สุดยอดรัชทายาท ตอนที่ 22 ของขวัญของรัชทายาท
ตอนที่ 22 ของขวัญของรัชทายาท
การทําให้องค์รัชทายาทเสียหน้าต่อหน้าฝูงชนเหล่านี้จะทําให้องค์ชายสี่มีความยินดีอย่างยิ่ง
เนื่องจากความเจ็บป่วยทําให้พระมารดาขององค์ชายสี่ชางอันฉงเสียชีวิตมานานแล้ว แต่ด้วยฝีมือของเขาเอง พระองค์จึงทรงมีอํานาจขึ้น ดังนั้นความสามารถของเขาไม่ควรถูกมองข้าม
“เปิดเลย!” จักรพรรดิชางประกาศ และด้วยเหตุนี้ภายใต้การจับตามองของทุกคน ขันที่ซูจึงรีบเปิดกล่องผ้านั้น ส่งผลให้ในทันใดของกํานัลได้เผยรูปลักษณ์ต่อสายตาจํานวนมากที่มองดูมัน
พวกเขาตกใจมากและบางคนถึงกับยืนขึ้นอย่างไม่เชื่อ
ช่วงเวลาดังกล่าวฮวนม่อเฉอเหลือบมองของกํานัล จากนั้นพลันเกิดความเป็นห่วงองค์รัชทายาท โดยคิดว่าในกรณีที่จักรพรรดิทรงตัดสินพระทัยที่จะกระทําการบางอย่าง ฮวนม่อเฉอจะปกป้องเขาทุกวิถีทาง
สําหรับเล้งหยูเฟิง เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกล่อง มันทําให้เขาค่อนข้างสับสน เนื่องจากไม่เข้าใจว่าองค์รัชทายาทกําลังพยายามจะทําอะไร แต่เขาเชื่อว่าพระองค์ไม่ใช่คนที่ทําเรื่องไร้สาระ
เล้งหยูเฟิงยอมรับว่า ในวันนี้ตนเองรู้สึกสนใจองค์ชายมาก เนื่องจากพระองค์นั้นค่อนข้างสะดุดตาและโดดเด่นอย่างแท้จริง
เล้งหยูเฟิงสามารถบอกได้ว่า แม้แต่ฮวนม่อเฉอ เพื่อนที่ดีของเขาย่อมรู้สึกเช่นเดียวกัน เพราะเล้งหยูเฟิงเห็นเขามองไปที่องค์รัชทายาทหลายครั้งแล้ว
สถานการณ์ในหมู่ผู้คนที่มาร่วมงาน….
“องค์รัชทายาท วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของฝ่าบาท แม้สถานะของท่านจะยากจน แต่ท่านไม่สามารถถวายเมล็ดข้าวที่มัวหมองสักสองสามเมล็ดนี้แก่ฝ่าบาทได้ ท่านทําไปเพื่ออะไร?” องค์ชายใหญ่ชางเฉิงจ้าวดูแคลน ขณะองค์ชายท่านอื่น ๆ ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างต่างก็ไม่เห็นด้วยกับองค์รัชทายาท
แม้บรรดาองค์ชายจะไม่เป็นมิตรต่อกันและกันด้วยท่าทีที่ปรากฏให้เห็น และชางอู๋ซินผู้ไร้ความสามารถที่พวกเขาเคยละเลยกลับเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ ตอนนี้เนื่องจากตําแหน่งองค์รัชทายาทอยู่กับชางอู๋ซิน ดังนั้นพวกเขาจําเป็นต้องถอดถอนอีกฝ่ายออกจากตําแหน่งก่อนอื่น
“องค์รัชทายาท เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?” จักรพรรดิชางจ้องไปยังกล่องในขณะที่น้ําเสียงของพระองค์ดูเหมือนจะเป็นความขุ่นเคือง
“ฝ่ายาท!” ชางอู๋ซินเดินไปหยิบกล่องขึ้นมาก่อนที่จะยกมันขึ้นเหนือหัวของตนเพื่อให้ทุกคนได้เห็นเมล็ดพืชที่มีรอยด่างอยู่ข้างใน
“ทุกวันนี้ ภาคใต้กําลังเข้าสู่ช่วงขาดแคลนอาหาร ในหมู่ประชาชนแม้แต่ข้าวชนิดนี้ก็ยังเป็นที่ต้องการ ในช่วงเวลาหลายเดือนมานี้ความอดอยากอาหารได้นําไปสู่ความตายของชาวใต้จํานวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นวันนี้กระหม่อมจึงมอบของกํานัลนี้เพื่อนําความตระหนักรู้ถึงชะตากรรมของพี่น้องผู้ยิ่งใหญ่ มันอาจดูไร้มารยาท แต่เป็นเรื่องจริงที่มีพลเมืองบริสุทธิ์ที่ยากจนยิ่งกว่าหม่อมฉันรู้ดีว่า ฝ่าบาททรงรักราษฎรของอาณาจักรของเราอย่างสุดใจ ดังนั้นหม่อมฉันจึงต้องการให้ความกระจ่างแก่ฝ่าบาทเป็นพิเศษในเรื่องนี้!”
“ปัง!!” จักรพรรดิชางทุบกําปั้นอย่างแรงลงบนโต๊ะ “นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก แต่ก็ยังไม่มีใครคิดว่าจะส่งรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือ? ดี! ดีมาก!”
“ฝ่าบาท ได้โปรดระงับความโกรธเคืองก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางทุกคนคุกเข่าลง ขณะที่บางคนไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ทว่าบางคนไม่สนใจที่จะเขียนรายงานด้วยซ้ํา
ท้ายที่สุด สถานการณ์ที่ลําบากเช่นนี้หมายถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่สําหรับขุนนางที่ดูแลภาคใต้ โดยในสายตาของผู้มีอํานาจประชาชนทั่วไปคือผู้มีฐานะต้อยต่ําซึ่งไม่คู่ควรให้ความสำคัญ
“องค์ชายใหญ่ ท่านคิดอย่างไรกับของขวัญชิ้นนี้ มันช่วยทูลให้ฝ่าบาททราบถึงความทุกข์ยากของผู้คน ท่านยังคิดว่าของขวัญชิ้นนี้ไร้ค่าอีกหรือไม่?”
ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจโดยไม่ปล่อยเสียงใด ๆ ชางอู๋ซินเดินไปที่องค์ชายใหญ่ชางเฉิงจ้าวที่กําลังคุกเข่าอยู่ โดยยืนอยู่ข้างหน้าเขาขณะที่นางมองลงมาที่องค์ชาย
“กระหม่อม… กระหม่อม…” องค์ชายใหญ่ชางเฉิงจ้าวไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาไม่เคยคิดว่าเพียงเมล็ดพืชที่ไร้ค่าสองสามเม็ดนี้จะมีความหมายอย่างลึกซึ้งจนคาดไม่ถึงเช่นนี้
จักรพรรดิชางเบิกตาด้วยความโกรธและจ้องมองไปยังเหล่าขุนนางของพระองค์ “บางสิ่งที่แม้แต่องค์รัชทายาทยังรู้ แต่ทั้งหมดกลับเพิกเฉย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสับสนหรือว่าตาบอด! ไม่รู้หรือว่าอะไรควรทํา อะไรไม่ควรทํา!”
เวลานี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาเนื่องจากจักรพรรดิชางโกรธจัด แล้วผู้ใดเล่าจะกล้าลูบเครามังกร จากนั้นพระองค์ทรงกวาดพระเนตรตรวจสอบเหล่าขุนนางและตรัสด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนกว่าเล็กน้อยว่า “ขุนนางฮวน ท่านเป็นคนฉลาด ท่านคิดว่าควรทําอย่างไรกับการขาดแคลนอาหารครั้งนี้?”
ฮวนม่อเฉอยืนขึ้นอย่างใจเย็น และในขณะที่เขาลุกขึ้นพลางเหลือบมองที่องค์รัชทายาทโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อคิดว่าองค์รัชทายาทคงต้องการยืมมือตนเอง ดังนั้นเขาจึงพยายามคาดเดาว่าองค์รัชทายาทต้องการบรรลุอะไรโดยการหยิบยกเรื่องความอดอยากในภาคใต้ขึ้นมา
แต่น่าเสียดายที่การจ้องมองขององค์รัชทายาทไม่ได้หันไปหาฮวนม่อเฉอแม้แต่น้อยราวกับไม่ว่าฮวนม่อเฉอจะกล่าวอะไรก็ตาม คําพูดของเขาไม่มีทางที่จะขัดขวางแผนการขององค์รัชทายาท
มันทําให้ฮวนม่อเฉอรู้สึกขมขึ้นในใจโดยคิดว่าองค์รัชทายาทดูเหมือนจะเกลียดเขา และนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแปลกแยกเมื่อถูกใครบางคนเกลียดชัง
“ฝ่าบาท!” ฮวนม่อเฉอโค้งคํานับเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ในใจของเขายังคงไตร่ตรองถึงความตั้งใจขององค์ชายรัชทายาท
ฮวนม่อเฉอเป็นคนฉลาดเฉลียว ดังนั้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ของการไตร่ตรองย่อมเพียงพอแล้วสําหรับเขาที่จะเข้าใจว่าองค์รัชทายาทต้องการทําอะไร และฮวนม่อเฉอก็เต็มใจที่จะผลักดันเรือไปตามกระแสน้ํา
