re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง – ตอนที่ 74 ทหารจีนาส

re zombie World โลกซอมบี้อีกครั้ง

ตอนที่ 74 ทหารจีนาส

ณ โลกใต้พิภพ ที่ล้อมรอบไว้ด้วยลาวาและน้ําพุร้อน มีภูเขาไฟใต้ดินขนาดใหญ่ยักษ์ที่ยังไม่มอดดับตั้งอยู่ ด้านบนของภูเขาไฟมีเมืองยักษ์โบราณที่ดูเหมือนว่าจะสร้างมาจากวัสดุที่คล้ายกับหินและโลหะสลับซับซ้อน แต่ก็ดูสวยงามเป็นอย่างมากอยู่ที่แห่งนี้มาหลายหมื่นปี

 

ภายในเมืองเต็มไปด้วยเหล่ายักษ์เถื่อนจํานวนมากอาศัยอยู่ภายในเมือง ที่นี่มีเทคโนโลยีที่ดูโบราณแต่ในขณะเดียวกันมันก็ตอบสนองต่อการใช้งานของพวกเขาไม่แพ้เทคโนโลยีของมนุษย์เลยแม้แต่

 

บางอย่างก็ล้ําหน้ากว่าของมนุษย์มากจนสามารถเรียกได้ว่ามันคือเวทมนตร์เลยก็มี

เหนือขึ้นไปใจกลางของปากปล่องภูเขาไฟมีเมืองที่ลอยต้านแรงโน้มถ่วงของโลกอยู่ ภายในเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่สวยงาม เป็นเหมือนดังพระราชวังใต้ดิน ภายในประดับไปด้วย ทองคํา อัญมณี เพชรและแร่มีค่ามากมายเท่าที่จะหาได้ในโลกใต้ดินแห่งนี้

พระราชวังแห่งนี้ดูเหมือนจะสงบสุขมาก แต่แล้วมันก็มีเสียงที่ทําลายภาพเหล่านี้ไป ที่โถงประชุมหลัง เหนือขึ้นไปมีบัลลังก์ที่สร้างจากโลหะพิภพสีดําทมิฬ รอบด้านมีลาวาที่เดือดปุด ๆ อยู่จากการปลดปล่อยพลังของราชายักษ์เถื่อนเผ่าอัคคี

อุณหภูมิในห้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ยักษ์เถื่อนระดับสูงหลายตนนั้นก็ยักษ์มีเหงื่อออกที่ใบหน้า

“พวกเจ้าหาตัวมนุษย์ผู้นั้นเจอหรือยัง” ราชายักษ์เถื่อนเผ่าอัคคีถามออกมาด้วยน้ําเสียงที่เรียบเฉยเป็นอย่างมาก มันราวกับว่าตัวของเขานั้นไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อยที่ลูกชายตนหนึ่งของตนได้ตายไป

แต่ก็มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่คิดแบบนี้ เพราะพลังที่ราชายักษ์เถื่อนเผ่าอัคคีปลดปล่อยออกมานั้นแค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพระองค์โกรธมากเพียงไหน แต่เพราะฐานะของราชาเผ่าอัคคีเขาจึงสะกดข่มมันไว้

 

“ตอนนี้ยังไม่สามารถจับมนุษย์ผู้นั้นได้ แต่ขากําลังจัดตั้งหน่วยไล่ล่าขึ้นมาเชื่อว่าอีกไม่เกิน 1 เดือนจะต้องจับมนุษย์คนนั้นมาได้” ยักษ์เถื่อนที่แต่งกายดั่งอัศวินกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น

 

“ช้าไป! เจ้ารับคําสั่งของข้าไปนํากองทัพที่อยู่ด้านนอกใครที่ในระยะไล่ล่าให้ติดตามจับตัวมันมาให้ได้ นําเข็มทิศชีพไปด้วย ใช้มันกับชายผู้นั้น”

“ฝ่าบาทเข็มทิศชีพเป็นของที่มีค่ามาก จะคุ้มค่าที่ใช้แลกชีวิตของฆาตกรนี่หรือ…”

“ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเจ้าต้องนําตัวมันมาภายใน 15 วันให้ได้”

 

ยักษ์อัศวินตนนั้นได้แต่ตกปากรับคําไป พร้อมกับรีบออกไปในทันที โดยมองไปในมือที่มีเข็มทิศชีพอยู่ เข็มทิศนี้มีความสามารถที่พิเศษอยู่นั้นก็คือการระบุว่าชีวิตของเจ้าของเลือดนั้นตายไปหรือยัง และอยู่ทิศทางไหน

โดยระยะที่มันสัมผัสถึงนั้นคือ 1 แสนกิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าของสิ่งนี้มันคือของที่ถ้าหยดเลือดลงไปแล้วมันก็ไม่สามารถใช้กับคนอื่นได้อีก

ที่สําคัญมันคือของที่หลงเหลือมาจากยุคโบราณไม่สามารถสร้างเพิ่มได้

 

ส่วนเลือดของไนเรลนั้น แน่นอนว่าก็มาจากศรดําหนึ่งในลูกศรที่ยิงโดนเขาและยักษ์เถื่อนได้ตามหาจนเจอ และนํากลับมาด้วยพร้อมกับศพของเลฟอน

 

หลังจากนั้นอัศวินยักษ์เถื่อนก็มอบหมายให้ยักษ์เถื่อนที่อยู่ด้านนอกจัดการต่อ เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถออกจากกําแพงชั้นกลางได้ และยักษ์ที่รับช่วงต่อก็คือ ยักษ์เถื่อนหนุ่มไฟแรง อูคา ที่พึ่งเลื่อนไปขั้น 5 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวิน และตอนนี้กําลังตามล่าสัตว์กลายพันธุ์ขั้น 5 อย่างหมาป่ายักษ์อยู่

แต่หลังจากที่เขาได้รับจดหมายก็ต้องยกเลิกด้วยความไม่เต็มใจ และออกนํากองทัพออกไล่ตามทิศทางที่เข็มทิศชีพชี้ไป

 

ในขณะเดียวกันไนเรลที่ตอนนี้กําลังมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลอาโรเดีย

 

คฤหาสน์ของตระกูลอาโรเดียที่ตั้งอยู่ที่เมืองออสธาที่อยู่ใกล้กับรอยต่อของประเทศจีนาส โดยมีเทือกเขาแอนด้าและแม่น้ําคอนโทร่าเป็นเส้นเขตแดนแนวธรรมชาติ

นั้นทําให้เมืองออสธาเป็นเมืองขนาดใหญ่เพราะมีการติดต่อและ ค้าขายกันกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนาส ถ้าจะบอกให้ถูกถึงขนาดของมันก็คงต้องบอกว่ามันติด 1 ใน 5 เมืองที่ใหญ่ที่สุดของไทกีล่าอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นในยุครุ่งเรื่องตระกูลอาโรเดียจะมาลงหลักปักฐานในที่แห่งนี้ไปทําไม

 

ไนเรลที่ตอนนี้บินและลงมาที่ชายปาห่างจากเมืองออสธาอยู่ไม่ไกล เขามองไปที่ภายในเมือง ตอนนี้เมืองแห่งนี้กายเป็นซากปรักหักพังแล้ว ตัวตึกที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ตะไคร่น้ํา บางแห่งก็ถล่มกลายเป็นซากโดยสมบูรณ์มีน้ําท่วมขังอยู่

 

แต่มันก็ยังไม่ได้พังไปทั้งหมดไม่เหมือนกับเมื่อก่อนตอนที่เขาเดินทางผ่านเมืองแห่งนี้ มันกลับกลายเป็นทะเลขนาดใหญ่ที่ถูกแช่แข็งไปแล้ว

 

จากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่รุนแรงซึ่งก็คงอีกไม่นานที่สภาพอากาศแบบนี้จะหายไป ถ้าจะให้บอกถึงเหตุผลที่เกิดขึ้นก็คงเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กโลก และชั้นบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

 

ส่งผลต่อทั้งความเร็วการหมุนของโลก จนกระทั่งมีนักดาราศาสตร์จํานวนมากคาดการว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ระยะเวลาในแต่ละวันของโลกคงจะไม่เท่ากันและอาจจะมีความเหลื่อมล้ําของเวลาถึง -10 ถึง +10 นาทีเลยที่เดียวในแต่ละวัน

 

แต่ทันในนั้นก็ดูเหมือนว่าในเมืองจะยังมีคนรอดชีวิตอยู่ เขามองไปที่ควันไฟและเสียงที่ดังแว่ว ๆ อยู่ไกลมากๆ

 

ไนเรลไม่รอช้ารีบตรงไปที่จุดนั้นในทันที

 

ในเมืองไม่มีซอมบี้อยู่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ติดอยู่ในซากตึก หรือไม่ก็พวกที่หลงฝูงจากตอนที่ซอมบี้สติปัญญารวบรวมพวกมันไปรวมกลุ่มที่เมืองหลวงไทกีล่า

 

ด้วยความสามารถ [ราชานักวิ่ง C] ของเขามันก็ใช้เวลาไม่กี่สิบนาทีก็มาถึงจุดที่เขามองเห็นควันไฟ

แต่เมื่อมาถึงเขาก็หาที่หลบเพื่อมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในทันที เพราะว่าตอนนี้มีนกับมีการสู้รบเกิดขึ้นอยู่

ถึงเขาอยากจะรู้ว่าในตอนนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็คงไม่เข้าไปโดยไม่รู้อะไรอย่างแน่นอน

หลังจากสังเกตก็ดูเหมือนว่าคนที่ต่อต้านอยู่จะเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตเป็นคนไทกีล่าทั้งหมดมีอยู่ราว ๆ 10 คน พวกเขากําลังป้องการโจมตีจากกลุ่มคน 15 กว่าคนที่มีอาวุธครบมือ แต่งตัวกันด้วยชุดของทหาร แต่มันไม่ใช่ทหารของประเทศไทกีล่ากลับเป็นคนจีนาส

 

เนื่องจากพวกเขาเป็นทหารเก่าดังนั้นจึงมีอาวุธจํานวนมากระดมยิงถล่มไปที่กลุ่มผู้รอดชีวิตที่น่าสงสารเหล่านี้

 

จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปไม่นานกลุ่มผู้รอดชีวิตเหล่านี้ก็ดูเหมือนจะเริ่มภายแพ้ให้กับทหารจีนาส แต่สิ่งที่ผลักกลุ่มผู้รอดชีวิตลงสู่ความภายพ่ายแพ้จริงนั้นก็คือ การหักหลังกันเอง

 

“น่าสนใจ” ไนเรลมองไปที่ภาพข้างหน้าและพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา เขาเกลียดมากที่มีการหักหลังกัน

 

ส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่แล้วที่น้องสาวของเขาโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจจนตาย ไนเรลจึงได้รับผลกระทบมาด้วย

 

หลังจากที่ทหารจัดการกับพวกที่มีอาวุญข้างนอกได้แล้วนั้นพวกมันก็พังประตูเข้าไปลากคคนธรรมดาที่หลบซ่อนอยู่ด้วยความหวาดกลัวออกมา

 

กลุ่มผู้รอดชีวิตได้แต่ยกมือขอร้องชีวิต พวกเขาทิ้งอาวุธและยอมจํานน แต่พวกทหารจีนาสกลับจับกลุ่มผู้ชาย ผู้หญิงแยกออกจากกันในทันที

“ปล่อย ปล่อยสิวะ แกจะทําอะไร”

 

“พวกเรายอมแพ้แล้ว..อัก”

ผู้ชายที่ยังมีชีวิตทุกคนถูกจับ ถูกแตะซ้อมจนกระทั่งไม่มีแรงกันเลยทีเดียว ขณะที่พวกผู้หญิงจิกผมรากไปในที่มุมมืด ๆ ดูเหมือนว่าพวกมันตั้งใจที่จะฆ่าผู้ชายทิ้งและข่มขืนผู้หญิง

“ฮ่า ๆ ดูพวกลูกสุนัขไทกีล่าที่น่าสงสารเหล่านี้สิ”

 

“นายจะบอกว่าพวกมันเป็นสุนัขนั้นก็อย่างเอาพวกมันละ ฮ่า ๆ”

 

“บัดซบแบ่งให้ข้าคนหนึ่ง ขอเด็กนั้นก็แล้วกัน ร่างผมเล็กกระทัดรัดดี ข้าชอบ”

 

“ไอ้โลลิคอนเอ๊ย”

 

เศษเดนทหารจีนาสที่รุมแย่งรางวัลแห่งชัยชนะของพวกเขาไปดื่มฉลองกันอย่างเมามัน ไนเรลที่คิดว่าจะออกไปช่วยดีหรือไม่อย่างน้อยก็เป็นคนประเทศเดียวกัน

 

แต่ทันใดนั้นก็ได้มีกลุ่มของมนุษย์ชั้นสูงที่ค่อย ๆ แอบเข้ามาประชิดตัวของทหารเหลานั้นอย่างช้า ๆ

 

กลุ่มมนุษย์ชั้นสูงนี้มีอยู่ประมาณ 3 คน ทั้งสามลอบเก็บทหารของจีนาสโดยที่พวกนั้นไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งทุกอย่างนั้นก็ตกอยู่ในสายตาของไนเรลทั้งหมด

ไนเรลที่เห็นแบบนั้นก็คิดว่าจะมองดูไปอีกสักพักก็แล้วกัน

 

ทหารจาก 15 คนและคนทรยศไม่กี่คนเริ่มรู้สึกว่ามันผิดสังเกต เพราะพวกเขาคิดว่าเพื่อนของตนนั้นพาผู้หญิงพวกนั้นหายไปนานเกินได้

 

แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วย ศัตรูบุก ช่วยด้วย

ทหารจีนาสคนหนึ่งวิ่งออกมาพร้อมกับร่างที่เต็มไปด้วยเลือด แต่มันก็วิ่งไปไม่ไกลก็โดนไฟของหนึ่งในมนุษย์ชั้นสูงเผาจนตาย

“อ๊าก….” เสียงร้องของทหารจีนาสเป็นเหมือนกับสัญญาณเตือนภัยทหารทุกคนรีบกลับมารวมกันในทันที

 

จากนั้นพวกเขาก็ใช้ปืนกลหนักที่อยู่บนรถทั้งสองคันยิงถล่มไปจุดที่พวกของตนโดนเผาในทันที

 

มนุษย์ชั้นสูงคนนั้นรีบหลบอย่างหวาดกลัว เพราะถึงเขาจะเป็นมนุษย์ชั้นสูง แต่ก็เป็นแค่ระดับสีเทาเท่านั้น

อีกคนที่มีความสามารถด้านพละกําลังเขาเขวี่ยงเศษซากของตึกแถวนั้นน้ําหนัก 100 กิโลกรัมใส่รถฮัมวีที่มีปืนกลอยู่จนทหารที่มัวแต่ยิงถล่มมนุษย์ชั้นสูงที่ใช้ความสามารถไฟ

 

เสียงของซากตึกที่ปะทะกับรถฮัมวีดังเป็นอย่างมาก ตัวรถยุบลง เลือดที่ไหลออกมาจากพร้อมกับฝุ่นที่กระจายตัวออก

 

ทหารจีนาสที่เห็นอย่างนั้นก็ตะโกนบอกคนที่เหลือทันทีว่ายังมีมนุษย์ชั้นสูงอีกหนึ่งคน

“บัดซบ มันมีมนุษย์ชั้นสูงอีกคน”

 

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้ง

Score 7.9
Status: Ongoing Released: N/A
อ่านนิยายเรื่อง re zombie world โลกซอมบี้อีกครั้งณ ช่วงชีวิตหนึ่งผมเสียทุกอย่างไป แต่ก็ได้รับโอกาสในอีกโลกหนึ่ง ไนเรลชายหนุ่มที่สูญเสียทุกอย่างให้กับวันสิ้นโลกและซอมบี้ แต่แล้วโชคชะตาก็พาเขาไปพบกับกล่องแพนโดร่าที่ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการ ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และนั้นจึงทำให้เขาได้รับโอกาสในการเปลี่ยนแปลงโลกซอมบี้ใบนี้อีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset