หลินชวนฮวาลืมไปว่าแม้นางจะชื่นชมลูกชายของตนเองเท่าไหร่ แต่ความจริงแล้วยังไม่มีผู้ใดยอมรับเฉินเฉิงเยี่ยเลย
จริง ๆ แล้ว เฉินเฉิงเยี่ยเป็นคนมีความสามารถมาก แต่การศึกษาส่วนใหญ่ในยุคนี้คือการท่องจำ ดังนั้นจึงทำให้เขาหมดความสนใจในการเรียนไป
เฉินเถียนเถียนรู้ดีว่าระบบการสอบเป็นนักปราชญ์หรือจักรพรรดิในยุคนี้เข้มงวดมาก! ดังนั้นนางจึงพอคาดเดาสถานการณ์ของลูกชายได้!
เพราะการต้องหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือทั้งวันจึงเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับวัยหนุ่มสาว และทำให้บางคนควบคุมตัวเองไม่ได้! เช่นเดียวกับนักเรียนในยุคปัจจุบันหลายคน ที่มักจะผล็อยหลับไปขณะอ่านหนังสือและเฉินเฉิงเยี่ยก็น่าจะตกอยู่ในสถานการณ์นั้น
ดังนั้นนางจึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถสั่งสอนเฉินเอ๋อได้
แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในครอบครัวนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใดต่อการหลับนอนของเฉินเถียนเถียนเลยแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะในตอนที่หลินชวนฮวาเข้าไปในโรงเก็บไม้และเห็นเฉินเถียนเถียนนอนหลับอยู่ ซึ่งนั่นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจพร้อมกับสงสัย ‘นางเด็กขี้ครอกผู้นี้หิวโหยมาหลายวันแล้วและไม่มีใครเห็นใจแม้แต่น้อย แต่เหตุใดร่างกายอันผอมโซนี้กลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น?! นางควรอดตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?!’
ทว่าคำเตือนของผู้เฒ่ายังคงดังก้องในหูของหลินชวนฮวา จึงทำให้นางไม่กล้าทำอะไรรุนแรงต่อเด็กหญิงผู้นี้!
เมื่อยามราตรีมาเยือน ครอบครัวเฉินหลับใหลอีกครั้ง เมื่อได้โอกาสเฉินเถียนเถียนจึงแอบออกจากบ้าน
นางมุ่งหน้าไปยังริมธารแต่วันนี้ไม่พบหยุนเคอ
เฉินเถียนเถียนจึงรอเขาอยู่ที่นั่นและเริ่มจุดไฟเพื่อทำอาหาร
เฉินเถียนเถียนหยิบวัตถุดิบออกมาจากเถาเป่า หลังจากหุงข้าวเสร็จ เฉินเถียนเถียนก็ตักข้าวใส่ชาม ก่อนจะนำหม้อไปล้างเพื่อนำมาตุ๋นเนื้อไก่!
เมื่อหยุนเคอมาถึง เขาก็เห็นเฉินเถียนเถียนกำลังก้มเป่าเตาไฟจนใบหน้าเต็มไปด้วยขี้เถ้า
“เจ้าทำอาหารอยู่หรือ?”
เฉินเถียนเถียนสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหยุนเคอ ทันใดนั้นนางก็นึกได้ว่าใบหน้าตนเต็มไปด้วยขี้เถ้า ซึ่งมันดูสกปรกยิ่ง!
เฉินเถียนเถียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทำไมทุกอย่างจึงบังเอิญขนาดนี้? ดูหมือนว่าหยุนเคอมักจะโผล่มาในช่วงเวลาแห่งความอับอายของนางเสมอ!