“หม่อมฉันเชื่อว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือการเปิดกุ้งฉางและ แจกจ่ายธัญพืชบรรเทาทุกข์!” เขาเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด ทําให้เกิดการดูหมิ่นจากขุนนางหลายคน
พวกเขาย่อมรู้วิธีแก้ปัญหานี้ แต่ประเด็นคือ วิธีแก้ปัญหานี้ใช้เสบียงคลังของแผ่นดิน และในฐานะขุนนางของจักรพรรดิ พวกเขายอมไม่กล้าเสนอแนะ ทว่าชายผู้นี้ซึ่งไม่ดํารงตําแหน่งในราชสํานัก ดังนั้นฮวนม่อเฉอจึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“อย่างไรก็ตาม มีขุนนางบางคนที่ไม่ส่งเมล็ดพืชไปยังราษฎร และพวกเขาเติมกระเป๋าของตัวเองแทน ดังนั้นในท้ายที่สุด แม้คลังสมบัติของแผ่นดินจะเปิดกุ้งฉาง แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังต้องอดตายอยู่ตามท้องถนน!” ฮวนม่อเฉอเปล่งเสียงความจริงอันมืดมิดของระบอบการปกครอง โดยปราศจากคําสละสลวยใด ๆ ทําให้เหล่าขุนนางถึงกับหน้าซีดเผือด
“ดังนั้น สิ่งสําคัญที่สุดในตอนนี้คือการเลือกข้าราชการที่ห่วงใย ประชาชนทั่วไปอย่างจริงใจและคู่ควรแก่การไว้วางใจของฝ่าบาท เพื่อให้เขาเป็นคนแจกจ่ายธัญพืชบรรเทาทุกข์!” ฮวนม่อเฉอจบด้วยรอยยิ้มแล้วมองไปยังองค์รัชทายาท
ตามที่คาดไว้ องค์รัชทายาทจ้องมองมาที่เขา แม้จะไม่มีความเศร้าโศกหรือความปิติอยู่ในส่วนลึก แต่ดวงตาที่จ้องไปยังฮวนม่อเฉอ ก็จริงจัง และดวงตาเหล่านั้นบ่งบอกถึงความประหลาดใจ
ชางอู๋ซินตระหนักอยู่เสมอว่า ชายผู้ได้รับการยกย่องอย่างสูงผู้นี้ฉลาดมาก แต่นางไม่คิดว่าเขาจะสามารถคาดเดาความตั้งใจของตนได้อย่างง่ายดาย ยิ่งกว่านั้นเขายังตั้งใจจะช่วยนางด้วย นางรู้ว่าชายผู้นี้เป็นบุตรชายของนายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย และนายกรัฐมนตรี ฝ่ายซ้าย..
จักรพรรดิชางพอใจเป็นพิเศษกับ “การพูดโดยไม่อ้อมค้อม” ของฮวนม่อเฉอ
เห็นได้ชัดว่าทัศนคติของชายหนุ่มผู้นี้ช่างฉลาดและซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ทว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ความพยายามซ้ําแล้วซ้ําเล่าของพระองค์ในการเกณฑ์เขาเข้าสู่ราชสํานักได้รับการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง หากฮวนม่อเฉอเข้าร่วมราชสํานัก แม้แต่ตําแหน่งของนายกรัฐมนตรีก็อาจถือว่าต่ําไปสําหรับเขา
“โอ้? แล้วขุนนางฮวนคิดว่าควรส่งใครไปบรรเทาทุกข์ที่ภาคใต้?” จักรพรรดิชางตรัสถาม
นี่เป็นวิธีของพระองค์ในการทําให้ฮวนมอเฉออยู่ในตําแหน่งที่สําคัญ และมันไม่ใช่ครั้งแรกเช่นกัน
จักรพรรดิชางเคยหันไปหาฮวนมอเฉอเพื่อขอคําแนะนําหลายครั้งนับไม่ถ้วน และคําแนะนําของเขาก็มักจะได้รับการยอมรับ โดยฮวนม่อเฉอไม่เคยทําให้พระองค์ผิดหวังสักครั้ง ดังนั้นข้อเสนอของเขาย่อมน่าเชื่อถือและสําคัญที่สุด
นาทีนั้นฮวนม่อเฉอมองไปที่เหล่าองค์ชาย ขณะแต่ละคนจ้องมองเขาด้วยความประหม่า
ไม่ว่าใครจะถูกส่งไปแจกจ่ายธัญพืชบรรเทาทุกข์ ผลประโยชน์ที่ผู้ได้รับเลือกจะได้รับนั้นยอดเยี่ยมมาก เพราะนอกจากสามารถได้รับเงินจํานวนนับไม่ถ้วน ที่สําคัญกว่านั้นได้การแสดงความสามารถ ขณะทํางานนี้จะรับรองชื่อเสียงที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์ชายทุกคนปรารถนาอย่างแท้จริง
“กระหม่อมคิดว่า องค์รัชทายาทคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด!” คําพูดของฮวนม่อเฉอทําให้เกิดความโกลาหลในทันใด
