ตอนที่ 165 วิวาท
เดิมที่หยุนเคอคิดว่าตนเตรียมใจมาพร้อมแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนางอีกครั้ง เขาก็ยังคงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
ดังนั้นจึงแสร้งทําเป็นเย็นชา ก้มศีรษะลงและจดจ่ออยู่กับการรับประทานอาหารของตัวเอง
“หยุนเคอ เจ้าคิดว่าเราควรทําอย่างไรกับหลีชุนเกียว? จะปล่อยให้นางทําเช่นนี้ต่อไปหรือ?”
หยุนเคอไม่ได้ยินคําพูดเหล่านี้ ในความคิดของเขายังคงวนเวียนถึงความฝันเมื่อคืน ว่ากันว่าความฝันในฤดูใบไม้ผลิไม่ทิ้งร่องรอย แต่ความฝันเมื่อคืนนี้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของหยุนเคอ ราวกับเขาจะไม่มีวันลืมความรู้สึกสุขสมนั้น
“ยุนเคอ? ยุนเคอ!”
หยุนเถียนเถียนตะโกนขึ้นมาถึงสองครั้งแต่เสียงนี้ใกล้เคียงกับเสียงในความฝันของหยุนเคอ จู่ๆเขาก็มือไม้อ่อนทําชามหลุดมือกระแทกบนโต๊ะและร่วงลงบนพื้นอีกครั้ง!
เสียงนี้ปลุกหยุนเคอให้ได้สติขึ้นมา เขาเห็นเด็กสาวตัวเล็กๆ มองมาที่เขาอย่างสงสัย ดวงตาดอกท้อเปี่ยมเสน่ห์ของนางคล้ายกับแววตาในความฝัน
หยุนเคอรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องของตัวเองและบิดประตูทันที ก่อนจะเอนหลังพิงประตูแล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง
หากหญิงสาวมีความรักนางคงไม่มีเขาอยู่ในหัวใจจะทําอย่างไร
หยุนเคอต้องการเข้าใกล้หยุนเถียนเถียน แต่ก็เกรงว่าการกระทําที่มากล้นจนเกินไปของเขาจะทําให้นางกลัว
เมื่อคิดดูอีกที แม้ว่าท้ายที่สุดหญิงสาวจะยินดีอยู่กับเขา แต่ตัวตนของเขานั้นราวกับระเบิดเวลาที่จะสร้างปัญหาให้หญิงผู้นี้
หยุนเถียนเถียนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็เก็บของบนพื้นและเตรียมตัวไปดูโรงงาน
ในตอนที่ไม่มีใครอยู่บ้าน หยุนเคอเดินออกจากห้องเงียบๆ และรีบวิ่งไปบนภูเขา ยืนมองจากยอดเขาลงมาเห็นหมู่บ้านที่มีควันลอย
เขาควรทําอย่างไรดี?
ในโรงงานทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม หัวหน้าหมู่บ้านจัดการโรงงานได้ดีมาก หยุนเถียนเถียนเดินตรวจตราอย่างสบายๆ จากนั้นก็กลับบ้าน และพบว่าประตูห้องของหยุนเคอเปิดกว้าง ส่วนคนข้างในนั้นหายไปแล้ว
หยุนเถียนเถียนรู้สึกไม่สบายใจอยู่ชั่วขณะ เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เห็นนางก็ทําหน้าราวกับเห็นผี นางน่ากลัวมากเลยหรือ?
เมื่อใกล้เวลามื้อเย็น ในที่สุดหยุนเคอก็กลับมา! เขาอยู่ในอารมณ์ที่สับสนและไม่อยากกินข้าวเย็น ดังนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องและปิดประตูอย่างเงียบๆ
หยุนเถียนเถียนรู้สึกขุ่นเคือง นางทําอาหารอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวันและคอยเรียกเขามากินข้าว แต่ตอนนี้ชายผู้นี้กําลังทําราวกับหลบซ่อนตัวจากเชื้อโรค ซึ่งทําให้นางอึดอัดไม่น้อย
ดูเหมือนเฉินเฉินจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงดึงชายเสื้อของพี่สาว “พี่ใหญ่ หยุนเป็นอะไรไป?”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นอะไร เจ้ากินข้าวอิ่มหรือยัง ช่วงนี้อยู่ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง? มีใครรังแกเจ้าหรือไม่?”
เฉินเฉินสายหัว “ไม่มีผู้ใดรังแกข้า ท่านอาจารย์สอนข้าเรื่องการวิเคราะห์ แต่พี่สาว! อย่างไรข้าก็รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์สอนนั้นน่าเบื่อมาก เทียบกับที่ท่านสอนไม่ได้เลย”
หยุนเถียนเถียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าวิธีการศึกษาแบบโบราณย่อมไม่สามารถเทียบเท่ากับวิธีการสมัยใหม่ได้
“เอาเถิด จดจําสิ่งที่พี่สาวและอาจารย์ของเจ้าสอนเอาไว้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นบันไดให้เจ้าได้แสดงความสามารถของเจ้าในภายหน้า แม้ว่าต่อไปมันจะไร้ประโยชน์แต่ตอนนี้เจ้าก็ต้องเรียนรู้ เข้าใจหรือไม่?”
เฉินเฉินพยักหน้าแล้วกินต่อ
ทั้งสองพี่น้องต่างไม่กล่าวถึงหยุนเคอที่เก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆอีกเลย
วันรุ่งขึ้น เวลาส่งเนื้อตากแห้งของเดือนนี้มาถึงแล้ว ตอนแรกหยุนเถียนเถียนคิดว่านายน้อยหลี่คงไม่มีเวลาว่างมากับเถ้าแก่ทุกครั้ง!
ใครจะไปรู้ว่าคราวนี้เขามาอีกแล้ว แม้จะใกล้ช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแต่ชายผู้นี้ยังคงโบกพัดในมือ!
เมื่อเห็นหยุนเถียนเถียนที่ยิ่งโตยิ่งปรากฏความงามเจนมากขึ้น หลี่ซื่อฮวาก็รู้สึกยุบยิบในหัวใจ หากรู้ว่านางหน้าตางดงามขนาดนี้ เหตุใดครานั้นเขาต้องทําตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วย?
หยุนเถียนเถียนกําลังเก็บถั่วในสวนและบีบปลายทั้งสองข้างเพื่อทําถั่วเปรี้ยว
นางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเรียบง่ายนั่งอยู่ที่โต๊ะในสวนเพื่อคัดแยกเมล็ดถั่วอย่างระมัดระวัง ส่วนชายหนุ่มที่แต่งตัวหรูหราอยู่ข้างๆ โบกด้ามพัดและก้มหน้าลงยิ้ม
มองอย่างไรก็ไม่เข้ากัน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของสองคนนี้แล้วรู้สึกเหมาะสมกันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้! หนุ่มหล่อกับสาวงามก็นับเป็นทิวทัศน์อันสวยงามอย่างหนึ่ง
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หยุนเคอก็ก้าวออกจากประตู
ในภาพที่ผู้อื่นดูแล้วว่าเหมาะสมกัน หยุนเคอกลับรู้สึกบาดตาเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจควบคุมปีศาจในใจได้ จนอยากซ่อนเด็กสาวผู้นั้นเพื่อไม่ให้ใครพบเห็นอีก!
จากมุมของหลี่ซื่อฮวาสามารถมองเห็นหยุนเคอที่เพิ่งออกมาจากห้อง เขาจึงพูดเย้ยหยันพลางโบกพัดในมือ “สาวน้อย เจ้าบอกว่าเจ้าอาศัยอยู่ในบ้านกับชายไร้หัวนอนปลายเท้า เช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ?”
หยุนเถียนเถียนไม่ถือเป็นเรื่องจริงจังนักเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด จําเป็นต้องสนใจเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นด้วยหรือ?
แต่ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็เป็นแหล่งเงิน เพราะฉะนั้นอย่าทําให้เขาขุ่นเคืองจะดีกว่า คราวที่แล้วผลักไสเขาไปหาหัวหน้าหมู่บ้านได้ ถ้าครั้งนี้ทําอีกเกรงว่าเขาจะไม่พอใจ
“นายน้อยหลี่หมายความว่าอย่างไร? พวกข้ายังไม่ได้แต่งงานกันเลยด้วยซ้ํา อย่างดีที่สุดก็คือความสัมพันธ์ของคู่รักที่ยังไม่ได้แต่งงาน อีกอย่างเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับท่านนัก ตราบใดที่ท่านสามารถดูแลเนื้อตากแห้งได้ นายน้อยหลี่ก็ไม่จําเป็นต้องมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้”
สิ่งที่หลี่ซื่อฮวาได้ยินคือการประชุดของหญิงสาว แม้ว่าคําพูดจะสุภาพแต่น้ําเสียงที่ประชดประชันนั้นชัดเจนเป็นพิเศษ!
เมื่อประโยคนี้ลอยเข้าหูของหยุนเคอ กลับกลายเป็นว่าเด็กสาวผู้นี้แทบรอไม่ไหวที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา! ความโกรธผุดขึ้นในใจ เขาจําไม่ได้แม้กระทั่งข้อตกลงที่ทําเคยกับหยุนเถียนเถียน!
“นายน้อยหลีโรงงานผลิตเนื้อตากแห้งไม่ได้อยู่ในลานนี้ ท่านเป็นสุภาพบุรุษ ควรรู้ไว้บ้างว่าชื่อเสียงของสตรีเป็นเรื่องสําคัญ!”
หลี่ซื่อฮวาหันไปเผชิญกับใบหน้าที่มืดมนของหยุนเคอ รอยยิ้มมีเลศนัยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ในเมื่อยังไม่ได้แต่งงาน ท่านเป็นสุภาพบุรุษก็ควรยุติธรรมต่อสาวงาม พี่หยุนจะขัดขวางไม่ให้แม่นางหยุนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร?”
หยุนเคอโกรธจนหน้าเขียว เขากําหมัดแน่นเหมือนพร้อมจะพุ่งออกไปได้ตลอดเวลา แต่นายน้อยหลีก็ยังคงรนหาที่ตาย!
“เป็นไปได้หรือที่พี่หยุนจะปิดบังความลับต่อไปเช่นนี้? ใช่แล้ว เพราะว่าเป็นแค่คนป่าบนภูเขา ต้องไม่รับรู้อะไรจึงจะทําให้แม่นางหยุนมีความสุขได้! แม้ว่าเจ้าจะหมั้นหมายกันแล้วข้าก็ไม่สนใจ แม่นางหยุนเจ้ามากับข้าเถิด”
หยุนเถียนเถียนมองนายน้อยหลื่อย่างเย็นชา แม้จะรู้ว่าเขาล้อเล่นแต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวทิ่มแทงเขาสักสองสามคํา
“นายน้อยหลี่ต้องการพาข้าเข้าบ้านของท่านเพื่อไปเป็นนางบําเรอ หรือเป็นแค่สาวใช้ข้างห้องตัวเล็กๆที่ไร้ตัวตนกันล่ะ?”