สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 167 หัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา
ตอนที่ 167 หัวหน้าหมู่บ้านเทพธิดา
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านโกรธมาก ในที่สุดนางก็เจอที่ระบายอารมณ์
“เอาแต่วิ่งวุ่นทั้งวันคิดว่าการเป็นหัวหน้าหมู่บ้านนั้นดีนักหรือ? แม้แต่ลูกสาวก็ไม่สนใจ!”
ลูกสาว? ไฉ่อีทําให้นางโมโหหรือ?
เฉินซึ่งที่ถูกต่อว่าถามขึ้นมาอย่างงุนงง “ไฉ่อีเชื่อฟังมาตลอดมิใช่หรือ? เหตุใดเจ้าถึงโกรธล่ะ?”
“ท่านคิดว่านางเชื่อฟังงั้นหรือ? ข้าบอกให้นางแต่งงานกับคนในหมู่บ้านที่ฐานะเท่าเทียมกัน แต่นางก็รั้นอยากจะไปเป็นนางบําเรอให้นายน้อยหลี่! คิดว่าการเป็นนางบําเรอมันง่ายดายขนาดนั้นหรือ? ช่างรู้จักใฝ่สูงตั้งแต่อายุยังน้อย!”
เมื่อได้ยินภรรยาบ่นเรื่องนี้จึงทําให้เฉินซึ่งเข้าใจ
เขามัวแต่คอยระวังป้องกันไม่ให้นายน้อยหลี่มาตกหลุมรักลูกสาวของตน ใครจะรู้ว่าเฉินไม่อีกลับไปตกหลุมรักนายน้อยหลี่เสียอย่างนั้น!
หากครอบครัวของเขาเป็นขุนนางชั้นสูง แล้วลูกสาวของเขาเกิดสนใจนายน้อยหลี่ก็คงจะพูดกันได้ง่าย หรือถ้านายน้อยหลี่เป็นเพียงคนธรรมดาในหมู่บ้านก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือตัวตนของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันมาก อีกทั้งนายน้อยหลี่ยังเป็นคนเจ้าชู้เสเพล หากมีใจรักใคร่ลูกสาวของตนจริงก็คงจะดี แต่เมื่อเทียบกับหยุนเถียนเถียนแล้ว ลูกสาวของเขาจะนับเป็นอะไรได้?
เขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวของตนเลย ส่วนหยุนเถียนเถียนนั้นก็อย่างที่รู้ ตัวตนของนางไม่ธรรมดา ไม่เพียงงดงามเท่านั้นแต่ยังมีความสามารถอีกด้วย แม้ว่าลูกสาวของเขาจะยืนอยู่ตรงหน้าเฉินซึ่งก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้
“ตอนนี้บ่นมากไปก็ไร้ประโยชน์ ไปเรียกนางมาเถิด ข้าจะคุยกับนางเอง”
ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านตัดพ้อต่อโชคชะตาขณะเดินไปที่ห้องของลูกสาว
เฉินซ่งนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางมืดมน เฉินไฉอีออกมาพร้อมกับรอยตบขนาดใหญ่บนใบหน้าและนั่งลงตรงหน้าเฉินซ่ง เขารู้สึกลําบากใจเล็กน้อย แต่เพราะภรรยาของเขาเองก็พยายามเลี้ยงดูลูกสาวให้ดี เขาจึงไม่พูดอะไรมาก!
“สาวน้อย พวกเราเลี้ยงเจ้ามาแบบลูกสาวคนเดียวของบ้าน อย่างไรก็ไม่สามารถบังคับจิตใจเจ้าได้ มาคุยกันดี ๆ เถิด เจ้าคิดจะทําอย่างไร?”
เมื่อเฉินไม่ได้ยินสิ่งที่พ่อของนางพูด นางก็ตรึกตรองกับตัวเองด้วยเหตุผล และคิดว่ามีวิธีที่จะแต่งงานกับนายน้อยหลีได้ พลันสีหน้าก็ยินดีเป็นอย่างมาก
“พ่อ วันนี้นายน้อยหลี่ชมว่าลูกสาวของท่านสวยมาก เขาต้องมีใจให้ข้าแน่ ตราบใดที่เขาชอบข้า จะเป็นนางบําเรอหรือเป็นภรรยานั้นต่างกันอย่างไร? ต่อให้แย่สักแค่ไหนท่านก็เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านลูกสาวของท่านย่อมดีกว่าหญิงผู้นั้น หยุนเถียนเถียนนั่นแม้แต่พ่อของนางยังรังเกียจ เมื่อลูกสาวคนนี้แต่งงานออกไป ข้าจะช่วยให้ครอบครัวของเราดีขึ้น”
เฉินซ่งถอนหายใจยาว “เจ้าจะช่วยหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรตระกูลเฉินของพวกเราก็ไม่มีทางส่งลูกสาวไปเป็นนางบําเรอ! แล้วอีกอย่าง นายน้อยหลี่ผู้นั้นเป็นคนเจ้าชู้ ไม่ว่าจะพบหญิงสาวคนไหน เขาก็มักจะเอ่ยปากชื่นชมความงามของพวกนาง เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่านายน้อยหลี่ชอบเจ้า?”
เฉินไม่กี่อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อนึกถึงข้อคุณธรรมของสตรีนางก็หน้าแดงและก้มศีรษะลง
“ลูกเอ๋ย อยู่แบบธรรมดาแต่มีชีวิตที่ดีกว่า เหตุใดถึงอยากเป็นคนไร้ค่าในสายตาผู้อื่น? พ่อแม่ของเจ้าก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร หากวันนี้พ่อส่งเจ้าเข้าบ้านเขาเพื่อไปเป็นนางบําเรอ ต่อไปพ่อก็คงไม่มีหน้าไปพบคนอื่นแล้ว!”
