ตอนที่ 97 ปกป้องเฉินเฉิน
หลินชวนฮวาลอบคิดในใจว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน แต่สําหรับเฉินผิงอันกลับไม่ได้ใจเย็นขนาดนั้น…
“บอกข้า! เจ้าแอบออกมากินข้าวใช่หรือไม่!?”
เฉินเฉินเองรู้ดีว่าหากพูดกล่าวถึงพี่สาว เขาจะต้องถูกดุด่าหรืออาจถึงขั้นถูกทุบตีอย่างรุนแรงได้
อย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงเด็กจึงไม่อาจคิดหาข้อแก้ตัวอื่นได้ เด็กชายจึงทําได้เพียงสายศีรษะเพื่อปฏิเสธเท่านั้น
เฉินผิงอันมองไปรอบ ๆ เพื่อคิดหาวิธีง้างปากลูกชาย เขาคว้าไม้กวาดด้านข้างขึ้นมาพร้อมกับเงื้อมมือขึ้นสูง!
“เจ้ากล้าดียังไง ข้าไม่ให้อาหาร เจ้าเลยแอบออกมากินงั้นรึ ทั้งวันไม่รู้สึกผิด ข้าอยากจะฆ่าให้ตายนัก!”
ไม้กวาดฟาดลงร่างของเด็กชายเต็มแรง เฉินเฉินเจ็บปวดยิ่งจึงรีบวิ่งหนีออกไปจากห้อง
ยิ่งเด็กชายขัดขืน เฉินผิงอันยิ่งโกรธจัด ผู้เป็นพ่อถือไม้กวาดวิ่งตามไปอย่างไม่ลดละ
“เจ้าเด็กเหลือขอ! มานี่ มาให้พ่อคนนี้สั่งสอนเจ้า! ไอ้ลูกไม่รักดี วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”
ร่างเล็กของเฉินเฉินวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ในหัวของเขาตอนนี้มีเพียงการวิ่งไปหาพี่สาวของตนเท่านั้น!
ชาวบ้านทั้งหมดต่างรู้ดีถึงความชั่วร้ายของเฉินผิงอัน… ชายคือชายผู้ที่สามารถทุบตีลูกได้อย่างโหดเหี้ยม!
หลังจากลูกสาวออกจากบ้านไป เขากลับใช้ด้ามไม้กวาดวิ่งไล่ลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง… ช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชนัก
เสียงเอะอะของทั้งเฉินผิงอันดังไปถึงหูของหยุนเถียนเถียน แม้นางจะไม่ได้ยินเสียงร้องของเด็กชาย แต่เสียงของผู้เป็นพ่อกลับเกรี้ยวกราดจนน่าหวาดกลัว
เถียนเถียนจึงเปิดประตูออก… ตอนนั้นเองที่เฉินเฉินล้มลง และเฉินผิงอันเงื้อมมือขึ้นสูงหวังฟาดลงที่ศีรษะของเด็กน้อย!
หากเด็กชายถูกตี คงไม่พ้นที่ต้องหัวร้างข่างแตก! หยุนเถียนเถียนกระโดดเข้าไปหมายจะบีบคอคนตรงหน้าอย่างเหลืออด
แต่โชคดีที่หยุนเคอตามหลังนางมาติด ๆ เขาสูดลมหายใจลึกพร้อมพุ่งทะยานไปด้านหน้าด้วยวิชาตัวเบา จากนั้นจึงใช้ทักษะของตนเองเตะด้ามไม้กวาดที่กําลังจะฟาดล งบนศีรษะของเด็กชายกระเด็นออกไป
เดิมที่เขากังวลว่าเถียนเถียนจะเจ็บตัว แต่การยื่นมือเข้ามาในคราวนี้กลับช่วยเฉินเฉินไว้ได้อย่างทันท่วงที
เฉินผิงอันถึงกับตื่นตระหนก ทันทีที่ตั้งสติได้เขาเริ่มสาปแช่งหยุนเคออย่างไม่เกรงกลัว “ข้าจะสั่งสอนบุตร เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง!”
