ตอนที่ 9-1 คู่มือศิลปะการต่อสู้
“องค์รัชทายาท พระองค์ทรงตื่นหรือยังเพคะ”
อู๋เหว่ยเอ่ยถามอย่างแผ่วเบาขณะที่นางยืนรออยู่บริเวณหน้าห้องนอน
ขณะที่องค์รัชทายาทกำลังพักผ่อน เขาจะมิถูกรบกวนอย่างแน่นอน
แต่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา สาวใช้ผู้นี้ได้ทราบหนึ่งในความลับขององค์ชาย คือเขามีปัญหาในการลุกขึ้นจากเตียงนอนในตอนเช้า
ปัจจุบันมิมีผู้ใดสักคนในตำหนักที่กล้าดูแคลนองค์รัชทายาท
เพราะสาวใช้เหล่านั้นเริ่มหวาดกลัวเขาอย่างแท้จริง
แต่อู๋เหว่ยมิเคยมีความคิดเช่นนั้น นางคิดเพียงว่า มิว่าจะเกิดอันใดขึ้น ความจงรักภักดีของนางก็จะมิมีวันเลือนหายไปอย่างแน่นอน
“อืม…”
น้ำเสียงเซื่องซึมขององค์รัชทายาทดังเล็ดลอดออกมาจากภายในห้องนอน
และเสียงนั้นทำให้บรรดาสาวใช้ที่อยู่บริเวณหน้าห้องเกิดอาการตื่นตระหนกโดยมิรู้ตัว
อู๋เหว่ยจึงเปิดประตู และก้าวเดินเข้ามาในห้องนอน
องค์รัชทายาทมิชอบให้ผู้คนคอยรับใช้เขาอย่างใกล้ชิด
ดังนั้นองค์ชายจะจัดห้องนอนให้เป็นระเบียบ และทุกครั้งเขาจะจัดห้อง และทำความสะอาดห้องนอนด้วยตนเอง
สิ่งนี้มันทำให้อู๋เหว่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างมาก
เพราะแม้ว่าเขาจะมีความสูงส่ง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
ชางอู๋ซินอาบน้ำชำระร่างกาย และแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้เขากำลังมองตามอู๋เหว่ยที่เดินเข้ามา นางจึงจ้องมองไปยังดวงตาขององค์รัชทายาท
มันเป็นเพียงการจ้องมองที่ธรรมดา แต่มันกลับทำให้อู๋เหว่ยเกิดความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ดวงตาขององค์รัชทายาทนั้นตรงไปตรงมา และมีความเฉียบแหลมเป็นอย่างมาก
ราวกับว่าองค์ชายผู้นี้สามารถมองทะลุทุกสิ่งทุกอย่างได้ และเขาได้เอ่ยถามว่า
“เป็นเช่นไรบ้าง”
ชางอู๋ซินเอ่ยถามอย่างเย็นชา แต่ด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมยของเขา มันทำให้เมื่อได้ฟังแล้ว ดูมิเหมือนกับการเอ่ยถามเลย
“บ่าวได้พบเด็กกำพร้ามากมายที่มีความสามารถเช่นเดียวกับทหาร
และบ่าวได้ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ซึ่งองค์ชายได้ระบุเอาไว้แล้ว
พวกเขากำลังใช้วิธีการขององค์รัชทายาทในการฝึกฝน และผู้ที่มีความสามารถจะได้รับการถ่ายทอดวิทยายุทธจากท่าน”
อู๋เหว่ยรายงานขณะคุกเข่าอยู่ที่พื้น
นับตั้งแต่วันที่อู๋เหว่ยกลายเป็นสาวใช้คนสนิทขององค์รัชทายาท เขาก็ได้สั่งให้นางจัดการบางเรื่องซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อู๋เหว่ยมิทราบว่าองค์รัชทายาทไว้ใจนางมากถึงเพียงนั้นจริง ๆ
หรือว่าเขามิสามารถที่จะทำด้วยตนเองได้
