สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 19-2 ห้องนอนของพระมารดา
ตอนที่ 19-2 ห้องนอนของพระมารดา
“มิมีอันใดที่สมควรจะจดจําอีกต่อไปแล้ว การอยู่ที่ชายแดนเป็นเวลาหลายปีนั้น มิใช่เพราะข้าต้องการหลบซ่อนตัว
แต่เป็นเพราะเมืองหลวงนั้นวุ่นวายเกินไป และมิมีสิ่งใดที่น่าสนใจ ซึ่งบางทีการอยู่ที่ชายแดนอาจจะมีเรื่องที่สนุกสนานและน่าตื่นเต้นมากกว่า”
เล้งหยูเฟิงกล่าว
แต่การแสดงออกของเขากลับเย็นชาลง แม้ว่าเขาจะปล่อยวางเรื่องบางอย่างไปแล้ว แต่ก็ยังมีความรู้สึกร้อนรนซ่อนเร้นอยู่ภายในใจ
เล้งหยูเฟิงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ
” แล้วท่านเล่า? จะเริ่มต้นใหม่เมื่อใด? ท่านใช้ชีวิตโสดมานานแล้ว ซึ่งก็น่าจะสมควรแก่เวลาแล้วมิทราบว่าอีกนานหรือไม่ จึงจะมีเรื่องที่น่ายินดี!”
“ฮ่า” ฮวนมอเฉอยิ้มเยาะ และกล่าวต่อไปว่า
“ข้ายังมิสามารถเริ่มต้นใหม่ได้? สิ่งนั้นคงจะมิเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ แต่สําหรับท่านนั้น ข้าได้เตรียมของขวัญสําหรับวันมงคลเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว”
เล้งหยูเฟิงมิได้ใส่ใจในคําหยอกล้อของเพื่อนหนุ่ม แต่กลับเอ่ยถามเขาว่า
“ท่านได้เข้าไปที่ตําหนักขององค์รัชทายาทในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาพิเศษ เขาสงสัยว่า…”
เล้งหยูเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย ปกติแล้วเขามิค่อยสนใจเรื่องของผู้อื่น แต่ครั้งนี้เขามีความสนใจในเรื่องที่เกี่ยวกับองค์รัชทายาทผู้นี้
เพราะเขานึกถึงใบหน้าของบุรุษรูปงามบนรถม้าเมื่อครู่ จึงมิสามารถควบคุมความต้องการที่จะเอ่ยถามเกี่ยวกับเขาได้
เมื่อสังเกตเห็นความสนใจที่ชัดเจนของเพื่อนหนุ่ม ผู้ใดจะสามารถล่วงรู้ว่า เหตุใดฮวนมอเฉอจึงมิต้องการให้เขารู้ถึงความยอดเยี่ยมขององค์รัชทายาท
ยิ่งไปกว่านั้นเขามต้องการให้เพื่อนที่ดีของเขามาเป็นอาจารย์สอนพิเศษของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ผู้นั้น
และเขามีความปรารถนาให้ตนเองเป็นที่ปรึกษาเพียงผู้เดียวขององค์รัชทายาท และหลังจากนั้นก็จะสามารถเป็นเพื่อนสนิทกับพระองค์ได้
“มิมีสิ่งใดที่พิเศษ!”
ฮวนมอเฉอแสดงท่าทางราวกับว่าเพื่อนชายสอดรู้สอดเห็นมากเกินไป เล้งหยูเฟิงจึงยอมแพ้ที่จะเอ่ยถามต่อ
ท้ายที่สุดมันเป็นเพียงความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย เพราะตอนนี้องค์รัชทายาทเป็นเพียงคนแปลกหน้าสําหรับเขา
เล้งหยูเฟิงพยายามขับไล่ความรู้สึกประทับใจในตัวองค์รัชทายาทออกจากความคิดของตนเองออกไปให้เร็วที่สุด
จากนั้นความสนใจของชายหนุ่มทั้งสองคนจึงพุ่งเป้าไปยังงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในบริเวณห้องโถงใหญ่ขณะที่พวกเขาก้าวเดินเข้าไปที่นั่น
สําหรับชางอู๋ซิน นางมิได้ไปที่ห้องโถงใหญ่โดยตรง แต่กลับหลีกเลี่ยงฝูงชนโดยเข้าไปอยู่ในห้องที่เงียบสงบที่สุดในวังหลวง
ภายในพระราชวัง นางสามารถจําได้อย่างแม่นยําว่า พระมารดาขององค์รัชทายาทพักอยู่ที่ตําหนักคนหนึ่งของพระราชวังหลวง
ชางอู่ซินมิได้ไปที่นั่นเพื่อรําลึกถึงพระนาง แต่มันมิมีอันใดมากไปกว่าต้องการความสงบสุข ดังนั้นหูของนางจึงสามารถเพลิดเพลินกับความเงียบสงบได้
“องค์รัชทายาทเพคะที่นี่ช่างมีความงดงามมาก!”
อิฐกล่าวพร้อมกับอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม
แม้ว่าพวกนางจะยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับลักษณะนิสัยขององค์รัชทายาท แต่ตอนนี้พวกนางเริ่มผ่อนคลายบ้างแล้วหลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันติดต่อกันมาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อกวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบ ชางอู๋ซินพบว่าแม้ว่าจะเป็นวังของจักรพรรดินีแต่ก็มิได้มีความงดงามหรูหราอย่างที่ควรจะเป็น
แต่กลับได้รับการขัดเกลาให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ และสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบจนทําให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ลานภายในเต็มไปด้วยดอกไม้สด และดอกไม้เหล่านั้น มิใช่สายพันธุ์ที่หายากหรือมีค่ามากมายนัก
ในทางตรงกันข้ามพวกมันดูธรรมดามาก แต่เพราะมีคนคอยดูแลอย่างระมัดระวังพวกมันจึงเปล่งประกายความงามที่โดดเด่นออกมา
แนวาพ
ยังคงสะอาดสะอาด
แม้ว่าพระราชวังจะมีมีผู้ใดพักอาศัยอยู่ แต่ก็ยังคงสะอาดสะอาดสะอ้านมากจนน่าประหลาดใจ
หากทั้งสามคนมิมีความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ บางทีพวกเขาก็มสามารถมาที่นี่ได้เนื่องจากมีทหารองครักษ์หลายคนประจําการอยู่ด้านนอก และกําลังทําหน้าที่ปกป้องกําแพงตําหนักอย่างเข้มแข็ง
“มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ”
ชางอู่ซินรู้สึกว่า พระราชวังแห่งนี้สามารถชําระจิตใจของผู้ใดบางคนได้ นางมีความคิดว่าพระมารดาขององค์รัชทายาทช่างเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อม
มิน่าแปลกใจเลยที่มิมีพระสนมอื่นใดสามารถเข้ามาครอบครองตําแหน่งจักรพรรดินี้ได้
หลังจากเดินไปรอบๆเป็นเวลานาน ชางอู๋ซินจึงสังเกตเห็นว่าสถานที่ซึ่งมีมีแรงดึงดูดใจมากที่สุดคือห้องด้านข้าง
นั่นคงเป็นห้องที่รัชทายาทเคยพักอาศัยอยู่ในตอนที่ยังทรงพระเยาว์
จักรพรรดินีชิวเสียชีวิตด้วยอาการปวย เมื่อองค์รัชทายาทมีอายุได้เพียงแค่สองขวบ ดังนั้นพระองค์ควรอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองปี
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของมารดาที่มีต่อบุตรชายในเวลานั้น
นางก้าวเดินไปยังเตียงในห้องด้านข้าง และนอนลงพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย ขณะที่อู๋เหว่ยและอู๋จูปิดม่านลง และยืนคุ้มครององค์รัชทายาทอยู่ด้านหน้าเตียงนอนนั้น
อย่างไรก็ตามในมิช้าพวกเขาทั้งสามก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มุ่งหน้ามายังตําหนักแห่งนี้
อู๋เหว่ยและอู๋จูหลบเข้าไปที่ด้านหลังประตูทันที และซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบที่สุด ขณะที่ชางอู๋ซินมิได้เคลื่อนไหวร่างของตนเองเลยแม้แต่น้อย และยังคงนอนอยู่บนเตียงเหมือนเดิม
บุคคลนั้นเดินเข้ามาในห้องนอนในพระราชวังคุนหนิงและอยู่ที่นั่นสักพัก จากนั้นก็จากไปโดยมิได้กล่าวอันใดสักคํา
เมื่อพวกเขารู้สึกได้ว่าบุคคลนั้นจากไปแล้ว อู๋เหว่ยและอู๋จูก็แสดงตัวออกมา
อู่เหว่ยยังคงมีอาการตกใจเล็กน้อยขณะที่กล่าวว่าว่า
“ข้าสงสัยว่าเป็นผู้ใดกันที่มาที่นี่ในตอนนี้!”
“จักรพรรดิ
ชางอู๋ซินกล่าวด้วยนัยที่คลุมเครือ