หยุนเถียนเถียนเห็นอย่างนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหยุนเคอไม่สามารถตอบโต้กับอีกฝ่ายได้แน่ เช่นนี้นางจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยทันที
“โอ้! เฉินผิงอันเอ๋ย… ช่างน่าเกรงขามนัก ทุบตีลูกชายตั้งแต่กลางวันแสก ๆ นี่เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาอายุเท่าใด!”
เมื่อเฉินผิงอันได้พบหน้าคนที่เกลียดชังที่สุด ยิ่งทําให้ความเกรี้ยวกราดเพิ่มเป็นเท่าทวี “ข้าจะสั่งสอนบุตร! เจ้ามาแส่เพื่อสิ่งใด?!”
“แต่ที่ข้าเห็นมันไม่ใช่การสั่งสอน! พ่อที่ใดเล่าจะสั่งสอนลูกเช่นนี้? เจ้ากําลังจะฆ่าเขาชัด ๆ! รู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากําลังจะฆ่าเขา!”
หยุนเถียนเถียนกล่าวออกพร้อมกับพยุงร่างของเด็กชายขึ้นและดึงเขาไปหลบด้านหลังนาง
ทําไมอาวุโสของหมู่บ้านจึงอายุยืนยาว… ก็เพราะว่าพวกเขาไม่เคยเกียจคร้าน! เช้าตรู่วันนี้ผู้เฒ่าสื่ออกมาเดินเล่นและพบเจอเรื่องราววุ่นวายโดยบังเอิญ
“เฉินผิงอัน… เจ้าก่อเรื่องอะไรอีก?”
เมื่อชาวบ้านที่รับชมเหตุการณ์อยู่เห็นว่าผู้เฒ่าสี่เดินเข้ามาก็รีบหลีกทางทันที
หยุนเถียนเถียนเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในสายตาของผู้ฆ่าสี่แล้ว นางเป็นเพียงตัวปัญหา ดังนั้นนางจึงรู้สึกว่าไม่ควรพูดอะไรกับชราแสนดื้อรั้นผู้นี้
เฉินผิงอันรู้ว่าเหตุผลของตนเองมากพอ จึงก้าวออกมาด้านหน้าและกล่าวคํา “ผู้เฒ่าสี่ ไม่ต้องกล่าวโทษข้า! คนที่สมควรจะตําหนิคือเด็กคนนี้ ทั้งโง่ เกียจคร้าน แถมยังขโมยของกิน ข้าที่เป็นบิดาไม่สมควรที่จะสั่งสอนเขางั้นหรือ?”
หยุนเถียนเถียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสับสน ต่อให้ไม่ชอบผู้เฒ่าสี่มากเพียงใดแต่ก็ทําใจผืนเดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า “นี่มันไม่ใช่การสั่งสอนบุตร ท่านไล่ทุบตีเขาด้วยไม้กวาด ใหญ่ขนาดนี้ เด็กตัวแค่นี้ท่านหมายจะเอาชีวิตเขาแล้ว!”
เฉินผิงอันถลึงตามองหยุนเสียนเถียนอย่างดุดัน “ข้าสั่งสอนบุตรชายคนเดียวของข้า เจ้าเกี่ยวข้องอะไรงั้นรึ? อย่ามายุ่ง!”
หยุนเถียนเถียนพูดเสียงเรียบ “แม้ท่านเฉินผิงอันจะไล่ข้าออกจากตระกูลแล้ว แต่เด็กคนนี้ก็ยังเป็นน้องชายของข้า ข้าระลึกได้เสมอ อีกอย่างท่านคิดจะสั่งสอนบุตรแบบไหนกัน? ท่านกําลังจะฆ่าเขาในเมื่อหมายจะเอาชีวิตเขาแล้วทําไมข้าจะยังไม่ได้ล่ะ?”
วันนี้ผู้เฒ่าสมองหยุนเถียนเถียนด้วยความงงงวย แต่ใบหน้าแฝงไปด้วยความรู้สึกยินดี
“นังเด็กนี่! จะให้ข้าบอกเจ้าอย่างไรดี? ถ้าเด็กทําผิดผู้เป็นบิดาก็ต้องอบรมสั่งสอน ผิดก็ลงโทษ”
หยุนเถียนเถียนรู้สึกปลาบปลื้มเล็กน้อย น้ำเสียงพูดเบาลงเล็กน้อย “ผู้เฒ่าสี่อาจจะไม่ทราบ เด็กคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์ยิ่ง เขาไม่มีทางทําอะไรผิดแน่! เถียนเถียนคนนี้จะไม่ พูดพล่าม แต่ข้าต้องการที่จะปกป้องเด็กคนนี้!”
“บอกตามตรง ตอนที่ข้าออกมาใช้ชีวิตคนเดียวมันไม่ง่ายเลย! เด็กคนนี้มาหาข้า แล้วบอกกับข้าว่าหิว แม้ข้าจะลําบากแค่ไหนก็ต้องหาอาหารให้เด็กคนนี้”
“ข้าเกรงว่าทุกคนจะไม่รู้ นี่มันมากเกินไปสําหรับการสั่งสอนเด็กตัวแค่นี้ ท่านกล้าพูดว่าเฉินเฉินกินข้าวหนึ่งเม็ดที่บ้าน เมื่อสองวันก่อนไหม? ท่านต้องการให้เขาอดอาหาร ท่านต้องการฆ่าเขาให้ตาย!”
เฉินผิงอันสวนกลับ “เด็กคนนี้ทําไม่ดี ทําไมข้าถึงจะทําให้เขาหิวไม่ได้ ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นลูกชายของข้า พวกเจ้าไม่ต้องมาสนใจว่ามันจะอดอยากยังไง!”
“ชะตากรรมของเด็กคนนี้คงเหมือนกับข้าเมื่อก่อนสินะ อายุเพียงแค่เจ็ดขวบก็ถูกเจ้าบังคับให้ไปทํางานที่ห้องครัว ที่นั่นต้องทําอะไรบ้างงั้นหรือ หลินชวนฮวาเพียงแค่นั่งเฉย ๆ และออกไปข้างนอกทุกวัน งานที่บ้านก็ถูกทิ้งให้ข้าทําเพียงคนเดียว!”
“แน่นอนว่าเด็กคนนี้จะได้ต้องรับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับข้า เมื่องานทั้งหมดเสร็จ หลินชวนฮวาก็พูดกับท่านว่า เด็กนี่ทํางานไม่ดี เมื่อท่านได้ยินก็จะเฆี่ยนตีหรือไม่ก็ไม่ให้อาหารเขา!”
“ตอนนั้นข้าไม่อดตายเพราะท่านก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่วันนี้ข้าไม่สามารถทนเห็นเด็กคนนี้หิวได้ ทุกวันข้าต้องแอบส่งอาหารให้เขา ท่านบอกว่าวันนี้เขาขโมยอาหารงั้นหรือ ข้าไม่เชื่อ! เพราะเป็นข้าที่ทําอาหารให้เขากิน! แม้ว่าจะเป็นมีเพียงแค่ผักปา แต่จะมันก็ทําให้เขาอิ่มท้องโดยที่ไม่จําเป็นต้องขโมยอาหารสักนิด!”
ตอนนี้เฉินผิงอันรู้แล้วว่าตัวเองเข้าใจผิด เจ้าเด็กเวรนี่ตอน ถามกลับไม่ตอบตอนนี้เขาเหมือนถูกลากไปตบหน้าด้วยเด็กสาวตรงหน้านี้
สิ่งนี้ทําให้เฉิงผังอันรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ลูกชายคนโปรดอยู่กับเด็กที่น่ารังเกียจและน่ารําคาญเป็นที่สุดของเขา แล้วมันเหมือนโดนเยาะเย้ยและยิ่งทําให้เขาโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้น