อย่างไรก็ตาม อู๋เหว่ยได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แบบ
ชางอู๋ซินไว้ใจคนมิผิด ตั้งแต่ครั้งแรกที่นางได้จับตาดูสาวใช้ที่มีความคล้ายคลึงกับสาวใช้ในชาติก่อน
และชางอู๋ซินคาดหวังว่า สาวใช้ผู้นี้จะมีความสามารถมาก เช่นเดียวกับอู๋เหว่ยในชาติที่แล้ว
และมาถึงตอนนี้ อู๋เหว่ยได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นางเป็นเหมือนดังเช่นผ้าขี้ริ้วห่อทอง
ชางอู๋ซินได้นำผ้าขี้ริ้วนั้นออก และทำให้อู๋เหว่ยเปล่งประกายเจิดจ้า
“เจ้ามีวิทยายุทธหรือไม่”
แม้ว่าจะเป็นคำถามที่ชัดเจน แต่เมี่อฟังดูแล้ว เหมือนกับว่า จะเป็นคำสั่ง
อู๋เหว่ยกล่าวด้วยความตกใจเล็กน้อย
“บ่าวผู้นี้รู้ศิลปะการต่อสู้ขอให้องค์รัชทายาทลงโทษด้วย ที่มิได้บอกกล่าว เนื่องจากองค์ชายมิได้เอ่ยถาม”
เพราะปกติแล้วองค์รัชทายาทมักจะอยู่ห่าง ๆ นางจึงรู้สึกว่า หากกล่าวสิ่งใดก่อนก็เขาจะเอ่ยถาม อาจจะทำให้องค์ชายมีความรู้สึกรำคาญใจได้
สาวใช้ผู้นี้มิกลัวการถูกลงโทษ แต่นางมิต้องการพรากจากองค์รัชทายาท เขาเป็นเจ้านายที่นางสาบานว่าจะจงรักภักดีตลอดไป
“ลุกขึ้น”
ชางอู๋ซินกล่าวอย่างแผ่วเบา และนางมิได้กล่าวโทษอันใดแก่อู๋เหว่ย
สำหรับชางอู๋ซินมันเป็นเรื่องดี ที่อู๋เหว่ยรู้ศิลปะการต่อสู้
ท้ายที่สุดนางจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดที่สุดขององค์ชาย
หากมิมีวิทยายุทธ อู๋เหว่ยจะมิสามารถมีชีวิตอยู่รอดได้
อู๋เหว่ยลุกขึ้นยืน นางยืนเหมือนเด็กที่ทำสิ่งใดผิด ชางอู๋ซินพบว่า ภาพนั้นช่างน่าขำขันยิ่งนัก
“รับไป!”
ชางอู๋ซินโยนคู่มือศิลปะการต่อสู้ที่หายาก ซึ่งนางเขียนขึ้นด้วยตนเองให้กับสาวใช้คนสนิท
ชางอู๋ซินเคยเป็นผู้นำของตระกูลชางจึงได้อ่านหนังสือหายากมากมายเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน
อาจกล่าวได้ว่า ปัจจุบันภายในหัวสมองของนางนั้น เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้ที่หายาก ซึ่งมิมีผู้ใดบนโลกใบนี้ล่วงรู้
ชางอู๋ซินทราบด้วยว่า อู๋เหว่ยมิได้แอบดูคู่มือที่นางมอบให้เมื่อสองสามวันก่อน
จึงส่งมอบสิ่งนี้ให้กับคนรับใช้ผู้ซื่อสัตย์
และชางอู๋ซินมั่นใจว่า อู๋เหว่ยสามารถไว้วางใจได้อย่างแน่นอน
อู๋เหว่ยรับหนังสือมา พร้อมกับถือเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความเคารพ
กลิ่นของน้ำหมึกยังคงติดอยู่ในหนังสือเล่มนั้น และนางได้เห็นลายมือตัวหนาอยู่ภายใน
มันเป็นลายมือที่มีความเชี่ยวชาญและมีความพลิ้วไหวเป็นอย่างมาก แต่องค์รัชทายาทผู้นี้กลับมีความเงียบสงบเหมือนดั่งสายน้ำ
หรือบางที แม้แต่สายน้ำก็อาจจะมิ
สงบเท่ากับองค์ชายผู้นี้