ตอนที่ 23 ฆ่าคน
ตอนนี้ตัวไนเรลเต็มไปด้วยเลือดและเมือกจากสมองของกิ้งก่ายักษ์กลายพันธุ์ เขาดึงดาบออกมาอย่างช้า ๆ แล้วใช้มือล้วงเข้าไปในรูบนหัวของกิ้งก่ายักษ์
หลังจากใช้มือควานหาอยู่สักพัก เขาก็เจอกับก้อนกลม ๆ ขนาดเท่ากำปั้นกับเด็กทารก มีเนื้อเยื่อบางส่วนติดอยู่ที่ผิวของมัน เขาใช้เสื้อเช็คจนสะอาด
“เจอแล้วแก่นพลังงาน ATP” โดยไม่รอช้าเขารีบกินมันทันที หลังจากที่พยายามกลืนมันลงไปอยู่สักพัก กรมพลังงานก็เริ่มละลาย กลายเป็นเหมือนกับของเหลว พลังงานที่อยู่ภายในจำนวนมหาศาลถูกเซลล์ในร่างกายของเขาดูดซับอย่างต่อเนื่อง
เซลล์ของเขาดูดซับพลังงานและปลดปล่อยออกไปในทุกส่วนของร่างกาย กระบวนการนี้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง
เครื่องวัดระดับพลังงานเซลล์ที่ข้อมือของเขาตัวเลขมันก็เริ่มเปลี่ยนไปจนหยุดลงและคงที่ 160 หน่วย
พลังงานภายในเซลล์ของงานเขาเพิ่มมาประมาณ 50 กว่าหน่วย พลังงานภายในเซลล์มากกว่า 500 ถึงจะเลื่อนไปอีกระดับหนึ่งได้
“คงต้องกินแก่นพลังงาน ขั้น 2 อีกสัก 7 ชิ้น ถึงจะเลื่อนไประดับสีน้ำตาล” ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่การที่จะได้แก่นพลังงานอีก 7 ชิ้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย ไนเรลเดาว่าคงต้องฆ่าสัตว์กลายพันธุ์ ขั้น 2 ไม่ต่ำกว่า 100 ตัว
แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีวิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการกินเนื้อกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ
แล้วตอนนี้เขาก็ไม่ต้องกังวลเพราะว่าภูเขามีเนื้อกิ้งก่ายักษ์กลายพันธุ์อยู่ข้างหน้าเขาแล้ว
ไนเรลใช้เวลาปรับตัวอยู่สักพักกับพลังที่เพิ่มขึ้นมา
และก็ลองกินเนื้อกิ้งก่ายักษ์ในทันที โดยที่ไม่ได้สนใจพิษเลยแม้แต่น้อย ด้วยความสามารถ [ดูดซับความสามารถ ???] ทุกอย่างที่กินลงไปจะถูกความสามารถนี้จัดการดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อเขาแล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด
คำแรกที่เขากัดเข้าไป น้ำลายของไนเรลก็ไหลออกมา ความสามารถ [ดูดซับความสามารถ ???] ได้กระตุ้นต่อมความหิวของเขาจนไม่สามารถควบคุมได้ ในหัวของไนเรลมีแต่คำว่ากิน ต้องกินมันเท่านั้น
เขาชี้จะชอบเนื้อดิบ ๆ ของกิ้งก่ากลายพันธุ์ ขั้น 2 กินอย่างเอร็ดอร่อย
แมวน้อยเองก็ไม่รอช้า กินเนื้อของกิ้งก่ากลายพันธุ์เช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสามารถหรือร่างกายที่พิเศษของอสูรกันแน่มันจึงสามารถต้านทานพิษที่อยู่ในเนื้อได้
ไนเรลกินแล้วก็กินหลังจากที่ [ดูดซับความสามารถ ???] จัดการย่อยสลายเนื้อที่อยู่ในกระเพาะของเขาจะหมด เขาก็จะกินต่อทันที
รอยสักรูปใบไม้ที่งอกออกมาจากคริสตัลที่อยู่บริเวณหน้าอกของเขาค่อยๆกลายเป็นใบไม้เต็มใบเล็กทีละน้อย
เขากินต่อไปโดยไม่หยุด ตรงส่วนไหนที่เหนียวจนกัดไม่เข้า เขาใช้ความสามารถ [กัดแทะ (หนูกลายพันธุ์) F] ช่วยซึ่งมันก็จัดการส่วนที่เหนียวและเเข็งได้เป็นอย่างดี
มันแสดงให้เห็นว่าทุกความสามารถมันมีข้อดีของตนเอง
“ในที่สุด…!!!” ความรู้สึกของความสามารถใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเด่นชัดมาก ไนเรลเปิดเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักใบไม้ที่เพิ่มขึ้นมาจนเต็มใบแล้วในบริเวณหน้าอกของเขา
โดยไม่รอช้าขอทดสอบความสามารถใหม่นี้ทันที ผิวหนังของเขาเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นเกล็ดแข็ง ตามข้อศอก หัวเข่า ส้นเท้า เล็บ หัวไหล่ไหล่ทั้งสองข้างและบริเวณแผ่นหลัง มีหนามแหลมงอกออกมาคล้ายใบมีด ส่วนสูงเพิ่มเป็น 2 เมตรกว่า
ตอนนี้เขากลายเป็นมนุษย์กิ้งก่าไปแล้ว ไม่สิมนุษย์มังกรมากกว่า ทำไมสีผิวของเกล็ดก็เริ่มเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม
“สุดยอด นี่สินะคือความสามารถประเภทกลายร่าง” เขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
[กิ้งก่ายักษ์ B] เปลี่ยนร่างเป็นกิ้งก่ายักษ์ ผิวหนังกลายเป็นเกาะป้องกัน มีหนามแหลมและกรงเล็บงอกออกมาตามข้อต่อของร่างกาย
เขายังไม่ได้ใช้ความสามารถในการกลายร่างอย่างเต็มที่แต่ในสภาพนี้มันถูกเรียกว่า ‘อมนุษย์’
ถึงอย่างไรสรีระของมนุษย์ก็เหมาะสมกับการต่อสู้และเขาก็ถนัดในการควบคุมร่างกายแบบนี้มากกว่า
“ถ้าใช้ความสามารถ [กิ้งก่ายักษ์ B] พร้อมกับ ความสามารถ [พละกำลัง 50 เท่า (มดกินเหล็ก) B] แล้วละก็……”
ไนเรลไม่รอช้าเขาใช้ความสามารถทั้งสองอย่างพร้อมกัน ลองเปิดเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างแรก
ตูม!
หมัดของเขาทะลุเข้าไปในเนื้อไม้จนสุดแขน ต้องไม่ลืมว่าต้นไม้เหล่านี้ถูกวิวัฒนาการ กลายพันธุ์จนผิวและเนื้อไม้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่หมัดของเขาก็ยังต่อยมันทะลุ ถ้าเปลี่ยนเป็นร่างกายของมนุษย์ละก็มันคงจะเหมือนกับเอาหินไปทุบไข่อย่างแน่นอน
“เราคงจะกลายเป็นตัวประหลาดในอีกไม่ช้า” ไนเรลพูดพร้อมกับที่ร่างกายของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขามองไปที่ร่างของกิ้งก่ายักษ์ค่าของงูยักษ์เช่นกันว่าจะทำอย่างสุดท้ายไนเรลก็ตัดสินใจเอาไปแต่ร่างของกิ้งก่ายักษ์กลับไปด้วยเท่านั้น ส่วนงูยักษ์เขาก็เอาไปแค่บางชิ้นส่วนหลังจากที่กินเนื้อของมันและได้ความสามารถ [ตรวจจับความร้อน C]
โดยตัดเอาเขาสองคู่ เขี้ยวของมันอีกสองชิ้น และหนังของมันที่ยาวและใหญ่เป็นอย่างมาก ส่วนแก่นพลังงานนั้นเขาลองหาดูแล้วแต่ไม่มี ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้คาดหวังกับมันมากอยู่แล้ว
การที่จะเจอแก่นพลังงานสักชิ้นในสัตว์กลายพันธุ์ขั้นที่ 2 ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
กว่าจะจัดการพวกนี้เสร็จดาบยาวทังสแตนเขาก็เสียหาย บิดงอไปเยอะพอสมควร จนเขาต้องกลายร่างเป็นร่างไม่ใช่กรงเล็บในการจัดการกับหนังของงูยักษ์ต่อ
“เสร็จสักที” ไนเรลปาดเหงื่อบนใบหน้า ที่ต้องลากซากยิ่งห่างจากพื้นที่ ที่หนักเกือบ 2 ตันออกมาจากป่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขาใช้พละกำลังไปเกือบ 10 เท่าและใช้ท่อนไม้เป็นหมอนรองลากมันออกมาจากป่าและเอาขึ้นรถ
“หวังว่ามันจะทนได้จนถึงค่ายลี้ภัยนะ” เขามองไปที่รถยนต์ซึ่งตอนนี้ แหนบมันโค้งงอจนดูน่ากลัว
“ไปกันเถอะ” ไนเรลเรียกแมวน้อยและเจ้าคาปิบาราที่พยายามแบกกระต่ายแดงแล้วเนื้องูยักษ์อย่างทุลักทุเล
เขาพยายามบอกกับมันแล้วว่าไม่ต้องเอากลับไปก็ได้แต่มันก็ตอบกลับมาว่า “แม้ว ๆ ๆ มิ้ววว ง่าวว (มันคือส่วนแบ่งของมะลิ) ”
ไนเรลได้แต่ส่ายหัวและคิดว่ามันไปเอานิสัยขี้งกแบบนี้มาจากใคร
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงในขณะที่เขาขับรถออกไปช้าๆ อย่างกับเต่าคลาน ขับออกมาได้ประมาณ 100 กิโลเมตร เขาก็ไม่มีทางเลือก ได้แต่จอดพักกลางคืนข้างทาง
เขาก็ยังเอาเนื้อของกระต่ายแดงเป็นมื้อเย็น และเจ้าแมวน้อยก็บ่นออกมาว่าไนเรลแย่งส่วนแบ่งของมัน เขาจึงบอกมันไปว่าแลกกับเนื้อกิ้งก่ายักษ์ก็แล้วกัน มันจึงได้หยุดบ่นและมากินเนื้อกระต่ายแดงย่างกับเขา
หลังจากจัดการมื้อเย็นเสร็จแล้ว
ในค่ำคืนนี้เขาก็เลือกที่จะนอนพักที่ด้านข้างของรถโดยมีกองไฟที่ก่อไว้อีก 1 กอง ส่วนเจ้าแมวน้อยและคาปิบารามันก็นอนอยู่ในตัวรถที่ดูเหมือนว่าจะโดนกิ้งก่ายักษ์นอนทับไว้ไม่มีผิด
ดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้าแสงของมันส่องผ่านเมฆสีแดงที่มืดครึ้ม เมฆเหล่านี้เกิดมาจากควันไฟ ระเบิด และสารเคมีต่างที่ออกมาจากเมืองที่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว
ในขณะที่กองไฟเริ่มมอดดับลง ไนเรลก็ลืมตาขึ้นมาทันที แต่ไนเรลก็ยังไม่ได้ขยับตัวและแกล้งนอนต่อ
ในสายตาของเขาด้วยความสามารถ [ตรวจจับความร้อน C] ทำให้ตรวจจับความร้อนของร่างกายมนุษย์ ได้ 12 คน และซอมบี้อีกสองตัวที่เดินหลงฝูงตามมาด้วย
คนทั้ง12 เหมือนกับหิ่งห้อยในกลางคืน แมวน้อยเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วด้วย แต่มันเชื่อว่าไนเรลจัดการได้สบายจึงนอนต่อ
กองไฟที่เริ่มมอดดับลงอย่างช้า ๆ ก็ทำให้แสงสว่างบริเวณโดยรอบมืดลงไปอีก
คนพวกนั้นค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ตรงที่เขานอนอย่างช้า ๆ มันค่อยหันกระบองปืนจ่อไปที่เขา
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
กระสุนปืนถูกยิงรัวออกมา ควันที่ลอยออกจากปากกระบอกปืน ชายคนที่ยิงร้องออกมาด้วยความดีใจ
“เสร็จละ ฮ่า ๆ ๆ!!!”
“ก็บอกแล้วไงว่างานง่าย ๆ”
“ดูเนื้อกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้สิ มันต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 2000 แน่ ๆ”
คนที่เหลือเดินออกมาจากความมืด พากันมามุงดูซากกิ้งก่ายักษ์โดยไม่สนใจไนเรลที่พวกเขายิงตายไป
ด้วยความที่กองไฟเริ่มดับลงแล้วบริเวณนั้นจึงมืดเหลือแค่แสงจันทร์ที่พอจะมองเห็นเท่านั้น
หนึ่งในคนที่อยู่ในกลุ่มจึงเดินไปหยิบฟืนใส่ กองไฟและเขาก็หันไปมองที่ที่ไนเรลตาย
แต่ปรากฏว่าร่างของเขาหายไป
“เฮ้ย!! แล้วศพของคนที่นายยิงตายอยู่ไหนวะ?”
“ก็อยู่ตรงนั้นไง ไอ้โง่!” ชายคนนั้นด่าออกมาด้วยความหงุดหงิด ที่ถูกขัดจังหวะในขณะที่กำลังอารมณ์ดี
แต่เมื่อเขาเดินมาดูก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้ศพของชายที่เขาคิดว่ายิงตายไปแล้วมันกับหายไป “ซวยละสิมันยังไม่ตาย”
“ทุกคนระวัง มันยังไม่ตาย!!!”
ทั้งกลุ่มหันหลังเข้าหาตัวรถและจ่อปืนออกไปบริเวณรอบ ๆ ทันที
พวกเขาพากันนิ่งเงียบรอให้ไนเรลออกมา
แต่ดูเหมือนยิ่งรอมันก็ยิ่งมีแต่ความเงียบและสายลมที่พัดไปมา
และทันใดนั้นเองก็มีร่างที่พุ่งเข้ามาใส่ชายหนึ่งในคนในกลุ่ม
“ตาย!!!”
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ร่างของคนที่พุ่งเข้ามาถูกกระสุนยิงตายทันที แต่เมื่อพวกเขาออกมาดูใกล้ ๆ ปรากฏว่า มันเป็นซอมบี้
“อ้าคคค” ซอมบี้อีกตัวร้องด้วยความหิวกระหาย เดินออกมาจากป่าอย่างช้า ๆ
“เชี่ยเอ๊ย มันคือซอมบี้” ชายคนหนึ่งเดินออกจากกลุ่ม ใช้ปืนยิงไปที่หัวซอมบี้จนตายและเขาก็หันมากล่าวว่า “มันคงกลายเป็นซอมบี้เดินหายไปแล้วมั้ง”
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดขาดคำก็สังเกตเห็นความผิดปกติ เพราะคนในกลุ่มของเขามันน้อยลงไป
“เฮ้ย คนหายไปไหนอีกสองวะ!!!” ทุกคนรีบหันไปมองพวกของตัวเองและเพื่อนด้านข้าง
“1 2 3 4 5 6 7 8 9 เชี่ย…หายไปสาม”
“หาดูเร็ว!!!”
เมื่อพวกเขาเดินไปอีกฝั่งของตัวรถก็เจอกับรอยเลือดที่ลากร่างทั้ง3 เข้าไปในป่าข้างทาง
ทันใดนั้นก็มีร่างของหนึ่งในกลุ่มพวกเขาเดินออกมาด้วยสถาพที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์
ปัง! ปัง! ปัง! แต่ด้วยความที่มันมืดเขาจึงถูกคนในกลุ่มตัวเองยิงไม่เลี้ยงในทันที
“หยุดยิงนั้นมันวิล ฉิบหายแล้วเขาตายแล้ว” คนในกลุ่มรีบไปช่วยเขา แต่ไม่ทัน ถึงแบบนั้นก่อนตายวิลก็พยายามชี้ไปที่ บนซากของกิ้งก่ายักษ์ทุกคนมองและเห็นร่างของอมนุษย์สูงสองเมตรกว่า ๆ ยืนอยู่
“ด้านบนยิงมัน!!!”
กระสุนจำนวนมากยิงมาที่เขา ไนเรลไม่ได้สนใจ เขากล้มลงไปใช้กรงเล็บแทงไปที่ปลายคางของอีกคนที่ตอบสนองช้าสุดกระชากหัวและกระดูกสันหลังออกมาพร้อมกัน จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาใช้ปลายเท้าที่มีหนามแหลมเตะไปที่หัวของชายอีกคน หนามแหลมทะลุหัวชายคนนั้นตายคาที่ทันที
“สี่ ห้า” เสียงของไนเรลดังออกมา มันเหมือนกับเป็นการบอกว่าจะมีศพที่หก
เขาจะไม่มีความเมตตากับพวกหรือใครที่พยายามฆ่าเขาเด็ดขาด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พวกที่เหลือถึงกับกลัวเป็นอย่างมากและคิดว่าพวกเขาไปยั่วโมโหสัตว์ประหลาดอะไรกัน
ที่เหลืออีกเจ็ดคนยิงไปที่ไนเรลไม่ยั้งจนกระสุนหมดแม็กแต่ว่าไนเรลก็จัดการอีกสองคนได้อย่างง่ายดายโดยการใช้กรงเล็บแทงไปที่ท้อง ไส้ของพวกมันไหลออกมา ร่างของสองคนล้มลงตายไปอย่างง่ายดาย
ไนเรลโยนศพทั้งสองใส่กองไฟจนมันดับลง
ทุกอย่างเข้าสู่ความมืดมิด แต่สำหรับเขาที่มีความสามารถ [ตรวจจับความร้อน C] จึงมองเห็นพวกมันได้อย่างชัดเจน
“อ๊าค ๆ ๆ”
“อย่า ๆ!!”
“ไม่ ๆ!! ไว้ชีวิตฉันด้วย”
แสงของปืนที่ถูกยิงสว่างเป็นจังหวะตามเสียงของปืน และเสียงร้องที่ดังออกมาเป็นระยะพร้อมกับเสียงพูดของไนเรลที่นับตัวเลขไปเรื่อย ๆ
จนในที่สุดก็ถึงเลข 11 ….
ชายที่เป็นคนถามหาศพของไนเรลในตอนแรก ตอนนี้เขาสั่นไปด้วยความกลัว เขาทิ้งปืนและนั่งกอดเข่าหลังพิงรถด้วยความกลัวตาย ตั้งแต่ที่ไนเรลนับไปเลขทั้ง 8 แล้ว
“ผมขอโทษ ๆ อย่าฆ่าผมเลย ผมยังไม่อยากตาย” เสียงของเขาพูดและร้องไห้ด้วยความสั่นกลัว ของเหลวที่ไหลออกมาจากหว่างขาส่งกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า มันคือไนเรลที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดนั้นเอง
ตามตัวของเขามีรอยแดงเล็ก ๆ จากกระสุนที่ยิงโดนเกล็ดซึ่งเป็นกระอย่างดี ไนเรลกล้มหน้ามองไปที่ชายคนนั้นและถามออกมา
“นายเป็นใคร มาจากค่ายไหน และมาทำอะไรแถวนี้” เขาถามออกไปด้วยเสียงที่เยือกเย็นยิ่งกว่าอากาศรอบข้างเสียอีก