สีหน้าของเฉินไฉอีซีดเผือดในทันที ในใจของนางคิดว่าอย่างไร พ่อก็มีเหตุผลเสมอ แต่ตอนนี้แม้แต่พ่อก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาง นางเริ่มเข้าใจแล้วว่าผู้หญิงในนิยายนั้นโศกเศร้าเพียงใด! คนรักกันแต่ไม่อาจอยู่ด้วยกันได้
ในขณะที่คิดน้ำตาของเฉินไฉ่อีกไหลริน
แม้ภรรยาของเต่ออันจะดูแคลนพ่อสามีของตนอยู่บ้าง แต่นางก็คอยเอาอกเอาใจและปฏิบัติต่อเฉินไล่อีเหมือนเป็นคุณหนูของตระกูลเสมอ
ภายใต้การดูแลของหัวหน้าหมู่บ้านผู้มีเหตุผล ทําให้นางมีชีวิตที่สุขสบายกว่าใครหลาย ๆ คน ดังนั้นนางจึงไม่เคยมีปากเสียงใด ๆ
แต่เมื่อเห็นน้องสามีคนนี้อยากปืนขึ้นไปเป็นนางบําเรอในตระกูลหลี่อย่างสุดใจ นางก็แอบค่อนขอดอยู่ในใจ ปากบอกว่าตัวเองถูกเลี้ยงอย่างดีในบ้านราวกับคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่สุดท้ายกลับจะส่งตัวเองไปเป็นนางบําเรอ ไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหาหรอกหรือ?
แต่เรื่องการอบรมเลี้ยงดูไม่ใช่เรื่องที่พี่สะใภ้จะทําได้ ถึงอย่างไรพ่อแม่ก็ยังอยู่ ดังนั้นเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เพื่อไม่ให้น้องสามีอารมณ์เสีย นางจึงโบกมือแล้วเดินออกไป
นางมาทํางานกับสามีที่โรงงานได้ระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากไม่อยากอยู่บ้านจึงกลับไปทํางานที่โรงงานต่อ
หยุนเถียนเถียนไม่ได้รับรู้ถึงความปั่นป่วนที่นายน้อยหลี่ก่อขึ้น หลังจากเข้ามาในหมู่บ้านครั้งนี้ นางยุ่งอยู่กับการทําถั่วเปรี้ยวและเริ่มคิดถึงอาหารเช้าที่เคยกินเมื่อชาติก่อน!
ในยุคนี้อาหารหลักสามมื้อต่อวันก็คือข้าว นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยากกินบะหมี่ขนาดนี้ แต่ที่แห่งนี้ไม่มีผลผลิตจากข้าวสาลีเลยจะไปหาแป้งได้จากที่ไหน?
ตอนนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่สามารถนําแป้งออกมาจากห้วงมิติได้โดยตรง ต้องลองดูว่าจะสามารถปลูกข้าวสาลีในสวนตอนฤดูหนาวได้หรือไม่
หยุนเคอไม่อาจมีส่วนร่วมกับสิ่งที่หยุนเถียนเถียนทําได้ เขายืนอยู่ในห้อง มองออกไปนอกหน้าต่างดูร่างเล็ก ๆ นั้นกําลังวิ่งวุ่น จากที่เคยมั่นใจอยู่เสมอ ตอนนี้เขากลับไม่มั่นใจในตัวเอง
ด้วยตัวตนปัจจุบันของเขา เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าหลี่ซื่อฮวาแล้วไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ อีกทั้งสายตาที่หลี่ซื่อฮวาคอยจ้องมองหยุนเถียนเถียนนั้นทําให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง
หยุนเถียนเถียนเองก็รู้สึกแปลก ๆ เช่นกัน หยุนเคอคล้ายว่ามีอะไรจะพูดแต่ก็ลังเลและไม่พูด ต่างจากปกติที่เคยเป็น เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดอะไรหยุนเถียนเถียนก็ยากที่จะถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์อาบน้ำครั้งล่าสุด นางไม่สามารถเผชิญหน้ากับชายผู้นี้ได้อย่างสงบใจ
หยุนเคอคิดอย่างรอบคอบและในที่สุดก็เดินไปข้างหน้าหยุนเถียนเถียน “ข้าเกรงว่านายน้อยหลี่จะไม่ใช่คนดีนัก ทุกที่เขาก็ยิ้มแย้มให้กับสาวงามทุกคน เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าสวยขึ้นมากก็ถึงกับตกตะลึง เขาจะต้องพยายามหลอกล่อให้เจ้ากลับไปด้วยแน่ เพราะฉะนั้นอย่างหลงกลเป็นอันขาด!”
หยุนเถียนเถียนหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ หยุนเคอรออยู่ตั้งนานเพื่อพูดเรื่องนี้หรือ?
แม้ว่าหยุนเคอจะไม่รู้ว่าเขากําลังจะพูดอะไรกันแน่ แต่ไหน ๆ ก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องเดินหน้าต่อไป “ข้าเพิ่งเห็นเขาเกี้ยวพาลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านที่หน้าประตู ผู้ชายที่เจ้าชูเสเพลเช่นนี้ต่อให้รูปหล่อร่ำรวยแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ถึงตอนนั้นเจ้าอาจจะถูกนางบําเรอเล็ก ๆ หลังบ้านรังแกจนตายก็ได้!”
หยุนเถียนเถียนยังคงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าหยุนเคอมาบอกนางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?