โดยบุคคลแรกที่ก้าวออกมาโต้แย้งคือบิดาของฮวนม่อเฉอเองซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ฮวนอันปัง สวมชุดขุนนางของจักรพรรดิ แม้อายุของเขาจะไม่ใช่น้อยแล้ว แต่คนทั่วไปสามารถรับรู้ได้ว่า ในวัยหนุ่มนั้น เขาเป็นคนที่มีความสง่างามและน่าดึงดูดที่แทบจะไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
เขาจ้องมองที่ฮวนม่อเฉอ นายกรัฐมนตรีฮวนอันยิ่งรู้ดีว่าบุตรชายของตนเป็นคนที่มุทะลุและใจร้อนมาโดยตลอด ซึ่งแม้แต่เขาเองก็ไม่สามารถยับยั้งได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฮวนมอเฉอเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวในตระกูล นายกรัฐมนตรีฮวนอันปังคงไม่ยอมทนต่อการไม่เชื่อฟังของบุตรชายชาย..
“ฝ่าบาท โปรดพิจารณาใหม่ด้วย ม่อเฉอเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีตําแหน่งทางการ เขาจะจัดการเรื่องสําคัญของราชสํานักได้อย่างไร? ม่อเฉอ! เหตุใดเจ้ายังไม่หุบปากอีก?” นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายฮวนอันยิงตะคอก
ทว่าฮวนม่อเฉอไม่แยแสบิดาของเขา ทําให้ใบหน้าชราของฮวนอันยิ่งเกือบจะสงบลง
แม้คนอื่นอิจฉาที่เขามีบุตรชายเก่งกาจและมีคุณสมบัติที่เหนือชั้น โดยฮวนม่อเฉอมีชื่อเสียงอย่างไร้ที่ติ แต่ไม่มีใครรู้ว่านายกรัฐมนตรีฮวนอนปิงคิดว่าบุตรชายของเขาเป็นหนามที่อยู่ข้างกาย
ชางอู๋ซินสังเกตพฤติกรรมอวดดีของนายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ฮวนอันผิงจึงสามารถบอกได้ว่าพ่อลูกคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ตึงเครี ด ซึ่งดูเหมือนฮวนม่อเฉอจะไม่มีความกตัญญูต่อบิดาของเขา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮวนม่อเฉอช่วยนาง
อย่างไรก็ตามทุกคนทราบดีว่านายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายฮวนอันยิ่ง เป็นฝ่ายเดียวกับองค์ชายใหญ่
จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรอย่างไม่พอใจไปยังนายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายฮวนอันผิง ทว่าไม่ได้ประณามเขาด้วยวาจา
จักรพรรดิทรงอยู่ห่างไกลจากมวลชน แม้ในภาพรวมพระองค์สามารถควบคุมเรื่องความเป็นความตาย แต่อันที่จริงแล้วมีประเด็นขัดแย้งซึ่งมีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้
ก่อนหน้านี้ทางราชสํานักมีอํานาจมากเกินไป โดยพระองค์ใช้เวลาหลายปีในการกําจัดผู้มีอํานาจ ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เสร็จสมบูรณ์
“ในเมืองหลวงนี้ใครจะมีสติปัญญาและไหวพริบเกินฮวนม่อเฉอได้” จักรพรรดิชางตําหนิและมองไปยังที่ประชุมในขณะที่ตรัสว่า “หรือมีใครนึกถึงผู้สมัครผู้อื่นอีก? เราอยากดูว่าใครจะได้สนุกกับภาระมอบหมายที่แสนตรากตรํานี้!”
“กระหม่อมคิดว่าองค์ชายใหญ่เหมาะสมมากพะย่ะค่ะ!” นายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายฮวนอันผิงกล่าว เขารู้ดีว่าหากเขาไม่พูดออกมา ขุนนางอีกคนก็คงจะพูดอย่างไม่ต้องสงสัย
“สําหรับข้อเสนอแนะของนายกรัฐมนตรี ข้าเกรงว่าไม่เหมาะสม!” ฮวนม่อเฉอเห็นว่าองค์รัชทายาทกําลังจะพูดอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงรีบเข้าไปแทรกแซง จึงไม่ต้องการให้องค์รัชทายาทต่อต้านนายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายโดยตรง