กล่าวคำ เพราะเขาไม่ชอบให้ใครมาสั่ง!
“หมดเรื่องแล้ว ข้าต้องการพักผ่อน! ข้าเรียนและอ่านหนังสือทั้งวันเหน็ดเหนื่อยยิ่ง มันดึกมากแล้ว รีบออกไปสักที!”
หลินชวนฮวาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ หากไม่ใช่เพราะนางคงมีหลายคนในเมืองที่พร้อมรับเขาเป็นศิษย์ แต่เพราะปัญหาที่นางก่อขึ้นทุกอย่างจึงพังทลายลง เมื่อไตร่ตรองสักครู่นางจึงตัดสินใจว่าวันถัดไปจะมุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อค้นหาคนที่จะรับลูกชายเป็นศิษย์… ต่อให้ต้องใช้เงินทองมากมายเท่าไหร่นางก็ยอม!
เมื่อเห็นลูกชายโกรธจัดนางจึงรีบกระวีกระวาดออกจากห้องและย่องเบาเข้าห้องตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานเฉินเถียนเถียนย่องออกจากโรงเก็บไม้และมุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขาเทพธิดา
ข้างริมธารคือสถานที่นัดหมาย เฉินเถียนเถียนมองเห็นกองไฟอยู่ไม่ไกลนัก ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรังเช่นเคย
เมื่อเข้าไปไกลนางก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังย่างไก่ป่าอยู่ กลิ่นหอมของมันฟุ้งกระจายไปทั่ว… เฉินเถียนเถียนลอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหิวจากสีหน้าได้
“หยุนเคอ… ขอโทษที่ข้ามาช้า เป็นเพราะต้องรอให้พวกเขาหลับก่อนจึงจะแอบออกมาได้”
หยุนเคอไม่ได้ตอบคำใดกลับเพียงยกไก่ที่ถูกย่างไว้ขึ้นจากกองไฟและวางลงบนใบไม้ เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมาหั่นไก่ตรงหน้า
เสร็จสิ้นแล้วเขายกไก่ป่าครึ่งหนึ่งให้กับเฉินเถียนเถียน… แต่เด็กสาวกลับงุนงงต่อการกระทำนั้น นางตกตะลึงอยู่นานก่อนจะคิดได้ว่าเขามอบมันให้นาง เช่นนี้จึงรีบเอื้อมมือคว้าไว้โดยเร็ว
หยุนเคอยังคงไม่กล่าวคำใด เขาหยิบไก่อีกครึ่งขึ้นมาและเริ่มรับประทานอย่างช้า ๆ
ใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉย ซึ่งเป็นสิ่งที่เถียนเถียนไม่สามารถคาดเดาได้ นางจึงนั่งเงียบไม่พูดอะไรอีก…
ทั้งสองคนนั่งกินไก่ป่าด้วยกันจนหมดสิ้นเหลือเพียงกระดูกที่สะอาดเอี่ยม
เฉินเถียนเถียนจึงลุกขึ้นก่อนจะกล่าวคำ “วันนี้เจ้าสอนข้าล่าสัตว์ ส่วนข้าก็จะสอนวิธีแกะรอยสัตว์ป่าทุกชนิด… เมื่อก่อนข้าเชี่ยวชาญการแกะรอยยิ้มแต่ว่าไม่มีความสามารถในการจับ หากเราร่วมมือกัน ผลลัพธ์จะต้องยอดเยี่ยมโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่ง!”
ใบหน้าเย็นชาของหยุนเคอพลันเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก่อนเขาจะกล่าวตอบ “เริ่มกันเลย…”
นี่คือคำแรกที่เขากล่าวออกมาในคืนนี้!
