“โกวชิทำไมเขาถึงไม่กลัวข้าเลย”
จนถึงตอนนี้ผู้จัดการลู่ก็ยังคงพูดเรื่องไร้สาระของเขาอยู่
มันมีความเป็นไปได้สองอย่างคือหนึ่งเขาเป็นคนชอบพูดเรื่องไร้สาระอยู่แล้ว หรือสองเขาอาจจะไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาตั้งแต่แรก
โกวชิตอบ “นายน้อยเมื่อตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบัน เขาไม่ควรจะกลัวนายน้อยเพราะเขาเป็นผู้จัดการของตระกูลหยวน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่กลัวนายน้อย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
หลิน ฟานคิด
แม้แต่ผู้จัดการตัวเล็กๆจากตระกูลหยวนก็ยังไม่กลัวเขา
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าคุณค่าของตัวเขามันอยู่ค่อนข้างต่ำ
แม้ว่าในฐานะนายน้อยผู้มั่งคั่งจะทำให้เขาสามารถใช้ได้ชีวิตตามต้องการ แต่ดูเหมือนว่าบางอย่างมันจะไม่ถูกต้อง
ผู้จัดการลู่ของตระกูลหยวนเป็นคนหัวแข็งมาก แม้ว่าเขาจะถูกทุบตีมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่ตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่หมายความว่าอีกฝ่ายไม่คิดว่านี่มันเป็นเรื่องใหญ่
“เจ้าพูดถูกเรื่องที่ข้ามีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม แต่จริงๆแล้วเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้เลยก็คือนายน้อยผู้นี้เป็นคนใจร้อนแถมยังมีความคิดที่ตื้นเขินอีกต่างหาก อะจริงด้วยสิ เมื่อเร็วๆนี้พื้นที่การเกษตรของตระกูลข้ากำลังว่างเปล่าเป็นจำนวนมากอยู่พอดี”
“พวกเจ้าหมู่บ้านตระกูลฉินและตระกูลจางต้องการจะมาเข้าร่วมและกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลินของข้ารึไม่” หลิน ฟานมองไปที่ชาวบ้านและถามออกมา
ในตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกไป
สำหรับชาวบ้านของหมู่บ้านทั้งสองมันเป็นสัญญาณของความโชคดีที่กำลังจะมาถึง
จะไม่ให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นได้เช่นไร?
ในตอนที่พวกเขาตื่นเต้นและกำลังจะตอบตกลง ก็ได้มีเสียงๆหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“นายน้อยหลินช่างน่าทึ่งจริงๆ”
เสียงมันแหบเล็กน้อยและเต็มไปด้วยความโกรธ
“ความโกรธ +100”
เมื่อเห็นว่าใครพูดขึ้นมาชาวบ้านที่อยู่โดยรอบก็เงียบลงทันที
มันเป็นหัวหน้าตระกูลหยวนที่กำลังโกรธนั้นเอง (TL: คนเดียวกับตอนแรกที่แปลไปว่าเป็นอาจารย์หยวน)
ตระกูลหลินวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
หรือพวกเขาต้องการจะต่อสู้กับตระกูลหยวนอย่างเปิดเผย
หยวน เทียนชูก็ได้ติดตามเขามาด้วย
ส่วนคุณหนูเจ็ดเธอชื่นชอบความวุ่นวายและชอบที่จะมุ่งหน้าไปที่ที่ดูแล้วจะมีอะไรสนุกๆเกิดขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินว่ามีคนกำลังจะก่อกบฏ เธอก็ยิ่งตกใจมากขึ้นและคิดว่าตระกูลชนชั้นสูงในเมืองหยูฉางนั้นบริหารได้แย่มาก
ถ้าเป็นในเมืองหวู่เฉิงจะทำยังไงเมื่อมีคนคิดก่อกบฏงั้นหรือ?
พวกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาตายตอนไหนและตายด้วยวิธีใด
“ถ้าไม่ใช่ข้าแล้วมันจะเป็นใครละ? ท่านงั้นหรือ?” หลิน ฟานพูด เขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำให้เขากลัวได้ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะพูดคำเหล่านั้นออกมาด้วยเช่นกัน
“ความโกรธ +88”
ความโกรธของหัวหน้าตระกูลหยวนช่างน้อยนิดเสียจริง
“ความโกรธ +123”
หยวน เทียนชูมองมาที่หลิน ฟานด้วยความโกรธและให้คะแนนกับเขามา ในฐานะนายน้อยสองและเป็นลูกชายคนโปรด ในอนาคตตระกูลหยวนจะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
การที่หลิน ฟานทำเช่นนี้มันจะทำให้รากฐานของตระกูลหยวนนั้นได้รับความเสียหาย
เมื่อรู้แบบนั้นแล้วจะไม่ทำให้เขาโกรธได้อย่างไร?
หัวหน้าตระกูลหยวนเดินเข้ามาและมองไปที่หลิน ฟานเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังต้นเหตุของเรื่องและตะโกนใส่พวกเขาด้วยความโกรธ “พวกเจ้าต้องการอะไร?”
หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลฉินยืนขึ้น “ท่านหัวหน้าตระกูลหยวน สภาพอากาศในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ข้าเพียงแค่หวังว่าท่านจะเข้าใจพวกเราและเก็บภาษีของปีนี้ให้น้อยลง”
“เหอะ” หัวหน้าตระกูลหยวนเย้ยหยัน “หากพวกเจ้าไม่สามารถจ่ายภาษีได้ก็ไม่ต้องทำฟาร์มแล้ว เพราะมันยังมีคนอีกมายมายที่ต้องการจะมาแทนที่พวกเจ้า”
“ช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้” หลิน ฟานพูดกับโกวชิ
เขาไม่ได้พยายามลดเสียงของตัวเองเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาต้องการให้อีกฝ่ายได้ยินสิ่งที่เขาพูด
หัวหน้าตระกูลหยวนมองไปทางหลิน ฟาน “นายน้อยหลิน พ่อของเจ้าไม่ได้บอกให้เจ้าก่อปัญหาให้น้อยลงงั้นรึ? วันๆเจ้าไม่ทำอะไรเอาแต่เดินไปเดินมา ในอนาคตตระกูลหลินจะต้องจบลงด้วยน้ำมือของเจ้าแน่”
หลิน ฟานยิ้ม “ไม่ว่ามันจะถูกทำลายหรือไม่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของท่าน แต่มันเป็นปัญหาของข้าต่างหาก”
“อย่างไรก็ตามตั้งแต่หัวหน้าตระกูลหยวนบอกว่าถ้าไม่จ่ายภาษีก็ไม่ต้องทำฟาร์ม มันทำให้ข้าสนใจเรื่องนี้มาก”
เขามองไปที่ชาวบ้านที่อยู่ตรงหน้า
“พวกเจ้าก็ได้ยินใช่ไหม หัวหน้าตระกูลหยวนกล่าวว่าหากพวกเจ้าไม่สามารถจ่ายเงินให้เขาได้ก็ไม่ต้องทำไร่บนที่ของเขา แต่โชคดีที่ตระกูลของข้ามีที่ดินเยอะแยะและยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ ถ้าหากปล่อยเอาไว้เฉยๆก็มีแต่จะทำให้แมลงมาอยู่อาศัยเสียเปล่าๆ เมื่อรู้แบบนั้นแล้วมันจะดีกว่าไหมที่พวกเจ้าจะย้ายมาทำฟาร์มเพื่อข้าแทนเขา?”
หลิน ฟานไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะปล่อยที่ดินว่างๆเอาไว้ทำไม
แล้วทำไมพวกเขาถึงตระหนี่ขนาดนี้?
ชาวบ้านไม่กล้าตอบรับเพราะตรงนี้ยังคงมีหัวหน้าตระกูลหยวนคอยยืนคุมอยู่
“อย่ากลัวไปเลย หัวหน้าตระกูลหยวนคงจะไม่ลดตัวลงมาทำอะไรต่ำๆแบบนี้แน่ และข้าก็เพิ่งได้ยินว่าเขาไม่ได้ขาดแคลนคนทำฟาร์มให้ไม่ใช่หรือ? แต่ข้าไม่ใช่แบบนั้นเพราะข้าขาดแคลนคน” หลิน ฟานพูด
ชาวบ้านทุกคนกระตือรือร้น
ถ้ามีโอกาสพวกเขาก็อยากจะย้ายไปทำงานให้ตระกูลหลินอย่างแน่นอน
“หลิน ฟานเจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว” หยวน เทียนชูโกรธมาก ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงชอบทำตัวแบบนี้นัก?
ในอดีตเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้
“ข้าไปล้ำเส้นเจ้าตอนไหน? ข้านั้นไม่ได้ไปทุบตีเจ้า ด่าเจ้า หรือว่าบังคับเจ้า ทำไมเจ้าถึงคิดมากขนาดนี้?” หลิน ฟานพูด
“ความโกรธ +99”
หยวน เทียนชูจ้องมองหลิน ฟานอย่างเย็นชา
โจว เชียงเหมาเดินขึ้นมาบังลูกพี่ลูกน้องของเขาและมองกลับไปอย่างระมัดระวัง ตราบใดที่เขากล้าทำอะไรที่มันอันตราย เขาจะได้จัดการเขาได้ทันท่วงที
แต่ที่นี่คือเมืองหยู่ฉาง
สิ่งเหล่านี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น
หลิน ฟานขี้เกียจจะโต้เถียงกับเขาแล้ว “เอาล่ะ ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว เพราะถึงจะคุยยังไงมันก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา ตอนนี้ชาวบ้านของหมู่บ้านทั้งสองจงฟัง ถ้าพวกเจ้าเต็มใจย้ายมาทำงานให้กับข้า ข้าก็ขอให้พวกเจ้ามายืนอยู่ข้างข้า แล้วข้าจะเป็นคนปกป้องและรับรองความปลอดภัยให้กับพวกเจ้าเอง”
“ถ้ามีใครในพวกเจ้าตายอย่างไม่มีสาเหตุ ข้าจะเป็นคนล้างแค้นให้พวกเจ้าเองไม่ว่าคนทำมันจะเป็นตระกูลเหลียงหรือตระกูลหยวนก็ตาม”
ชาวบ้านมองหน้ากัน พวกเขากำลังรอให้ใครสักคนนำไปก่อน
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ แล้วเราจะยังต้องกลัวอะไรอีก? มาติดตามนายน้อยหลินกันเถอะ”
ฮือฮา!
มีบางคนเป็นผู้นำเดินออกไปยืนอยู่ข้างหลิน ฟาน
“ความโกรธ +111”
“ความโกรธ +66”
หยวน เทียนชูที่โมโหดึงดาบของเขาออกมาจากฝักและคำราม “เจ้าพวกไพร่ พวกเจ้ากล้ามากที่ทรยศต่อตระกูลหยวนของข้า! วันนี้ข้าจะกำจัดพวกเจ้าทั้งหมดซะ!”
ดาบของเขาเร็วมากจนกลายเป็นแสงกระพริบ
สำหรับชาวบ้านธรรมดาพวกเขาจะเอากำลังที่ไหนไปต่อต้าน
ตูม!
ในตอนนั้นเองโจว เชียงเหมาก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าหยวน เทียนชูและเตะออกไป
หยวน เทียนชูที่ตกตะลึงรีบดึงดาบกลับมาป้องกันลูกเตะนี้เอาไว้ ใบดาบของเขาที่รับลูกเตะโค้งงอก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆและส่งพลังที่น่ากลัวซัดเข้าใส่ร่างของเขา ก่อนที่ร่างของเขาจะบินไปข้างหลัง
“เจ้ากำลังร้องขอความตาย!” โจว เชียงเหมาที่เพิ่งลงมาเหยียบพื้นตะโกนออกมา
เขากล้ามีเรื่องกับคนรุ่นเดียวกันทั้งหมดในเมืองหยูฉางยกเว้นคนเดียวคือลูกพี่ลูกน้องของเขา
หลิน ฟานส่ายหัว “นี่คือผลของการพยายามกลบเกลื่อนความละอายของตนด้วยความโกรธ และเจ้าก็ยังดึงดาบออกมาเพื่อสังหารผู้คนเพียงเพราะอีกฝ่ายเห็นต่างกับเจ้า นายน้อยสองเจ้านี่ช่างใจแคบเสียจริง”
หยวน เทียนชูกดพื้นด้วยมือข้างหนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองโจว เชียงเหมา
การที่อีกฝ่ายมองเขาอย่างดูถูกมันทำให้เขาอารมณ์เสียมาก
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินอีกฝ่ายต่ำเกินไป
โจว เชียงเหมายิ้ม “เจ้ามองข้าแบบนั้นทำไม? การที่เจ้าบาดเจ็บเพียงแค่นี่เป็นเพราะข้าให้โอกาสกับเจ้า มิฉะนั้นเจ้าคิดว่ามันจะจบลงเพียงแค่นี้งั้นหรือ?”
สิ่งที่เขาพยายามจะสื่อก็คือเขาไม่ได้มองหยวน เทียนชูในฐานะคู่ต่อสู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
อาวุโสซูกล่าว “เด็กคนนี้ไม่เลว แม้แต่ในเมืองหวู่เฉิงเขาก็อยู่ในห้าอันดับแรก”
ซู หลานเห็นด้วย “เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าข้าอยู่ดีเพราะข้าติดหนึ่งในสามอันดับแรก”
อาวุโสซูถอนหายใจ
คุณหนูหยุดล้อเล่นได้แล้ว
อันดับของท่านได้มาจากการที่มีคนให้โอกาส
ถ้านับตามความจริงท่านไม่ติดแม้แต่50อับดับแรกด้วยซ้ำ
“เจ้าหนูหลิน เจ้าต้องการจะต่อสู้กับตระกูลหยวนของข้าจริงๆใช่ไหม?” หัวหน้าตระกูลหยวนโกรธมาก เขากำหมัดราวกับว่าจะพุ่งออกไปโจมตีตอนไหนก็ได้
หลิน ฟานเหลือบมองและรู้สึกผิดหวัง “ข้าคิดว่าตระกูลหยวนของท่านคงจะเป็นโรคประสาทไปเสียแล้วกระมั้ง ในเมื่อท่านไม่ได้ต้องการพวกเขา ข้าจึงรับพวกเขามาด้วยความยินดีและพวกเขาก็เต็มใจที่จะย้ายมาอยู่กับข้า ดังนั้นมันจึงไม่ถือว่าเป็นการขโมย แล้วทำไมท่านจึงยังมีปัญหาอยู่อีกล่ะ?”
“หรือว่าท่านจะรำคาญตระกูลหลินของข้าและต้องการจะสร้างปัญหาโดยการหาเรื่องต่อสู้กับพวกเรา? หากเป็นเช่นนั้นข้าจะได้เรียกคนของข้าให้มาต่อสู้กับพวกท่านที่นี่”
คุณหนูเจ็ดปรบมือ “เยี่ยม เยี่ยม นี่มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ!”
“ความโกรธ +222”
หัวของหัวหน้าตระกูลหยวนกำลังจะระเบิดด้วยความโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าหลินคนนี้
“เจ้าคิดว่าชายชราผู้นี้ไม่กล้าแตะต้องเจ้างั้นหรือ?”
หลิน ฟานกางมือออกอย่างไม่เกรงกลัว “ถ้าท่านไม่กล้าแตะข้า ท่านก็เป็นหลานชายของข้าแล้วละ”
“ความโกรธ +666”