แม้จะไม่ทันแล้วแต่เฉินเถียนเถียนก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและวิ่งไปยังลำธารเพื่อล้างหน้า! หยุนเคอจึงคิดว่าหากยิ่งมอง นางคงยิ่งอับอาย เช่นนี้เขาจึงเบือนหน้าไปทางอื่นแทน
หยุนเคอมองหม้อตุ๋นและจานข้าวของเฉินเถียนเถียนอย่างครุ่นคิด ‘เด็กสาวคนนี้ขนของจากที่บ้านมาหมดเลยงั้นหรือ? แล้วหลังจากฟ้าสางนางจะขนมันกลับไปอย่างไร?’
หลายวันแล้วที่หยุนเคอไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับตระกูลเฉินและไม่รู้เลยว่าชีวิตของเด็กสาวผู้นี้เป็นอย่างไร แต่เมื่อเขามาเห็นนางทำอาหารในคืนนี้ก็เดาได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ยังหิวโหยอยู่…
“หยุนเคอ… ลองกินตุ๋นเนื้อไก่ที่ข้าทำดูสิ! อร่อยมาก!”
หยุนเคอมีนิสัยรักสะอาด เมื่อเห็นว่าเฉินเถียนเถียนเพิ่งล้างมือ อีกทั้งชามข้าว หม้อ และเนื้อไก่ตุ๋นก็ดูสะอาดปลอดภัย ดังนั้นเขาจึงรับถ้วยไว้!
หลังจากรับเอามาแล้ว หยุนเคอมองเห็นตะเกียบจากกิ่งไม้ที่เพิ่งหักมา เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
แต่เฉินเถียนเถียนไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก นางหยิบชามและตะเกียบพร้อมเริ่มลงมือจัดการหม้อตรงหน้าทันที ในแต่ละวันเฉินเถียนเถียนได้กินอาหารเพียงสองมื้อเท่านั้น แม้ตอนนี้จะเริ่มชินบ้างแล้วแต่ท้องก็ยังหิวเสมอ ดังนั้นวัตถุดิบที่หามาได้ทั้งหมดล้วนอยู่ในท้องของนางทั้งหมด!
หญิงสาวกลืนอาหารเหล่านี้อย่างเร่งรีบ ทำให้หยุนเคอรู้สึกว่าไก่ตัวนี้ช่างดูน่าอร่อย! จากนั้นเขาจึงเริ่มหยิบตะเกียบคีบอาหารเข้าปากโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเขาก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน เฉินเถียนเถียนจึงไม่กล้าซ่อนอาหารต่อหน้าหยุนเคออีกและคิดจะย้ายไปซ่อนไว้ในพุ่มไม้อื่น
หยุนเคอมองดูอาหารทั้งหมดนี้และรับรู้ได้ว่า… แท้จริงแล้วสัตว์ประหลาดตัวน้อยผู้นี้ค่อนข้างฉลาดและเขารู้สึกได้ว่านางไม่ต้องการให้ใครรับรู้ถึงความสามารถพิเศษของตน
อย่างไรก็ตาม หยุนเค่อไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนางเพราะเขาเคยเห็นความดีและความชั่วมากมายในโลกมนุษย์มานานแล้ว เนื่องจากสัตว์ประหลาดตัวน้อยไม่มีเจตนาร้าย เขาจึงตั้งใจว่าปล่อยนางไป
หลังจากนั้น ทั้งสองจึงออกล่าด้วยกันอีกครั้ง โดยให้เฉินเถียนเถียนเป็นผู้นำและหยุนเคอตามหลัง!
แต่เฉินเถียนเถียนกลับรู้สึกว่าการล่าคราวนี้จะไม่ราบรื่นเหมือนครั้งก่อน!
เถินเถียนเถียนรู้สึกถึงลางร้ายอะไรบางอย่าง ราวกับรับรู้ได้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้น… หัวใจของนางเต้นแรงและขาสั่นเสียควบคุมไม่อยู่
“หยุนเคอ วันนี้เราพอกันแค่นี้เถิด! ข้าเหนื่อยมากจากการล่าเมื่อหลายวันที่ผ่านมา!”
แต่ในสายตาของหยุนเคอ นางไม่ได้ดูเหนื่อยล้าอะไรเลย…
มีอะไรผิดปกติกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนี้หรือไม่?
ขณะที่เฉินเถียนเถียนจะพยายามโน้มน้าวหยุนเคอ ทันใดนั้น… เสียงคำรามลั่นก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของป่า!
เฉินเถียนเถียนหน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก ทำไมยังมีหมีป่าในหมู่บ้านเทพธิดา?
หยุนเคอก็ตกใจเช่นกัน!
หลังจากนั้น เฉินเถียนเถียนคว้าแขนหยุนเคอไว้แน่นและตะโกนเสียงหลง “วิ่ง! วิ่ง!”
หยุนเคอจะกลัวหมีได้อย่างไรในเมื่อแต่เดิมเขาเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้? แต่เมื่อเฉินเถียนเถียนดึงแขนให้เขาวิ่ง หยุนเคอก็มึนงงและวิ่งตามนางไปอย่างไม่มีทางเลือก!
อย่างไรก็ตาม คนที่มีสองขาจะวิ่งหนีหมีสี่ขาได้อย่างไร?
ไม่นานนัก เจ้าหมีร่างใหญ่ก็มาหยุดยืนตรงหน้าทั้งสองและกำลังจะกระโจนใส่พวกเขา!
หยุนเค่อฉุดเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้อย่างแรงแล้วโยนนางขึ้นไปบนต้นไม้!
เฉินเถียนเถียนกลัวมากจนกรีดร้องและกอดกิ่งไม้ไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว!
จากนั้นจึงมองไปที่หยุนเค่อซึ่งอยู่ด้านล่างด้วยความตกใจ ดูเหมือนว่าเขาจะทารุณหมีป่าอยู่ฝ่ายเดียว…
เฉินเถียนเถียนมองดูหมีป่าที่กำลังถูกหยุนเคอจัดการ นางจึงถอนหายใจโล่งด้วยความเบาใจ จากนั้นจึงนั่งมองดูพวกเขาต่อสู้กันอยู่บนต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ!
แม้ว่าหมีตัวนี้จะร่างใหญ่ แต่ก็ค่อนข้างเงอะงะ หยุนเค่อเคลื่อนไหวสลับไปมาทั้งข้างหน้าเขาและข้างหลัง กระโดดไปทางซ้ายและขวา ร่างกายของเขามีความยืดหยุ่นอย่างมาก!
ในที่สุดหยุนเค่อสบโอกาสใช้ลูกธนูของเขาปักลงตรงลำคอของหมีตัวนั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนของหมีป่าดังก้องไปทั่ว
แต่ว่ามันยังไม่ตาย… ทว่ากลับบ้าคลั่งยิ่งขึ้น
หยุนเคอหลบและกระโดดหนี หมีตัวนี้จึงไม่สามารถแตะต้องเขาได้แม้ปลายเส้นผม
แต่เฉินเถียนเถียนไม่ได้โชคดีขนาดนั้น หมีป่าพุ่งเข้าทำลายต้นไม้ที่นางกอดรัดอยู่ทำให้ต้นไม้เริ่มสั่นคลอน… สุดท้ายเฉินเถียนเถียนพลัดตกลงจากต้นไม้และต้นไม้นั้นก็ล้มทับร่างของหมีป่า!
หมีป่าได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียเลือดมาก มันล้มลงกับพื้น กระตุกไม่กี่ทีก็แน่นิ่งไป
“โอ๊ย!”
เฉินเถียนเถียนรู้สึกราวกับหล่นจากสวรรค์!
หยุนเคอตกใจยิ่งที่เห็นอย่างนั้น จิตใจของเขาว้าวุ่นพร้อมกับคิดว่าสัตว์ประหลาดตัวน้อยตัวนี้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?
เขาจึงพุ่งตัวไปตรวจสอบเฉินเถียนเถียนด้วยความร้อนใจทันที!