เถียนเถียนเงยหน้าขึ้นมองดูแสงจันทร์พร้อมกับทอดสายตาไปรอบ ๆ นางเริ่มแกะรอยเท้าสัตว์บนพื้นอย่างรอบคอบ จนในที่สุดก็พบร่องรอยของกระต่ายป่า
หยุนเคอไม่พูดพร่ำคำใด เขาหยิบคันธนูออกมาและยิงออกไปทันที! เพียงแค่การยิงธนูดอกเดียวสามารถปลิดชีพกระต่ายป่าได้ทันที…
เฉินเถียนเถียนหยิบยกร่างกระต่ายป่าขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินไปข้างหน้าเพื่อทำงานต่อ
เป็นเพราะนี่คือกลางคืน ความมืดจึงค่อนข้างเป็นอุปสรรคในการแกะรอยไม่น้อย
ไม่นานนักเถียนเถียนได้กลิ่นเหม็นโชยมาตามลม แม้นางจะไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่ก็พอเดาได้ว่านั่นคือมูลสัตว์!
หลังจากเดินตามกลิ่นไปก็พบกองอุจจาระขนาดใหญ่… มันคือสัตว์ใหญ่!
“หยุนเคอ… ถ้าเราพบหมูป่า เจ้าจะสามารถจัดการมันได้หรือไม่?”
เถียนเถียนกล่าวถามอย่างคาดหวังแต่ดูเหมือนหยุนเคอจะรำคาญนางไม่น้อยกับคำถามเหยียดหยามเช่นนี้
‘บัดซบ! นายพรานผู้เก่งกาจสามารถเหาะเหินได้เช่นข้าหากไม่สามารถสังหารหมูป่าได้ แล้วข้าจะมีชีวิตรอดในโลกนี้ได้อย่างไร?’
เถียนเถียนตามกลิ่นนั้นไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดได้ยินเสียงดังขึ้นในความมืดตรงหน้า ทันใดนั้นเองหยุนเคอดึงนางไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แม้เถียนเถียนจะรู้สึกตัวช้ากว่าแต่นางก็รับรู้ได้ถึงอันตราย
ตอนนั้นเองหมูป่าตาแดงพุ่งออกมาจากพุ่มไม้ เหมือนว่าน้ำหนักของมันราวหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้!
เขี้ยวแหลมคมโผล่ออกมาจากปากของมันเรืองรองภายใต้แสงจันทรา…
ด้วยความตื่นตระหนกเถียนเถียนจึงปีนขึ้นต้นไม้อย่างเร่งรีบ
“ข้าหามันจนพบแล้ว จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจะจัดการมันได้หรือไม่! ข้าจะรออยู่ตรงนี้นะ…”
หยุนเคอเพียงยกยิ้มจางก่อนจะมองเถียนเถียนผู้กำลังพยายามปีนต้นไม้อย่างเงอะงะ เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะก่อนจะอุ้มนางขึ้นและทะยานสู่ด้านบน ชายร่างใหญ่วางเด็กสาวไว้บนกิ่งไม้ก่อนจะกระโดดลงมาสู้กับหมูป่าต่อ
หมูป่าพุ่งเข้าหาหยุนเคออย่างเกรี้ยวกราด
หยุนเคอไม่ได้ใช้ธนู เขาหยิบกริชเล่มเล็กออกมา
หมูป่าพุ่งเข้ามาอย่างไม่หวาดหวั่น ส่วนหยุนเคอเพียงย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี
จากนั้นเขายื่นกริชในมือออกไปอย่างรวดเร็ว บาดแผลยาวลึกถูกฝากไว้บนลำคอของหมูป่า เลือดไหลทะลักราวกับเขื่อนแตก
ยิ่งมันบาดเจ็บมากเท่าไหร่ ความคลั่งยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มันเอี้ยวตัวกลับพร้อมพุ่งทะยานเข้าหาหยุนเคออีกครั้ง
หยุนเคอกระโดดพร้อมใช้ขายาวของตัวเองรัดลำคอของมันเอาไว้ก่อนจะเงื้อมกริชขึ้นสูงและแทงตัดขั้วหัวใจของมันอย่างรุนแรง!
หมูป่าล้มลงและแน่นิ่งไปโดยไม่ทันได้กรีดร้อง
เถียนเถียนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง นางตื่นตระหนกไม่น้อยกับฉากน่าตื่นตา เด็กสาวต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อตั้งสติก่อนจะร้องตะโกนออก “หยุนเคอ… พาข้าลงไปหน่อย!”
หยุนเคอได้ยินดังนั้นจึงนึกได้ว่านางอยู่บนต้นไม้ เขาจึงกระโดดขึ้นไปอุ้มนางกลับลงมาพื้น
เพราะเถียนเถียนคือตำรวจเก่า แม้ว่าจะเป็นคนตายนางก็ไม่คิดหวาดกลัว แต่ตอนนี้สิ่งที่ตายตกเป็นเพียงหมูป่าตัวหนึ่งเท่านั้
อีกทั้งเถียนเถียนเบื่อหน่ายกับความหิวโหยในโลกใบนี้ยิ่งนัก หมูป่าตัวใหญ่ตรงหน้านี้ไม่มีความสามารถใดจะทำให้นางสงสารได้แม้แต่น้อย ในสายตาของนางมันก็เพียงหมูหันที่แสนอร่อยเท่านั้น…
‘นางเพิ่งจะกินไก่ป่าไปครึ่งตัวมิใช่หรือ?’
หยุนเคอมองเด็กสาวที่เผยแววตาหิวโหยใส่หมูป่าที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าอย่างหวาดหลัว…
“หยุนเคอ… เจ้าจะแบ่งหมูป่านี้อย่างไร มันคือสิ่งที่เราสองคนร่วมกันหา เจ้าแบ่งให้ข้าเพิ่มขึ้นอีกสักนิดได้หรือไม่? แต่ข้าไม่ได้ต้องการมากมายนัก ขอแค่สองมื้อก็พอ!”
หยุนเคอเงียบพร้อมครุ่นคิด ‘นางสามารถแกะรอยสัตว์ป่าได้… ค่อนข้างเก่งพอสมควร แต่นางยังไม่สามารถล่าสัตว์ได้ หากร่วมมือกับนาง… ข้าก็จะมีเงินสร้างบ้านในเร็ววัน!’
“ข้าให้ครึ่งหนึ่ง!”
“โอ้?”
คำกล่าวตอบถึงกับทำให้เถียนเถียนตกตะลึง
การจัดการกับหมูป่าตัวนี้ต้องใช้ทักษะมากมาย แม้ว่านางจะเป็นคนแกะรอยก็จริง แต่หากไม่มีหยุนเคอ… อย่าว่าแต่การสังหารหมูป่าเลย เพียงรักษาชีวิตตัวเองไว้ก็คงทำไม่ได้!
หยุนเคอพยายามใช้มีดหั่นเนื้อของหมูป่าเพื่อผ่าครึ่ง เถียนเถียนที่มองอยู่ก็เผยแววตาที่แปลกไป… เขาไม่ใช่คนตระหนี่สักหน่อย!
“ขอบคุณแล้ว!”
ในตอนนั้นเองหยุนเคอจึงเงยหน้าขึ้นมองเถียนเถียนด้วยแววตาประหลาด แต่นางกลับไม่เข้าใจจึงเอ่ยถาม “มีอะไรงั้นหรือ?”
หยุนเคอไม่ได้ตอบกลับพร้อมทรุดตัวนั่งลงก่อนจะกล่าวถาม “แล้วเจ้าจะแบกหมูป่าครึ่งหนึ่งกลับไปยังไง?”
เถียนเถียนได้ยินอย่างนั้นก็พลันปวดร้าว นางรีบคิดหาวิธีเพื่อจะได้รับหมูป่าอีกครึ่ง…
เมื่อคิดได้นางรีบร้องบอก “เดี๋ยวก่อน! ย้ายหมูป่าตัวนี้กลับไปที่ถ้ำกันเถอะ หลังจากผ่าครึ่งแล้ว… ข้ามีวิธีจัดการกับมัน!”
หยุนเคอพยักหน้ารับ แม้ในใจจะอยากรู้อยากเห็นแต่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ…