หลิน ฟานที่หันหน้ากลับมาเมื่อได้เห็นพ่อของเขาอยู่ที่นี่เขาก็รู้สึกเหมือนได้รับคนหนุนหลัง
เขาอุทานและทำเป็นกลัวเล็กน้อย
“ท่านพ่อในที่สุดท่านก็มา ท่านรู้ไหมว่าข้าเกือบจะถูกเจ้าแก่นี้ฆ่าตาย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่ลูกน้องปกป้องข้าท่านคงไม่ได้เห็นข้าอยู่ตรงนี้แล้ว”
หลิน ฟานบ่นและทำตัวราวว่าเขาถูกรังแก
จากนั้นเขาก็ไปดึงหลิน วานยี่มา
“ท่านพ่อดูสิ ลูกพี่ลูกน้องของข้าถูกทุบตีจนกระอักเลือด เพียงแค่ข้ามองไปที่เขาก็ทำให้หัวใจของข้าเจ็บปวดจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
หลิน วานยี่ชำเลืองมอง “เอาล่ะ เจ้าหยุดพูดได้แล้ว”
หลิน ฟานกลอกตา ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลดังนั้นเขาจึงหยุดและเดินไปที่ลูกพี่ลูกน้อง
“ลูกพี่ลูกน้อง เจ้าคิดว่าข้าดุร้ายไหม?” หลิน ฟานยิ้มและถามออกไป
“แน่นอนลูกพี่ลูกน้องท่านสุดยอดมาก”โจว เชียงเหมาตอบกลับ
อาการบาดเจ็บของเขาอาจจะไม่ร้ายแรงแต่ก็ไม่เบาด้วยเช่นกัน
ตอนนั้นเองเขาก็พ่นเลือดออกมาอีกคำหนึ่ง “ลูกพี่ลูกน้องข้าสบายดี เพียงแค่ต้องพักสักครู่แล้วมันจะดีขึ้นเอง ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง”
อาวุโสวู่ส่งยาให้เขา “กินซะแล้วอาการของเจ้าจะดีขึ้น”
หลิน ฟานรับยามาและนำมาป้อนให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างรวดเร็ว
เขายอมรับลูกพี่ลูกน้องของเขาและเขาจะจำมันไปตลอดชีวิต
ลูกพี่ลูกน้องของเขาสามารถเอาชีวิตเข้าแลกได้เพื่อปกป้องเขา
จะมีสักกี่คนบนโลกนี่ที่ยอมทำอะไรแบบนี้?
“พี่หลิน เรื่องนี้มัน…”
หัวหน้าตระกูลหยวนต้องการจะอธิบายสถานการณ์เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเขาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนหลิน วานยี่จะไม่ให้โอกาสนั้นกับเขา
“เจ้าก็ต้องหุบปากด้วย เพราะข้าอยากจะให้เรื่องทั้งหมดมันจบลงตรงนี้ และข้าก็ไม่ต้องการคำอธิบายหรือคำถามอะไรด้วย”
หลิน วานยี่ที่มักจะพูดดีและสุภาพกับตระกูลเหลียงและหยวนกลับเปลี่ยนทัศนคติไปอย่างกระทันทันมันทำให้หัวหน้าตระกูลหยวนเริ่มระวังตัว
เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่อย่างไรก็ตามการแสดงออกของหลิน วานยี่มันทำให้เขาหวาดกลัว
“ไป!”
หัวหน้าตระกูลหยวนโบกมือและพาคนของเขาออกไป
การจ้องมองของหลิน วานยี่มันช่างน่ากลัวและต่างจากปกติเกินไป
“คุณหนูข้าก็คิดว่าเราควรจะกลับด้วยเช่นกัน”อาวุโสซูกล่าว
ซู หลานโบกมือของเธอ “ไม่ต้องรีบ มาดูต่อกันอีกหน่อยเรื่องมันกำลังสนุกเลย”
เมื่อเธอบังเอิญเดินทางผ่านเมืองหยูฉางเธอจึงคิดที่จะเข้ามาดูและไม่คิดเลยว่าที่นี่มันจะเป็นสถานที่ที่คึกคักได้ขนาดนี้
หลิน วานยี่พยักหน้าให้อาวุโสซูและคุณหนูเจ็ดเพื่อเป็นการทักทาย
เขามีความประทับใจที่ดีต่ออาวุโสซูและเคยได้เจอกันมากกว่าหนึ่งครั้ง
จากนั้นเขาก็เดินมาที่หลิน ฟาน “เจ้าเด็กไม่เอาไหน เจ้ารู้ไหมว่าถ้าเจ้าไม่ได้อยู่ในเมืองหยูฉางแต่อยู่ข้างนอกเจ้ามีสิทธิที่จะเสียชีวิตได้?”
“ท่านพ่อ เราก็ยังอยู่ในเมืองไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่นอกเมืองสักหน่อย” หลิน ฟานตอบ
หลิน วานยี่ขี้เกียจจะพูดกับเจ้าเด็กคนนี้แล้ว “ข้าจะลงโทษเจ้าเมื่อเรากลับไป”
“ความโกรธ +88”
จำนวนคะแนนความโกรธที่พ่อของเขาแสดงออกมามันทำให้เขารู้ว่าพ่อของเขาไม่ได้โกรธจริงๆ เขาเพียงแค่รำคาญเล็กน้อยเท่านั้น
ณ คฤหาสน์ตระกูลหลิน
“ลูกพี่ลูกน้องเจ้าพักผ่อนไปก่อนนะ” หลิน ฟานกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ผิวของลูกพี่ลูกน้องของเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบซึ่งเป็นสัญญาณว่าเม็ดยากำลังออกฤทธิ์ “หมอ ลูกพี่ลูกน้องของข้าจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“นายน้อยไม่ต้องกังวลมันไม่มีอะไรร้ายแรง เขาเพียงแค่ต้องการพักผ่อนเท่านั้น” หมอตอบ
หากเป็นคนปกติเมื่อพวกเขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้พวกเขาคงจะตายไปแล้ว
แต่อย่างก็ตามโจว เชียงเหมานั้นแข็งแกร่งมาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกำลัง นอกจากนี้เขาก็พึ่งกลืนเม็ดยาเข้าไปทำให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
“ลูกพี่ลูกน้องท่านไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ข้าแค่ต้องกินโสมอีกสักสองสามอย่างเพื่อเป็นการดูดซับแก่นของยาและสุดท้ายข้าจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง” โจว เชียงเหมายิ้มและพูดออกมา
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรบางอย่างออก
“ลูกพี่ลูกน้องข้าคิดว่าสองสามวันนี้ท่านไม่ควรจะออกไปข้างนอกเพราะท่านอาจจะต้องเผชิญหน้ากับอันตราย และเมื่อตอนนั้นมาถึงมันจะไม่มีใครสามารถปกป้องท่านได้”
หลิน ฟานตบไหล่ของโจว เชียงเหมา “ลูกพี่ลูกน้องเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าจะจำเรื่องนี้เอาไว้และจะแก้แค้นให้เจ้าเอง”
เขาแค่อยากจะเป็นนายน้อยที่ร่ำรวยและใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ
ในขณะที่เขายังคงเพิ่มสถานะของเขาตอนที่เขาว่าง
แต่อย่างไรก็ตามเขาก็พึ่งมาสังเกตว่าถึงแม้ว่าเขาจะอยู่แต่บ้านและไม่ได้ไปยุ่งกับใคร แต่มันก็จะมีคนนำปัญหามาให้เขาอยู่ดีซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถยอมรับได้
ด้วยการที่เขามีระบบสนับสนุนขนาดเล็กอยู่กับตัวเขาจะไม่ยอมให้ใครมาบังคับเขาอีก
“ลูกพี่ลูกน้องไม่ว่าจะสามารถแก้แค้นได้หรือไม่ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” โจว เชียงเหมาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก
เมื่อมองย้อนไปยังอดีตอาการบาดเจ็บเพียงแค่นี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
หลิน ฟานตบไหล่ลูกพี่ลูกน้องอีกครั้งและไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถึงลูกพี่ลูกน้องของเขาจะไม่สนใจ แต่เขาก็จะทำอยู่ดี
“โกวชิไปหาผู้จัดการเฉินและบอกเขาว่าหมู่บ้านตระกูลฉินและตระกูลจางจะเข้าร่วมกับเรา จากนั้นก็ปล่อยให้เขาจัดการที่เหลือ สุดท้ายแล้วนายน้อยผู้นี้จะเป็นคนต่อสู้กับพวกเขาจนจบเอง” หลิน ฟานในตอนนี้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ขอรับนายน้อย”
หลิน ฟานพักอยู่ที่นั่นและได้พูดคุยกันเป็นช่วงเวลาสั้นๆกับลูกพี่ลูกน้องของเขา
เมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องในวัยเด็กเขาก็จะตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาเล่าให้ฟัง เมื่อพวกเขาพูดถึงช่วงที่มีความสุขลูกพี่ลูกน้องของเขาก็จะยิ้มออกมาอย่างโง่เขลา
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเขาฟังมาถึงจุดหนึ่งมันก็ทำให้หลิน ฟานตกใจ
เพื่อปกป้องเขาแขนซ้ายของหลิน ฟานจึงถูกแทงด้วยกิ่งไม้
และนั่นก็คงเป็นตอนที่วิญญาณของเขาเข้ามาแทนที่
‘ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าตัวเองโง่ขนาดนี้ ร่างเก่าของข้าผมสั้นส่วนร่างที่ข้าอยู่ปัจจุบันผมยาว’
‘โอ้พระเจ้า’
‘ตอนนี้ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้วข้านี่มันโง่จริงๆ’
หลิน ฟานที่จมดิ่งไปกับความคิดตกตะลึงในความโง่ของตัวเอง
“ลูกพี่ลูกน้องท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” โจว เชียงเหมาถามออกมา
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ก็เท่านั้น”
ในคืนนั้นหลิน ฟานก็กลับไปที่ลานด้านหลัง เขาไม่ได้สนใจเรื่องนักฆ่าแต่กำลังคิดเรื่องอื่นแทน
เขามองไปที่ระบบสนับสนุนขนาดเล็กของเขา
ร่างกาย : 85 (เส้นทางการต่อสู้ขั้นสอง)
กำลังภายใน : 1
เทคนิคการบ่มเพาะจิตใจ : คัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญ (ขั้นหนึ่ง)
เทคนิคการเพาะปลูก : วิชาดาบพยัคฆ์อาฆาต (จุดสูงสุด)
คะแนนความโกรธ : 4,922
ในท้ายที่สุดแล้วเจ้าแก่หยวนก็ให้คะแนนความโกรธกับเขามามากมาย
“ในแง่ของการเพาะปลูกลูกพี่ลูกน้องของข้าบ่มเพาะร่างกายเป็นหลัก แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าก็พบว่าการบ่มเพาะชนิดนี้มีจุดอ่อนอยู่”
หลิน ฟานคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้สนใจฝึกฝนเลย
เขาเพียงแค่เพิ่มคะแนนเหมือนตอนที่เล่นเกมเท่านั้น
หากเขาเดินไปตามเส้นทางนี้ต่อไปในอนาคตเขาก็คงจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ปกติแล้วการฝึกทั้งสองเส้นทางมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่เพิ่มคะแนนลงไปเพียงเท่านั้น มันจะมีอะไรที่ง่ายกว่านี้อีกไหม?
ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะภายในหรือภายนอกต่างมีข้อดีข้อเสียของตัวมันเอง และถ้าหากสามารถฝึกมันไปจนถึงจุดสูงสุดได้ก็จะพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง
เขาใช้คะแนนไป500คะแนนเพื่อยกระดับร่างกายของเขาให้ถึง90โดยทันที
และก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ร่างกายของเขาได้เดินทางมาถึงเส้นทางการต่อสู้ขั้นสาม
กล้ามเนื้อแต่ละมัดของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน
ร่างกายของแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
แต่อย่างไรก็ตามคัมภีร์อาทิตย์ม่วงสี่นักบุญยังคงเป็นขั้นหนึ่งอยู่และไม่สามารถเพิ่มระดับได้
ตามการคาดการณ์ของเขาสิ่งนี้ควรจะเกี่ยวข้องกับกำลังภายใน
จุดกำลังภายในมันต่ำเกินไปที่จะปรับปรุงสิ่งอื่น
เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงและหลับตาของเขาเพื่อสัมผัสถึงกำลังภายในที่มีอยู่น้อยนิดภายในร่างกายของเขา
“พบแล้ว”
มีกำลังภายในเล็กน้อยอยู่ภายในร่างกายของเขา มันเบาบางและอ่อนแอจนอาจจะถูกละเลย
กำลังภายในค่อยๆไหลเวียนไปตามร่างกายของเขาอย่างช้าๆตามการนำของเขา
แต่ก็ไม่นานก่อนที่มันจะเจอทางตันและสลายไป ในที่สุดมันก็กลับไปหมุนเป็นเกลียวอยู่ที่เดิม
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้และสาเหตุคงจะเป็นเพราะกำลังภายในของเขาอ่อนแอเกินไป
เขาคัดสินใจเพิ่มคะแนนลงไปที่มันเล็กน้อย
กำลังภายในที่เดิมอยู่ที่1 เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับเมื่อเขาเริ่มยกระดับร่างกาย
หนึ่งร้อยคะแนนความโกรธสามารถเพิ่มได้1จุดของกำลังภายใน
ในขณะที่เขากำลังเพิ่มคะแนนลงไปเขาก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขา
ก่อนหน้านี้เมื่อเขานำกำลังภายในไปรอบๆความเร็วของมันนั้นช้ามากเหมือนหอยทาก
แต่เมื่อคะแนนมากขึ้น กำลังภายในในของเขาก็แข็งแกร่งและเริ่มไหลเวียนเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ
มันเร็วกว่าเดิมหลายเท่านัก
ถ้าเป็นคนปกติพวกเขาต้องการเวลาหลายเดือนจนถึงหลายปีเพื่อฝึกฝน
แต่สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่ต้องเพิ่มคะแนนลงไปเพียงเท่านั้น
หลิน ฟานลืมตาและพูดพึมพำกับตัวเอง “พวกเจ้าบังคับข้า ข้าเพียงแค่อยากจะเป็นนายน้อยที่มีชีวิตที่สงบสุข แต่พวกเจ้ากลับไม่ให้โอกาสนั้นกับข้า ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษนายน้อยผู้นี้ละกันที่ลงไปเล่นกับพวกเจ้า”
ณ ด้านนอกที่ท้องฟ้ายังคงมืดมิด
มีร่างเงาสองร่างกำลังยืนสังเกตการณ์ทุกอย่างภายในห้องจากระยะไกล
“นายท่านข้าว่าเราคงไม่ต้องทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว” อาวุโสวู่กล่าว
หลิน วานยี่ตอบด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ “เจ้าพูดถูกคืนนี้เราไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น เราค่อยกลับมาในวันพรุ่งนี้พร้อมกับแรงใจที่จะทำให้เขาพัฒนา และถ้าหากเขาสามารถเอาชนะข้าได้เขาก็จะเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง”